ตอนที่2. เล่นเป็นผู้หญิงของผม
อลัน หยาง ชายหนุ่มเลือดฮ่องกงวัยสามสิบสองเดินเข้ามาดูร่างที่ยังหลับใหลบนเตียงนอนของเขา ดวงตาดุดันมักฉาบรอยเศร้าอยู่เสมอ เขาถอนหายใจอย่างไร้เหตุผล กลับได้กลิ่นหอมละมุนจากเรือนกายหญิงสาวทำให้ต้องถอยห่างออกมาอย่างไม่เข้าใจตัวเองนัก
เขาควรกบดานอยู่เงียบๆ ไม่ให้ใครรู้ว่าเขายังมีชีวิตอยู่ ปล่อยให้คนที่แอบลอบฆ่าได้ใจว่ามีฝีมือสามารถปลิดชีวิตเขาได้ คิดเพียงแค่นี้ใบหน้าแบบหนุ่มเลือดมังกรก็กระตุกยิ้มที่มุมปาก เขาต้องแสร้งทำเป็นคนตายหลบมาอยู่ไกลถึงเมืองไทย เพียงเพื่อจะได้สืบข่าวได้ว่าใครเป็นคนวางแผนลอบฆ่าเขา เดิมทีเขาคิดจะหลบซ่อนตัวเองในกลุ่มนักท่องเที่ยวแถวพัทยา เพราะต้องการสืบเสาะหาเบาะแสอะไรบ้างอย่าง ทำให้บังเอิญเข้าไปเวทีการประมูลลับๆ นั่น
เดิมที่เขาเคยคิดว่าตัวเองเป็นคนจิตใจด้านชา ไร้ความรู้สึกไปแล้ว หากแต่เพราะดวงตาฉ่ำน้ำตาเต็มไปด้วยแววอ้อนวอนนั้นทำให้เขาตัดใจทำเป็นไม่สนใจไม่ได้ ยอมเสียเงินสองแสนเพื่อซื้อผู้หญิงคนