ราชวงศ์ซย่ารัชศกซั่งหยวนที่สามสิบหก ฟ้าฝนสมบูรณ์ทั่วหล้าร่มเย็นเป็นสุข ข้าราชการน้อยใหญ่ในเมืองหลวงเตรียมเสพสุขวันหยุดประจำปีหลายวันอันหาได้ยากยิ่งอย่างหน้าชื่นตาบาน
ทว่าสิงกั๋วกง[1]ม่อติ้งฟังล้มป่วยอีกแล้ว แม้ใครต่างรู้ว่านายท่านใหญ่นี้ป่วยไข้ใจ โดยเฉพาะระยะหลายปีมานี้ มักป่วยกระเสาะกระแสะ
แต่การป่วยครานี้ของนายท่านใหญ่ คนทั้งเมืองหลวงยังต้องวุ่นวาย ก็ใครใช้ให้นายท่านใหญ่ตามฮ่องเต้หญิงไคหยวนบุกยึดใต้หล้าสถาปนาแคว้นได้สำเร็จ เคยคุมทหารและม้าศึกทั่วดินแดน ปราบกบฏทั่วแห่งหน ทั้งยังช่วยฮ่องเต้องค์ปัจจุบันขึ้นครองราชย์ เป็นตัวตนดั่งเสาค้ำมหาสมุทรเล่า!
อาการป่วยของนายท่านใหญ่คราวนี้ไม่หนักหนาอะไร ฮ่องเต้จัดหมอหลวงให้ไปวินิจฉัยอาการทันที ส่งทั้งยาและยาบำรุงไปยังสกุลม่อราวสายน้ำ ด้วยการกระทำเช่นนั้นก็ไม่ต่างกับมาเยี่ยมเยือนจวนสกุลม่อเอง ฮ่องเต้ให้ความสำคัญเพียงนี้ เหล่าขุนนางจะกล้าอยู่นิ่งหรือ
ดังนั้นขุนนางน้อยใหญ่ของเมืองหลวงจึงพากันไปเยี่ยมเยือน เหยียบธรณีประตูแข็งแกร่งของสกุลม่อจนเรียบลงถึงสามชุ่น[2]
เหล่าหมอหลวงขมขื่นเหลือประมาณ รักษาโรคก็เต็มกลืนแล้ว ยังต้องคอยตอบคำถามตั้งแต่ฮ่องเต้เบื้องสูงไปจนถึงข้าราชการเบื้องล่างสารพัด ปาดเหงื่อตบอกรับประกันว่าจะรักษานายท่านใหญ่ให้หายดีให้จงได้ แต่ไข้ใจก็จำต้องรักษาด้วยยาใจ ฮว่าถัว[3]กลับมาเกิดใหม่ก็หาทางรักษาไม่ได้หรอก เหล่าหมอหลวงจนใจ แทบอยากคุกเข่าต่อหน้าเจ้าแม่ประทานบุตรอธิษฐานว่า โปรดรีบให้สกุลม่อกำเนิดบุตรสาวเถิด ทรมานกันอย่างนี้ต่อไป ไม่ช้าเร็วหัวของข้าได้หลุดแน่!
บางคนแปลกใจ อยากได้บุตรสาวยากเย็นเพียงนั้นเชียวหรือ
จวนสิงกั๋วกงร่ำรวยมีเกียรติเพียงนั้น บุตรชายสองคนรับอนุภรรยาเข้ามามาก ก็ให้กำเนิดบุตรสาวได้แล้ว ตอนนี้หาใช่ยุคสมัยที่ฮ่องเต้หญิงครองราชย์ อนุญาตแค่สามีภรรยาเดียว ไม่สนว่าเจ้าจะเป็นสามีเดียวหลายภรรยา หรือภรรยาเดียวหลายสามี ตราบใดที่ทั้งสองฝ่ายเต็มใจกฎหมายก็มิได้ห้ามปราม
ทว่ากฎบ้านสกุลม่อยังเป็นสามีภรรยาเดียว มิหนำซ้ำเรียกร้องว่าภรรยาเอกต้องให้กำเนิดบุตรทั้งหมด ต่อให้ภรรยาเอกไร้บุตร ก็ไม่อนุญาตให้รับอนุภรรยา ด้วยเหตุนี้ สกุลม่อที่ให้กำเนิดบุตรชายติดต่อกันแปดคน อยากได้บุตรีอีกหนึ่งคนจึงยากเย็นจริงแท้!
