.
.
.
“ไม่ได้หรอก”
ชอนซารีบส่ายหน้าและยื่นถุงที่มีกล่องโทรศัพท์มือถืออยู่ด้านในคืนแทฮยองทันที ไม่ได้เด็ดขาด เธอจะรับของแพงๆ แบบนี้จากคนอื่นได้ยังไง เราสองคนไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรเลยแม้แต่เพื่อนสนิทก็ไม่ใช่ แล้วยิ่งไปกว่านั้น ทำไมแทฮยองถึงได้ซื้อของสิ่งนี้มาให้เธอ ชอนซามั่นใจว่าอีกฝ่ายจงใจซื้อมาให้เพราะมันดูยังใหม่มากๆ ราวกับพึ่งออกมาจากร้านไม่นานนี้เอง
“...”
“นายเอาคืนไปเถอะ”
ชอนซาตั้งไว้บนโต๊ะข้างแม็คบุ้คก่อนจะก้มหน้าลง เธอทำตัวไม่ถูก และสายตาคู่คมของอีกฝ่ายที่กำลังจ้องมองมายิ่งทำให้ชอนซาประหม่ามากขึ้น
ไม่เข้าใจ...ไม่เข้าใจเลยสักนิด
“ซื้อมาแล้ว จะให้เอาไปทิ้งรึไง?”
“แล้วนายซื้อมาทำไม”
“ซื้อมาก็ต้องซื้อมาให้ใช้ หยุดถามมากแล้วเอาไปสักที”
เขาถอนหายใจอย่างกับเบื่อที่จะพูดเต็มทน ชอนซาเม้มปากแน่น
“นายทำแบบนี้ทำไม”
แทฮยองสบตากับชอนซาที่ฉายความสงสัยมากมายจนปิดไม่มิด จากสายตาเรียบนิ่งก็วูบไหวแค่ไม่กี่วินาทีก่อนจะหลบไปมองหน้าจอต่อ ชอนซาไม่ได้รับคำตอบแต่เธอรู้สึกได้ว่าแทฮยองกำลังมีบางอย่างซุกซ่อนอยู่ในสายตาคู่นั้น
“เอาไปใช้เถอะ ถ้ามีเป็นของตัวเองเมื่อไรก็แค่เอามาคืน”
เขาตอบไม่ตรงคำถามก่อนจะเลี่ยงโดยการลุกขึ้นและเดินเข้าห้องน้ำในที่สุด ชอนซาแน่นิ่ง จ้องมองโทรศัพท์ตรงหน้าด้วยความรู้สึกมากมายตีรวนอยู่ในใจ ระแวง หวาดกลัว...กลัวว่าแทฮยองจะทำกับเธอแบบจีมินที่ยื่นเงินให้ยืมแต่สุดท้ายก็มาลงเอยอย่างน่าเวทนา พวกเขาเป็นเพื่อนกัน พวกเดียวกันมักจะคิดเหมือนๆ กันไม่ใช่เหรอ และไม่แน่แทฮยองอาจจะถูกจองกุกส่งมาปั่นหัวเธอเล่นก็ได้ ตอนนี้ชอนซาไม่ไว้ใจใครทั้งนั้น
เธอแค่อยากปกป้องตัวเอง...ปกป้องความรู้สึกที่บอบช้ำมานักต่อนักของตัวเองให้ปลอดภัยไปวันๆ
.
.
.
อีกด้านหนึ่งของทางเข้าซอยคับแคบ รถยนต์คันหรูจอดเทียบฟุตบาทเมื่อถึงที่หมาย จองกุกปลดสายเข็มขัดนิรภัยออกก่อนจะหยิบมือถือและเข้าแชทกลุ่มอีกครั้ง ยูอาได้อัพโหลดไฟล์วีดิโอทั้งหมดที่ถ่ายทำในช่วงวันหยุดที่ผ่านมา พวกเขาได้นัดกันไปทำในวันหยุดที่จะถึงแต่ครั้งนี้จองกุกตัดสินใจรับงานตัดต่อมาทำเองทั้งหมดซึ่งเขาได้พิมพ์ข้อความลงไปก่อนที่จะออกจากบ้านเมื่อสิบห้านาทีก่อน แน่นอนว่าการกระทำครั้งนี้สร้างความไม่เข้าใจให้กับเพื่อนที่เหลือ
มือหนาคว้ากระเป๋าแม็คบุ้คก่อนจะลงจากรถยนต์ของตัวเอง เขาเดินเข้าตรอกซอยที่คับแคบ จุดมุ่งหมายคือบ้านหลังเก่าของใครบางคนที่จองกุกตั้งใจจะให้อีกฝ่ายทำงานตัดต่อครั้งนี้คนเดียวโดยมีเขานั่งสั่งการอยู่ข้างๆ แค่คิดก็สนุก...ดีกรีนักศึกษาเรียนดีถึงขนาดได้ทุนเรียนฟรีสี่ปีคงไม่เหนือบ่ากว่าแรง ใบหน้าหล่อเหลายกยิ้มเมื่อถึงหน้าบ้านไม้เก่าโทรม ประตูใกล้พังเปิดแง้มไว้เล็กน้อย จองกุกถือวิสาสะเปิดประตูเข้าไปและตามคาด เขาเห็นตัวน่ารังเกียจนั่งอยู่ในบ้าน หน้าตาเหลอหลาของเธอที่ส่งมาราวกับเห็นผีแต่ทว่าจองกุกไม่ทันได้สังเกตว่าตรงหน้าเธอมีของบางอย่างซึ่งไม่น่าจะมาอยู่ในบ้านหลังนี้ได้
“นาย มาทำไม”
จองกุกก้าวเข้าบ้านชอนซาในขณะที่เธอเอาแต่ทำหน้าตกใจ และทำท่าจะเปิดปากพูดถึงจุดประสงค์ในการมาครั้งนี้แต่ฉับพลัน...ใครบางคนเดินออกมาจากห้องน้ำ ร่างสูงดูดีเจ้าของใบหน้าเรียบนิ่งสบตากลับมา จองกุกเบิกตาค้าง ก่อนที่นัยน์ตาคมจะแปรเปลี่ยนเป็นแข็งกร้าวระคนสงสัย
“ไอ้แทฮยอง”
คนถูกเรียกชื่อชะงักค้างไปครู่หนึ่งและรีบเปลี่ยนสีหน้าให้กลับมาเป็นปกติ ชอนซารีบลุกขึ้นยืนเมื่อผู้ชายตัวใหญ่สองคนยืนอยู่ในบ้านของเธอ จองกุกตวัดตามองชอนซาอย่างแค้นเคืองทั้งที่เธอก็ไม่เข้าใจว่าทำไมอีกฝ่ายถึงได้ทำท่าน่ากลัวขนาดนี้ ต่างจากแทฮยอง เขาเพียงแค่ยืนนิ่งๆ จ้องตาจองกุกกลับไปเท่านั้น
“มึงมาที่นี่ทำไม”
จองกุกถามเพื่อนตัวเอง หัวคิ้วขมวดชนกัน เขาไม่เข้าใจและต้องการคำตอบในตอนนี้ แทฮยอง...เพื่อนคนที่ไม่สนใจโลกซึ่งจองกุกรู้นิสัยของอีกฝ่ายดีกว่าใคร และก็รู้ดีด้วยว่าไม่มีเหตุผลอะไรที่แทฮยองต้องมาอยู่ในบ้านของตัวน่ารังเกียจ คนถูกถามเพียงแค่เคลื่อนสายตาไปมองโต๊ะตัวเตี้ยบนพื้นเป็นคำตอบว่าเขามาทำอะไรที่นี่ จองกุกเห็นแม็คบุ้ครุ่นเดียวกับตัวเองซึ่งเปิดหน้าโปรแกรมตัดต่อวีดิโอค้างเอาไว้
“แล้วมึงล่ะ มาทำไม”
แทฮยองถามกลับ โดยที่ลอบมองมือหนากำแน่นอยู่ข้างลำตัว
“ถ้ามึงอ่านแชทกลุ่ม”
“โทษที กูไม่ว่างอ่าน”
“...”
แทฮยองยักไหล่ เดินไปนั่งลงหน้าโต๊ะตัวเตี้ยราวกับไม่รู้สึกรู้สาอะไร ตั้งใจจะทำงานต่อโดยไม่สนใจเพื่อนตัวเองที่ยืนกัดกรามแน่นเลยสักนิด มีเพียงชอนซาที่ตัวเกร็งทั้งทีนี่คือในบ้านของเธอเอง แต่ทำไมผู้ชายพวกนี้ถึงทำราวกับเป็นสถานที่สาธารณะจะเข้าออกตอนไหนก็ได้
“งานนี้กูบอกในกลุ่มแล้วว่าจะรับผิดชอบเอง มึงกลับไปซะ”
จองกุกเอ่ยขึ้น จ้องแทฮยองเขม็งแต่อีกฝ่ายไม่สะทกสะท้าน
“กูมาก่อน แล้วกูก็ทำไปได้เกือบครึ่งแล้วด้วย”
“ที่เหลือกูจะทำต่อเอง”
“มึงนั่นแหละที่ต้องกลับไป”
จากที่จะไม่คิดอะไรอย่างที่แทฮยองปฏิเสธไปก่อนหน้านี้แต่ต้องคิดใหม่ จองกุกแทบจะกลั้นลมหายใจเพราะกำลังโมโหขั้นขีดสุด แทฮยองตอบแค่นั้นและจ้องหน้าจอต่อ ใบหน้าเรียบนิ่งของอีกฝ่ายส่งผลให้จองกุกหัวร้อนไม่มากก็น้อย ตวัดมองตัวน่ารังเกียจที่ยืนนิ่งและเอาแต่ก้มหน้า
...แต่จองกุกกลับพูดอะไรไม่ออกสักคำ เขาไม่มีอะไรเอาไปต่อรองให้ชอนซาไล่แทฮยองไปและเลือกเขา จองกุกปากหนักกว่าที่เคยเป็น เพราะเขารู้ว่าถ้าให้เลือกจริงๆ เธอก็คงไม่เลือกเขาแน่ๆ
“นายกลับไปเถอะ”
และแล้วตัวน่ารังเกียจก็เอ่ยปากไล่เขาเองในที่สุด...จองกุกกำหมัดแน่นก่อนจะสังเกตว่าตัวเองไม่เคยโกรธใครเท่าวันนี้มาก่อน บอกแล้วไงว่าเขาไม่ชอบถูกหักหน้า และผู้หญิงคนนี้กำลังทำ
ทั้งที่เธอควรเป็นเครื่องรองมือรองตีนเขาแท้ๆ แต่ทำไมช่วงหลังมานี้กลับมีคนออกตัวปกป้องเธอ อยากทำตัวเป็นพระเอกกันเป็นแถว
“ได้”
“...”
“จำคำของเธอเอาไว้ อย่าเผลออยู่คนเดียวล่ะ”
จองกุกสาบานว่าไม่ได้แค่ขู่ เขาจ้องกล่องบางอย่างที่ตั้งบนโต๊ะตรงหน้าแทฮยองก่อนจะหมุนตัวออกไปจากบ้านหลังนี้ทันที ทั้งที่คนใจร้ายไปแล้วแต่ชอนซาก็ยังยืนก้มหน้านิ่งราวกับไม่อยากเงยหน้าขึ้นมาให้ใครเห็นความอ่อนแอที่กำลังเผชิญอยู่ คำพูดของจองกุกสร้างความหวาดกลัวให้กับเธอนับต่อจากนี้ ทำไมผู้ชายคนนั้นถึงไม่หยุดทำร้ายเธอสักที หากเกลียดกันก็แค่ต่างคนต่างอยู่ไม่ใช่เหรอ
หรือการที่ชอนซายังแบกหน้าไปมหาวิทยาลัยทุกวันอีกฝ่ายถึงได้จองล้างจองผลาญไม่เลิกรา จุดประสงค์ของคนกลุ่มนั้นคือต้องการให้ชอนซาออกไปจากมหาวิทยาลัยไม่ว่าจะด้วยทางไหนก็ตาม เธอไม่ลาออกไปเองพวกเขาก็จะบีบให้เธอออก นั่นคือคำพูดของพวกเขาซึ่งชอนซาไม่เคยลืม
“จะยืนตรงนั้นอีกนานมั้ย?”
เสียงทุ่มเอ่ยติดรำคาญ ชอนซามองแทฮยองและความอ่อนแอที่ฉายชัดออกมาทำให้ชายหนุ่มรับรู้เป็นอย่างดี
“นายก็กลับไปเถอะ”
“...”
“งานนี้ฉันจะทำเอง ขอเวลาหน่อยแล้วกัน”
ก่อนจะหลุบสายตามองพื้น ชอนซาไม่อยากอยู่ใกล้หรือยุ่งวุ่นวายกับพวกเขาให้มากไปกว่านี้ แค่นี้เธอก็รู้สึกว่าตัวเองพัวพันกับพวกเขาเกินกว่าจำเป็นแล้ว...ทว่าแทฮยองทำหูทวนลม เขาได้ยินคำเอ่ยไล่ชัดเจนแต่กลับตั้งหน้าตั้งตาทำงานต่อโดยไม่สนใจเจ้าของบ้าน ชอนซาไม่เข้าใจเลยสักนิด
และสิ่งที่เธอสันนิษฐานเอาไว้ก่อนหน้านี้ว่าจองกุกอาจจะร่วมมือกับแทฮยองมาปั่นหัวเธอเหมือนกับที่โฮซอกร่วมมือกับจีมินเรื่องเงิน แต่เมื่อครู่ที่จองกุกปรากฏตัวก็เหมือนกับว่าพวกเขามาเจอกันโดยบังเอิญจริงๆ
“ตรงนี้ควรใส่คำพูดว่ายังไง”
จู่ๆ เขาก็พูดขึ้นทำลายห้วงภวังค์ของชอนซาจนแตกกระจาย นัยน์ตาเรียบนิ่งมองหน้าจอแม็คบุ้คก่อนจะเหลือบมองเธอราวกับขอความคิดเห็นเรื่องงาน ชอนซาสูดลมหายใจเข้าและเดินไปหาอีกฝ่ายอย่างช่วยไม่ได้ ร่างเล็กนั่งลงข้างๆ แทฮยอง ตั้งใจมองงานบนจอและคิดตามเนื้อหาในบทเรียนโดยที่ลืมเรื่องคาใจก่อนหน้านี้ไปซะสนิท
“ลองแบบนี้มั้ย”
ชอนซาลงมือพิมพ์ในสิ่งที่เธอคิดออก ส่งผลให้แทฮยองขยับร่างกายเล็กน้อยเพื่อให้ชอนซานั่งได้ถนัด
“ประโยคเมื่อกี้มันคลุมเครือไป ฉันคิดว่าแบบนี้น่าจะดีกว่า”
แทฮยองมองใบหน้าด้านข้างของเธอตลอดเวลา จนกระทั่งชอนซาเงยหน้าขึ้นมาสบตา เขาจึงพยักหน้าและหันไปมองหน้าจอเช่นเดิม
.
.
.
ทั้งคู่ช่วยกันระดมความคิดจนกระทั่งงานเกือบจะเสร็จสมบูรณ์ แต่ชอนซากลับเอ่ยปากให้เขากลับไปอีกครั้งเพราะเธอต้องออกไปทำงานพิเศษที่ร้านบะหมี่ต่อจากนี้
“วันนี้พอแค่นี้ก่อนได้มั้ย คือฉันต้องออกไปทำงานน่ะ”
“อืม”
จนถึงตอนนี้เขาก็พูดน้อยแทบนับคำได้ แทฮยองปิดเครื่องแม็คบุ้คและเก็บกลับอย่างเดิมก่อนจะลุกขึ้นยืนในขณะที่ชอนซาก็รอส่งแขกตรงหน้าประตูบ้าน
“จะไปทำงานไม่ใช่เหรอ”
“ใช่ แต่อีกแป๊บค่อยไป”
“อืม”
แทฮยองตอบแค่นั้นและนั่งลงบนพื้นอีกครั้ง ชอนซาตกใจไม่น้อยที่เขาไม่ยอมออกจากบ้านเธอไปสักที
“นาย—”
“เดี๋ยวไปส่ง”
“...”
ถึงกับพูดไม่ออก…แทฮยองเพียงแค่หยิบมือถือมานั่งเล่นฆ่าเวลารอเจ้าของบ้านพร้อมออกไปจากที่นี่
“ไม่เป็นไร ฉันไปเองได้”
“...”
“ง...งั้น รอแป๊บนึงนะ”
ชอนซาพูดเสียงเบาเมื่อเห็นท่าทีไม่กระดิกของอีกฝ่าย เธอถอนหายใจก่อนจะหมุนตัวเดินเข้าห้องน้ำทันที เมื่อจัดการธุระเสร็จก็ออกมาพบกับแทฮยองที่ยังนั่งอยู่ท่าเดิม ชอนซาหยิบกระเป๋ามาสะพาย ทำให้คนตัวสูงเก็บมือถือและลุกขึ้นยืนก่อนจะเดินนำออกไปนอกบ้าน
.
.
.
ภายในรถยนต์คันหรูไม่แพ้รถของโฮซอก ชอนซานั่งตัวเกร็งยามที่คนข้างกายขับมุ่งหน้าไปยังร้านบะหมี่ที่เธอทำงานโดยไม่ต้องบอกทาง แทฮยองรู้ว่าเธอทำงานที่นั่นครั้งที่พวกเขาไปกินบะหมี่กันทั้งแก๊งค์...และเป็นวันเดียวกับที่จองกุกแกล้งสกัดขาเธอจนได้เลือด หญิงสาวคิดอะไรเรื่อยเปื่อยบวกกับคนขับที่นิ่งเงียบตั้งแต่ขึ้นรถมา ไม่นานรถก็จอดยังที่หมาย ชอนซาปลดสายเข็มขัดนิรภัยก่อนจะหันไปมองอีกฝ่ายที่มองอยู่ก่อนแล้ว
“ขอบคุณนะ”
“อืม”
“แทฮยอง”
“...”
“ป...เปล่า ไม่มีอะไร”
ชอนซากัดปากตัวเองแน่น หลุบสายตามองมือและทำท่าจะลงจากรถแต่ทว่าเสียงทุ้มเรียกเอาไว้อีกครั้ง
“มีอะไรจะถามก็ถามมาเถอะ”
“...”
“ถ้าตอบได้จะตอบ”
“...”
“...”
“นาย...ทำแบบนี้ทำไมเหรอ”
“...”
“ไม่รู้สิ ฉ...ฉันหมายถึง นายเข้าใกล้ฉันแบบนี้ทำไม”
ชอนซาประหม่าจะร้อนเผ่าที่ใบหน้าไปหมด เธอตัดสินใจถามเขาตรงๆ เพราะการกระทำของแทฮยองมันแปลกมาก ตอนแรกที่เธอคิดว่าเขาจะเข้ามาทำให้ตายใจและสุดท้ายก็ใจร้ายเหมือนคนอื่น ระยะเวลาที่อยู่ใกล้กันถึงแม้จะสั้นแต่ชอนซากลับมองไม่เห็นความมุ่งหมายในแววตานั้นเลย ไร้เล่ห์เหลี่ยมต่างจากเพื่อนของอีกฝ่ายแทบจะทุกคน
“...”
แต่สุดท้ายแทฮยองก็ไม่ตอบอะไร ชอนซากำมือจนเปียกชื้นไปหมด...หากไม่ตอบเธอไม่อยากรู้แล้วก็ได้ แต่สุดท้ายบางอย่างที่ยังคาใจทำให้ชอนซากลั้นใจถามออกไปอีกครั้ง
“ตอนนั้น”
“...”
“ยาลดไข้ เป็นของนายรึเปล่า?”
ความสงสัยฉายในแววตาชายหนุ่มเสี้ยววินาที ก่อนจะกลับมาเป็นปกติแต่ก็ยังคงเงียบเช่นเดิม ชอนซานั่งรอคำตอบ ท้ายที่สุดแล้วแทฮยองก็หันกลับไปมองถนนเบื้องหน้า บ่งบอกว่าสองคำถามเขาตอบไม่ได้
หรือไม่...ก็ไม่อยากตอบ
ชอนซาเห็นแบบนั้นจึงหลุบสายตาและลงจากรถ เขาเหยียบคันเร่งมุ่งหน้าออกไปทันที หญิงสาวยืนมองท้ายรถยนต์ที่ขับออกไปไกลพลางเดินเข้าร้านบะหมี่โดยไม่รู้ตัวเลยว่ามีรถยนต์ของใครบางคนจอดอีกฟากถนนซึ่งมองเห็นเหตุการณ์ทุกอย่างไม่ละสายตา
.
.
.
“หวัดดีแชริน”
ชอนซาเอ่ยทักรุ่นน้องที่ทำงานร้านบะหมี่เมื่อเดินเข้ามายังหลังร้าน อีกสิบนาทีจะถึงเวลาเริ่มงาน เธอเก็บกระเป๋าก่อนจะหันมองแชรินที่เงียบผิดปกติ
“แชริน”
คนถูกเรียกมองกลับมาด้วยสีหน้าไม่สู้ดีสักเท่าไร ส่งผลให้ชอนซาสงสัยกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นตอนนี้ ทำท่าจะเดินไปหารุ่นน้องแต่ทว่าเสียงของเจ้าของร้านก็ดังขึ้นด้านหลัง
“ชอนซา ฉันมีเรื่องจะคุยด้วย”
“ค่ะ”
เจ้าของร้านเดินนำไปยังด้านหลังของร้านที่อยู่ภายนอก กระถางต้นไม้วางเรียงรายและมีจักรยานของแชรินจอดอยู่ไม่ไกลจากตรงนั้น ชอนซาเดินตามเจ้าของร้านออกมาจนกระทั่งเธอและอีกฝ่ายเผชิญหน้ากันตรงๆ สายตาคิดหนักแต่กลับเด็ดขาดของเจ้าของร้านทำให้ชอนซาเริ่มรู้สึกไม่ดี
“ชอนซา”
“...”
“ฉันคงจ้างเธอต่อไม่ได้แล้วนะ พอดีฉันคุยกับสามีและก็ตัดสินใจแล้วว่าจะลดพนักงานลง เงินเดือนเดือนนี้ฉันจะจ่ายให้เต็มเดือนถึงจะเหลืออีกสามวันก็เถอะ หวังว่าเธอคงเข้าใจฉันนะ”
เหมือนโลกทั้งใบพังถล่มลงต่อหน้าเธอ...ชอนซาหูอื้ออีกทั้งสายตาพร่าเลือนหลังจากได้ยินประโยคเมื่อครู่ชัดๆ เหตุผลร้อยแปดที่เจ้าของร้านบอกไม่ได้อยู่ในหัวสมองของชอนซาแม้แต่นิด เพราะใบหน้าของใครบางคนที่เล่นงานเธอซ้ำแล้วซ้ำอีกลอยเข้ามาทันทีส่งผลให้ร่างกายสั่นเครือ ชอนซากลั้นน้ำตาเอาไว้และถึงแม้จะรู้ดีว่าขอร้องไปก็ไม่ช่วยอะไร แต่เธอก็อยากจะลองสักครั้ง
“หนูขอทำต่อเถอะนะคะ ฮึก หนูขอร้องนะคะ”
ชอนซายกมือไหว้คนตรงหน้า เจ้าของร้านมีสีหน้าไม่สู้ดีแต่ก็ได้ตัดสินใจเด็ดขาดแล้ว
“ไม่ได้จริงๆ กลับไปซะเถอะ”
“...”
เจ้าของร้านหมุนตัวเดินจากไป ทิ้งเพียงชอนซายืนแน่นิ่งกับที่ แข้งขาใกล้อ่อนแรงลงเต็มทีจนพาตัวเองไปพิงกับกำแพงอิฐเก่าๆ ดวงตาพร่าเลือนมองไม่เห็นหนทางออกก่อนที่น้ำตาจะไหลอาบลงมาเพราะกลั้นไม่อยู่อีกแล้ว ในที่สุดเขาก็เล่นงานเธอ...ชอนซาหวาดกลัวอยู่ตลอดเพราะถ้าหากจองกุกจัดการยุนกิได้ กับเธอก็คงจะไม่ยากสำหรับเขา แต่ถึงยังไงชอนซาก็ยังเชื่อมั่นในตัวเองมาตลอด เธอทำความดีมากมายให้กับเจ้าของร้านและถึงแม้ว่าอีกฝ่ายจะเข้มงวดแต่ก็ไม่ได้ใจไม้ไส้ระกำ แต่ไม่คิดว่าอิทธิพลจะชนะทุกอย่าง พังทลายสิ่งต่างๆ ที่เธอสร้างมาแทบไม่เหลือชิ้นดี ชอนซายกมือขึ้นเช็ดน้ำตาออกจากใบหน้าและสูดลมหายใจเข้าเพื่อปลอบประโลมตัวเอง...วันนี้เป็นอีกหนึ่งวันที่แย่ แทบจะไม่มีแรงก้าวเดินไปข้างหน้า
เหนื่อย...เหนื่อยเหลือเกิน
.
.
.
ร่างผอมเดินทอดน่องบนฟุตบาทเพื่อมุ่งหน้ากลับบ้านหลังจากที่เธอตระเวนหางานใหม่จนกระทั่งฟ้ามืด ชอนซายื่นใบสมัครเพื่อทิ้งเบอร์โทรเอาไว้แต่ก็ยังไม่มีที่ไหนตกปากรับคำว่ารับเธอเข้าทำงานแน่นอน ทุกที่ล้วนบอกว่าจะติดต่อกลับมา ชอนซาคำนวณค่าใช้จ่ายในใจเพราะรายได้ลดลงจึงทำให้เธอเกิดความเครียดไม่น้อย รายได้หลักมาจากร้านบะหมี่ รองลงมาเป็นร้านกลางคืนที่เธอทำหน้าที่เด็กเสริฟแต่ก็ทำได้เพียงแค่คืนวันศุกร์กับเสาร์เท่านั้น หญิงสาวเดินก้มหน้าไร้หนทางอย่างเชื่องช้าท่ามกลางสายลม ในเวลากลางคืน ทบทวนสิ่งต่างๆ ที่เข้ามาในชีวิตฉับพลันน้ำตาก็เอ่อล้นอีกจนได้ อยากยิ้มรับให้กับชะตากรรมที่ไม่รู้จะหมดสิ้นเมื่อไร ท้อแท้ในใจแต่จู่ๆ ก็มีบางอย่างสั่นไหวอยู่ในกระเป๋าผ้าของเธอที่สะพายอยู่ ชอนซาล้วงหาก่อนจะพบโทรศัพท์มือถือเครื่องที่แทฮยองซื้อมาให้แต่บัดนี้มันอยู่ในกระเป๋าของชอนซาตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้ ดวงตาจากที่หม่นหมองก็มีประกายขึ้นมายามที่มองเห็นข้อความบางอย่างจากเบอร์โทรที่ถูกเมมฯ เอาไว้ว่าแทฮยอง
เขาเพียงส่ง ‘จุด’ มาให้เท่านั้น ชอนซายกมือเช็ดน้ำตาออกจากใบหน้าและหยุดเดินทันที เธอมองของในมือด้วยสายตาตกใจพลางคิดย้อนกลับไปว่าแทฮยองคงจะแอบเอามาใส่ในกระเป๋าของเธอตอนที่ชอนซาไปเข้าห้องน้ำแน่ๆ จะว่าไปเธอก็ลืมซะสนิทว่ายังมีของสิ่งนี้ค้างคาใจอยู่ และที่น่าตกใจไปกว่านั้นคือเขาได้จัดการใส่ซิมการ์ดพร้อมใช้งานและมีเพียงเบอร์โทรเดียวที่อยู่ในเครื่องเท่านั้น...ชอนซาเม้มปากแน่น เธอรับรู้ถึงเจตนาของอีกฝ่ายถึงจะไม่แสดงออกว่าซื่อตรงเท่าพี่ยุนกิแต่ชอนซาก็ไม่รู้สึกกลัวในเวลาที่นึกถึงหน้าเขา ราวกับแทฮยองกำลังล่วงรู้ว่าเวลานี้จิตใจของชอนซากำลังต้องการที่พึ่งพิงทำให้น้ำตาไหลหยดลงบนหน้าจอที่เปิดหน้าข้อความทิ้งเอาไว้ ชอนซาตัดสินใจพิมพ์ตอบอีกฝ่าย...แต่ฉับพลันมือถือก็ถูกกระชากไปทันทีด้วยฝีมือของใครบางคน
สองเท้าก้าวถอยหลังตามสัญชาตญาณความหวาดกลัว ดวงตาเปลี่ยนเป็นสั่นระริกพลางกลืนน้ำลายฝืดเคืองลงคอ จ้องมองโทรศัพท์ที่แทฮยองให้ซึ่งบัดนี้อยู่ในมือของอีกฝ่าย
คนใจร้าย คนที่ชอนซาไม่มีวันให้อภัยแม้ว่าเขาจะคุกเข่าต่อหน้าของเธอกี่ครั้งก็ตาม
“ไง โทรศัพท์สวยดีหนิ”
มุมปากกระตุกยิ้มก่อนจะก้าวไปหาเธอช้าๆ ชอนซากำมือแน่น แต่แทนที่จะถอยหลังหรือวิ่งหนีแต่ทว่าเธอกลับหยุดนิ่งกับที่...จ้องตาคนตัวสูงด้วยความโกรธแค้นที่มีอย่างสะสม
“คนเลว”
“คำทักทายใหม่เหรอ?”
จองกุกแค่นหัวเราะ จนกระทั่งเดินไปหยุดตรงหน้าชอนซาซึ่งเธอก็ทำท่าอวดเก่งจ้องตากลับอย่างโอหัง
“เอาคืนมา!”
“โทรศัพท์นี่น่ะเหรอ”
“...”
ตุบ
เพล้ง!
“จองกุก!!”
ชอนซาหวีดร้องเมื่อจองกุกปล่อยโทรศัพท์ในมือร่วงสู่พื้นคอนกรีตจนเกิดเสียงดังสนั่น ชอนซาทรุดลงไปกอบเก็บมันพลางกัดปากตัวเองจนได้รสชาติความขมปร่าของเลือด...ร่างผอมสะอื้นตัวโยนและประคองจับโทรศัพท์ที่แทฮยองให้ซื้อให้ จองกุกหลุบสายตามองคนบนพื้นด้วยรอยยิ้มแต่ไปไม่ถึงดวงตา เขาพยายามยิ้มให้ดูเหมือนสะใจมากที่สุด...สะใจที่เห็นตัวน่ารังเกียจพ่ายแพ้ให้กับเขาอีกครั้ง
“กับอีแค่มือถือถูกๆ —”
เพี๊ยะ!
ชอนซาลุกขึ้นก่อนจะฟาดมือไปที่ใบหน้าของอีกฝ่ายจนจองกุกหันหน้าไปตามแรงตบ ความเจ็บแล่นปรี๊ดเช่นเดียวกับขีดความอดทนของชอนซาได้ขาดผึงพร้อมๆ กัน เขาตวัดใบหน้ากลับมา ความโกรธบวกกับเสียหน้าที่ต้องเจ็บตัวรอบสองให้กับผู้หญิงคนนี้ทำให้เขาตรงดิ่งหาเธอแต่กลับคว้าได้เพียงแค่ลม...ชอนซาร้องไห้อย่างน่าสงสารก่อนจะเบี่ยงตัวหลบอีกฝ่ายราวกับรังเกียจและขยะแขยง
จองกุกชะงักเล็กน้อยเมื่อเห็นท่าทางของเธอชัดๆ
“ฮึก อย่ามายุ่งกับฉัน!”
“...”
“นายทำแบบนี้ทำไม ฮึก เมื่อไรจะพอ ฮื้อ เมื่อไร!!”
จองกุกกลืนน้ำลายเหนียวหนืดลงคอ จ้องคนตรงหน้าที่ร้องไห้พลางก้มหน้าราวกับยอมแพ้และไม่ไหวอีกต่อไป แต่ยิ่งเห็นชอนซาถนอมโทรศัพท์เครื่องนั้นเมื่อไรยิ่งทำให้ประกายไฟโทสะของเขาพุ่งสูงขึ้นเท่านั้น
“ร้องให้ตายก็ไม่ทำให้ดูน่าสงสารมากขึ้นหรอกนะ”
“...”
“จำเรื่องเงินที่ไปยืมไอ้โฮซอกไม่ได้เหรอ แล้วยังไง? สุดท้ายมันก็โดนมันตลบหลัง”
“ฮึก...นายจะพูดอะไร”
“ฟังให้ชัดนะ มือถือเครื่องนี้ก็เป็นแค่แผนของมัน...รอวันพัง หน้าที่ของเธอคือหาเงินใช้หนี้ไอ้แทฮยองอีกทียังไงล่ะ”
“...!”
ชอนซาส่ายหน้าราวกับไม่อยากเชื่อคำพูดที่พึ่งได้ยิน เธอก้มหน้าลง ห่อไหล่อย่างน่าเวทนาให้กับชะตากรรมของตัวเอง
พวกเขาเป็นเพื่อนกัน นิสัยก็คงไม่ต่างกัน เธอน่าจะเอะใจตั้งแต่ตอนนั้นและไม่น่าปล่อยให้คนพวกเขาเข้ามาทำร้ายซ้ำแล้วซ้ำเล่าแบบนี้เลย...
.
.
.
TBC.
เชื่อใครดีคะ? ทีมเชื่อใจแทฮยอง ทีมเชื่อคำพูดจองกุก อุแง้
อ่านจบแล้วอย่าลืมเพิ่มคอมเมนต์เป็นกำลังใจให้เราด้วยนะคะ เจอกันตอนที่ 11 ค่า เลิ้บๆ <3
#MistakeJK
กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว