พรางเสน่หากาฝากรัก

บทที่ 4-3

บรรยากาศในบริษัทเงียบเชียบจนฌอห์ณคิดว่าวันนี้เป็นวันหยุดของบริษัท พนักงานหลายคนคงรู้แล้วว่าวันนี้เลขานุการคนใหม่จะเข้ามาทำงาน ทำหน้าที่คอยประกบเขาตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง แต่พอร่างสูงกำยำสาวเท้าล่วงผ่านทางเดินเข้ามาได้ไม่กี่ก้าว ฌอห์ณต้องหยุดฝีเท้าลงกะทันหันทำเอาคนข้างหลังเบรกไม่ทันชนเข้ากับแผ่นหลังกว้าง ชายหนุ่มหันรีหันขวางไม่ได้สนใจปาลินมากนัก สิ่งที่ทำให้แปลกใจจนขนหัวลุกคือทุกสายตาที่จับจ้องเป็นตาเดียวกันมากกว่า เอ...หรือเขาจะเข้ามาผิดบริษัท นี่ใช่บริษัทของเขาหรือเปล่า คนพวกนี้เขามองอะไรกัน!

“เธอว่ามันแปลกๆ ไหมปาลิน ฉันใส่เสื้อกลับด้านหรือเปล่า ทำไมพวกเขาถึงมองฉันแบบนั้น”

ปาลินขมวดคิ้ว ร่างอรชรสำรวจรอบตัวชายหนุ่มด้วยสายตาแพรวพราว

“ไม่เห็นมีอะไรผิดปกติเลยหนิคะ หล่อจะตาย”

จริงอย่างที่เธอว่า ไม่มีอะไรผิดปกติเกิดขึ้นกับเขาหรอก สายตาคล้ายถูกมนตร์สะกดตรึงไว้ จ้องมองเพียงสิ่งเดียวคือแม่ตุ๊กตาแสนสวยที่ยืนตาแป๋วอยู่ตรงหน้านี้ต่างหากเล่า ตุ๊กตาที่มีรูปร่างบอบบางได้สัดส่วนน่ามองในเสื้อซีฟองแขนยาวรัดรูปสีแดงสด ผูกโบว์ใหญ่ๆ สีเดียวกันตรงคอเสื้อ กระโปรงสีดำเอวสูงความยาวเหนือเข่าผ่าข้างโชว์เรียวขาสวยกระชับ ดวงหน้าสวยหวานกับริมฝีปากจิ้มลิ้มสีพีชอมชมพูระเรื่อล้อมกรอบด้วยเรือนผมสลวยดุจแพรไหมสีน้ำตาอ่อนยาวเป็นลอน...แม่ตุ๊กตาเดินได้ของเขานี่เองที่สะกดทุกสายตา พับผ่าสิ! เธอช่างดูเซ็กซี่ ร้อนแรงและหวานหยาดเยิ้มในคราวเดียวกัน

ฌอห์ณหายใจไม่ทั่วท้อง เขาจะทำอย่างไรดีให้เด็กคนนี้อยู่ใกล้ชิดเขามากที่สุดไม่ให้คลาดสายตา ไม่ให้ผู้ชายหน้าไหนเข้ามาใกล้และมองเธอด้วยสายตาโลมเลีย บ้าชิบ! เขาคิดถูกหรือเปล่านะที่หอบหิ้วเธอเข้ามาในบริษัทในฐานะเลขานุการส่วนตั้ว ส่วนตัว

“ไม่มีอะไรก็ดีแล้ว” ฌอห์ณข่มเสียงลอดไรฟัน “ท่องให้ขึ้นใจด้วยนะปาลินว่าที่นี่มีแค่เจ้านายกับลูกน้อง เธอต้องทำตามคำสั่งฉันอย่างเคร่งครัด ห้ามเรียกฉันด้วยสรรพนามแปลกๆ ต่อหน้าคนพวกนี้เด็ดขาด ห้ามอวดอ้างว่าเป็นใครหรือเกี่ยวข้องอะไรกับฉัน และที่สำคัญ”

“ห้ามแสดงอภิสิทธิ์อยู่เหนือคนอื่น ป๋ากำชับหนูทุกห้านาทีตั้งแต่ออกจากบ้าน ตอนนี้มันฝังอยู่ในเซลล์ประสาทแล้วค่ะ”

“ถ้าเข้าใจก็อย่าสร้างปัญหาให้ฉันล่ะ”

ฌอห์ณชักหน้าเคร่งขรึมกันตัวเองออกมาจากวังวนของปาลิน เมื่ออยู่ในบริษัทเขาคือประธานบริษัท Jewel of Life ผู้เคร่งขรึม สุขุม รอบคอบ ภาพลักษณ์อันแน่วแน่จะสั่นคลอนเพราะแรงดึงดูของปาลินไม่ได้ เขาต้องเตือนสติตัวเองทุกเวลา แล้วก้าวไปข้างหน้าอย่างมาดมั่นไม่สนใจคนข้างหลังที่ตามต้อยๆ เหมือนลูกไก่ เจ้าของฝีเท้ายาวเดินเร่งรีบเสียจนสองเท้าน้อยๆ แทบจะกลายเป็นวิ่งตาม

“ไม่เห็นต้องรีบขนาดนั้นเลยนี่นา ห้องทำงานไม่หนีไปไหนซักหน่อย”

ปาลินบ่นไล่หลัง เธอเคยเข้ามาเป็นนักศึกษาฝึกงานที่นี่ ในฝ่ายการตลาดจึงพอคุ้นเคยกับบรรยากาศในบริษัทอยู่บ้างแต่ไม่ค่อยรู้จักใครเลยนอกเหนือจากคนในแผนกเดียวกันและดูเหมือนพนักงานที่นี่จะไม่มีใครรู้จักเธอเช่นกัน พอฌอห์ณพาเธอมาถึงหน้าห้องทำงานของเขา เธอจึงเห็นว่าโต๊ะทำงานตัวสีเทาแทบจะอยู่อย่างโดดเดี่ยวหน้าห้องแต่บนโต๊ะนั้นกลับมีเอกสารพร้อมทุกอย่าง สุมพะเนินเป็นภูเขาเลากา

“เธอรู้หน้าที่ของตัวเองหรือเปล่า ต้องให้ฉันหาคนมาช่วยสอนงานเบื้องต้นให้ไหม”

“ไม่เป็นไรค่ะ หนูเรียนมาทางด้านนี้โดยตรง ป๋าไม่ต้องกังวลหรอกว่าหนูจะทำให้งานของป๋าล่าช้า”

“ค่อยๆ เรียนรู้ไปก็แล้วกัน ถ้ามีปัญหาอะไรก็เข้ามาหาฉันได้ตลอด” ถึงจะพูดอย่างนั้น แต่เขากลับอยากจะย้ายโต๊ะทำงานของเธอเข้าไปวางในห้องของเขาเลยด้วยซ้ำ เธอจะได้อยู่ในสายตาตลอดเวลา

“จะรับกาแฟเลยไหมคะท่านประธาน” ปาลินสัพยอกอย่างรู้หน้าที่ แม้จะทำอาหารไม่เป็นแต่งานชงกาแฟก็ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเธอ ก็แค่ชงกาแฟ เธอทำได้อยู่แล้วน่าปาลิน

“ขอบใจ sweet heart” ชายหนุ่มตอบรับด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ที่แสดงออกอย่างไม่เคอะเขิน

ห้องทำงานของประธานบริษัทใครเลยจะกล้าเดินเข้ามากินลมชมวิวเล่น เขามีอภิสิทธิ์ทุกอย่างที่ปาลินไม่มี แม่ตุ๊กตาตัวน้อยเอ๋ย เขาจะเป็นผู้ปลูกฝังความต้องการของเธอเองนับจากนี้ ปาลินต้องเรียนรู้ว่าเมื่อไหร่ที่หัวใจเขาเต้นแรงเพราะเธอ น้ำที่สามารถดับไฟในใจลงได้ย่อมมาจากตัวเธอเท่านั้น ช่วงเวลาที่ขาดหายไปเขาคนนี้แหละจะเป็นผู้เติมเต็มให้สมบูรณ์ด้วยความรักและความเข้าใจ