แต่ยากเย็นเพียงใดก็ต้องมีหนทางแก้ ณ จวนสิงกั๋วกง ฮูหยินผู้เฒ่าเรียกบุตรชายสองคนมาปรึกษาเรื่องอาการป่วยของนายท่านใหญ่
ฮูหยินผู้เฒ่ามาจากตระกูลขุนนางเก่าแก่มีชื่อเสียง นางเชื่อว่าตัวเองต่างจากคนหยาบที่ชอบลงไม้ลงมืออย่างนายท่านใหญ่ แต่ไหนแต่ไรมานางใช้เหตุผลตัดสินคนเสมอ
แต่ในใจของบุตรชายสองคนหาคิดเช่นนั้นไม่ พวกเขายอมให้บิดาต่อยหนึ่งหมัด ดีกว่าได้ยินมารดาต่อว่าหนึ่งยก บิดาต่อยก็แค่เจ็บผิว แต่มารดาต่อว่าเจ็บไปถึงใจ!
พวกเขาเพียงมองฮูหยินผู้เฒ่ายกถ้วยชา จิบชาหนึ่งอึก พูดอย่างไม่รีบร้อน “พ่อเจ้าป่วยไข้ใจนี้ พวกเจ้าก็คงรู้ดีแล้ว ข้าจะไม่พูดมาก คู่เจ้าใหญ่อายุมากแล้ว คาดว่าคงหมดหวัง เจ้ารองเอ๋ย เรื่องนี้ต้องพึ่งเจ้า ลองบอกแม่ซิ เจ้าตั้งใจว่าเยี่ยงไร”
สองพี่น้องถูกมารดาเรียกชื่อต่างสั่นเทาในใจ เจ้าใหญ่ม่อไท่อู่ได้ยินว่าไม่เกี่ยวกับตัวเองก็โล่งใจทันควัน เจ้ารองม่อไท่เหวินถูกมารดากับพี่ชายจ้อง หน้าผากเหงื่อผุดพรายอย่างช่วยไม่ได้
ม่อไท่เหวินชำเลืองมองฮูหยินผู้เฒ่า ยิ้มแหยๆ “ท่านแม่ ปีนี้ลูกสามสิบห้าแล้ว จิ้งเหนียงก็ใกล้สามสิบ ตั้งครรภ์ได้อีกที่ไหนเล่า อีกอย่าง คลอดเจ้าหนูสี่คนรวดหมด มันก็ช่วยไม่ได้จริงๆ!”
พอม่อไท่อู่ได้ยินพลันรีบร้อนโพล่ง “เจ้ารอง เจ้าเพิ่งสามสิบห้าห่วงอะไรกัน ราชเลขาธิการหวังของบ้านอื่นใกล้ห้าสิบแล้วยังเพิ่มลูกสาวตัวน้อยหนึ่งคนเลย เจ้าก็พยายามอีกสักคนสิ!”
ม่อไท่เหวินตาโตอ้าปากค้างมองพี่ชายตัวเอง ได้ยินแค่คำโน้มน้าวอีกระลอก “เจ้าอยู่ในวัยหนุ่มแน่นมีกำลังวังชา พยายามกับน้องสะใภ้อีกที ปีหน้าเอาชนะโรคไข้ใจของพ่อพวกเรา ทีนี้พวกเจ้าก็จะเป็นผู้มีผลงานใหญ่ของสกุล!”
ฮูหยินผู้เฒ่าพยักหน้ารัวๆ “ถูกต้อง เรื่องนี้ต้องพึ่งเจ้ากับจิ้งเหนียงแล้ว!”
ม่อไท่อู่สุมไฟอีก “เจ้ารอง คิดเสียว่าพี่ชายขอร้องเจ้าแล้ว อย่ายอมแพ้เด็ดขาดเลยนะ!”
ม่อไท่เหวิน “…”
ไม่ว่าอย่างไรกั๋วฮูหยิน[4]ที่มาจากสกุลใหญ่กับเสนาบดีกลาโหมผู้สง่าผ่าเผย ถึงตายก็จะให้เขามีบุตรให้ได้ อีกทั้งยังต้องเป็นบุตรสาว พวกท่านว่ามันเหมาะสมหรือ
แต่พี่ชายกับมารดาท่านนี้ไม่ว่าจะเหมาะสมหรือไม่ ก็ไม่ปล่อยเขาแล้ว ในใจของม่อไท่เหวินขมยิ่งกว่าบอระเพ็ดเสียอีก! เพื่อโรคไข้ใจนี้ของบิดา พวกเขาสองสามีภรรยาให้กำเนิดบุตรน้อยสี่คนแล้ว อายุมากสุดคือสิบขวบ น้อยสุดคือสี่ขวบ เป็นเด็กแสบซนยิ่งกว่าลิงเสียอีก!
ให้กำเนิดบุตรชายช่างน่ากลัวเหลือเกิน โดยเฉพาะระยะสามปีนี้ ทำอย่างไรก็ไม่เกิดผลสักนิด ยังต้องพยายามเยี่ยงไรอีก
ยิ่งไปกว่านั้นถ้าพยายามสุดชีวิตแล้วยังคลอดลูกชายอีก จะไม่บ้าตายเลยหรือ
ฮูหยินผู้เฒ่ามองม่อไท่เหวินสีหน้าย่ำแย่ไม่เอ่ยสักวาจา นางคิดชั่วครู่ วางถ้วยชา กระแอมไอเบาๆ ม่อไท่อู่ปิดปากทันควัน รอนางพูด
ฮูหยินผู้เฒ่ามองม่อไท่เหวิน พูดอย่างไม่เร่งร้อน “เจ้ารองเอ๋ย แม่รู้ว่าเจ้ากับสะใภ้ก็ไม่ง่าย คลอดบุตรน้อยสี่คนแล้ว อย่าว่าแต่จิ้งเหนียงอายุมากแล้วตั้งครรภ์ลำบาก ต่อให้ตั้งครรภ์ก็ไม่แน่ว่าเป็นผู้หญิง ปัญหาของพวกเจ้า แม่เข้าใจ”
ม่อไท่เหวินพานน้ำตาจะไหลด้วยคำพูดเอาใจใส่ครานี้ของมารดา เขาอดสูดจมูกมิได้ เตรียมเอ่ยปาก
ทว่ากลับได้ยินฮูหยินผู้เฒ่ากล่าวอีกว่า “แต่ว่านะเจ้ารอง ปีนี้พ่อของเจ้าอายุเจ็ดสิบถ้วนแล้ว ช่วงชีวิตคนเจ็ดสิบปีนับว่าหายาก คงอยู่ได้อีกไม่นาน เจ้าทนให้เขาอดอุ้มหลานสาวก่อนตายได้หรือ ตอนนั้นเจ้ายืนกรานเป็นตายร้ายดีอย่างไรก็ขอไม่เรียนหนังสือ จะค้าขาย ทำเอาพ่อเจ้าโกรธจนกระอักเลือด ร่างกายเหล็กกล้านั้นค่อยๆ ถดถอยในแต่ละวัน หลายปีมานี้ดูเขานอนดื่มยาฉลองปีใหม่ เจ้าลองว่ามาซิหากเกิดเหตุเป็นไปไม่คาดฝันขึ้นจริงๆ เจ้าจะทำอย่างไร ครอบครัวของพวกเราจะทำอย่างไร”
คำพูดนี้พูดจนทุกคนเศร้าสลด ส่วนม่อไท่เหวินตารื้นแดงอย่างห้ามไม่อยู่แล้ว
ฮูหยินผู้เฒ่าถอนหายใจ “หลายปีมานี้ อุ้มหลานชายติดต่อกันแปดคน กลับไม่มีหลานสาวสักคน บางคราข้าก็คิดว่า พวกเราสกุลม่อก่อกรรมทำเข็ญไว้มากเกินหรือ สวรรค์จึงลงโทษ มิให้เด็กสาวพวกเราสักคนเดียว แม่รู้ พวกเจ้าลำบากทั้งนั้น แต่ข้ากับพ่อเจ้าปล่อยวางจนกว่าจะถึงลมหายใจสุดท้ายไม่ได้จริงๆ เจ้ารองเอ๋ย เจ้าลองปรึกษากับจิ้งเหนียงอีกทีเป็นไร ว่าได้หรือไม่”
เห็นมารดาผมขาวเต็มศีรษะขอร้องตนทั้งน้ำตาคลอเบ้า นึกถึงความเอาแต่ใจของตัวเองยามเยาว์วัยที่ยังไม่เป็นโล้เป็นพาย แม้รู้แก่ใจว่าร่างกายของบิดาถึงบอกว่าไม่ดีก็ยังดีกว่าตัวเอง ทว่าชีวิตเล่า ม่อไท่เหวินข่มความโศกเศร้าในใจไม่ไหว หุนหันรับปากฮูหยินผู้เฒ่า ทั้งๆ ตาแดงก่ำ “ท่านแม่ ท่านกับท่านพ่อวางใจได้ ข้ากับจิ้งเหนียงต้องให้พวกท่านได้อุ้มหลานสาวแน่นอน!”
ท่าทีโศกเศร้าเหลือคณาของฮูหยินผู้เฒ่าหายไปโดยพลัน ยิ้มหน้าบานพูดกับม่อไท่อู่ “เจ้าได้ยินแล้วใช่ไหม เจ้ารองเป็นคนพูดแล้วไม่คืนคำ เจ้าใหญ่ รีบไปบอกข่าวพ่อเจ้าเดี๋ยวนี้เลย ตาเฒ่าบอกไม่ดีก็ต้องดีแล้ว”
ม่อไท่อู่มองม่อไท่เหวินอย่างพออกพอใจ เขาลุกไปแจ้งนายท่านใหญ่ ม่อไท่เหวินมองพี่ใหญ่กับมารดาที่สีหน้าเปลี่ยนไวเสียยิ่งกว่าพลิกหน้าหนังสือ ก็เจ็บใจอยากเอาหัวโขกกำแพง
สองคนนี้เจ้าเล่ห์เกินไปแล้ว ขุดหลุมอย่างดีรอเขากระโดดลงไป เขาตอบรับเรื่องนี้โดยไม่คิดไปเสียแล้ว กลับไปจะสารภาพกับภรรยาอย่างไรดีเล่า
**ติดตามตอนต่อไปก่อนใครได้ที่ https://www.readawrite.com/a/0278e9df5d182182d98848bc2c6b22f2
[1] กงเป็นบรรดาศักดิ์ขุนนางขั้นสูงสุด รองลงมาคือ โหว ป๋อ จื่อ และหนาน โดยกงยังแบ่งออกได้อีกหลายขั้น เช่น กั๋วกง จวิ้นกง
[2] หนึ่งชุ่นเท่ากับหนึ่งนิ้ว
[3] ฮว่าถัว (หรือฮัวโต๋) เป็นหมอยาในปลายสมัยราชวงศ์ฮั่นตะวันออก เชี่ยวชาญการใช้ยาและผ่าตัด จนภายหลังได้รับการเรียกขานว่า ปรมาจารย์ศัลยแพทย์
[4] กั๋วฮูหยินเป็นบรรดาศักดิ์ฝ่ายสตรี มอบให้ภรรยาหรือมารดาของขุนนางขั้นที่หนึ่งหรือขุนนางบรรดาศักดิ์กั๋วกง