เจ้าของโต๊ะทำงานคนใหม่ยังไม่ยอมหยิบเอกสารกองพะเนิน แต่สายตาแพรวพราวหันมาเช็คสมุดบันทึกของเลขานุการคนเก่าเป็นอันดับแรก รายละเอียดที่ถูกจดบันทึกลงไปเขียนด้วยตัวบรรจงสวยงาม มีรอยลิปสติกจางๆ ประทับเป็นตราประจำตัว เดาได้ว่าเจ้าของคนเก่าคงไม่ใช่ผู้ชายอกสามศอกอย่างแน่นอน

ปาลินล้วงสมุดบันทึกสีฟ้าครามของตัวเองขึ้นมา คัดลอกรายละเอียดอย่างตั้งอกตั้งใจก่อนจะโยนสมุดเล่มเก่าทิ้งลงในถังขยะไม่ใยดี จากนั้นจึงหันมาให้ความสนใจกับเอกสารซึ่งมาจากฝ่ายการเงินและฝ่ายการตลาด จนกระทั่งเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เธอรับสายด้วยน้ำเสียงอ่อนหวานเท่าที่ในชีวิตนี้เคยพูดมาหากแต่เสียงกระชากในสายทำเอาปาลินทำหน้าบอกบุญไม่รับ

“ต้องขออภัยด้วยนะคะ บ่ายนี้คุณฌอห์ณติดธุระด่วนจริงๆ ค่ะ เกรงว่าจะไม่สะดวก” เธอข่มใจตอบกลับด้วยเสียงหวานเช่นเดิม แต่ฟังจากน้ำเสียงที่เปล่งออกมาพร้อมกับอารมณ์ไม่โสภาของอีกผ่ายแล้ว ปาลินคิดว่าผู้หญิงในสายคงไม่ใช่พวกสาวๆ ของฌอห์ณเป็นแน่และไม่ใช่ลูกค้าอีกนั่นแหละ พอถามชื่อก็ไม่ยอมบอกดึงดันจะนัดเจอชายหนุ่มให้ได้ อารมณ์ร้ายแบบนี้คงเป็นมนุษย์ป้าวัยทองแล้วละมั้ง

“ฉันก็มีธุระสำคัญเหมือนกัน รีบต่อสายเจ้านายหล่อนให้ฉันเดี๋ยวนี้ก่อนที่ฉันจะโมโห”

“จะให้ดิฉันบอกคุณฌอห์ณว่าใครต้องการคุยด้วยคะ”

“หล่อนไม่จำเป็นต้องรู้”

ปาลินหน้าแดงก่ำ หงุดหงิดเพราะคำว่า ‘หล่อน’ นี่แหละ อยากเห็นหน้าค่าตาจริงเชียวว่าผู้หญิงคนนี้เป็นใครกัน ถึงเอาแต่ตะคอกไม่มีความเกรงใจ และตามหน้าที่แล้วอย่างน้อยก็สมควรรู้ชื่อเสียงเรียงนามเอาไว้ว่าผู้หญิงมารยาทเหลือน้อยคนนี้ไม่ใช่เอเลี่ยนนอกโลกที่ไหน

“ขอโทษนะคะ ดิฉันต้องทราบชื่อของคุณก่อนถึงจะสามารถโอนสายต่อให้คุณฌอห์ณได้”

“นังเด็กอวดดี! น้ำหน้าอย่างเธอถึงบอกไปก็ไม่รู้จักฉันหรอก”

“ก็บอกมาสิคะจะได้รู้จัก”ปาลินรวนกลับ ไม่ได้เล่นลิ้นอะไรเล้ย แต่อารมณ์ประมาณว่า หมั่นไส้ยัยมนุษย์ป้านี่เหลือเกิน

“อยากให้ฉันตามไปตบปากเธอถึงที่เลยหรือไง”

“Oh-my-god?”

พูดแบบนี้ก็สวยสิป้า!

*****************************************

ฝากนิยายรัก 'พรางเสน่หา กาฝากรัก' ด้วยนะคะ

รีวิวจากผู้อ่าน

กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว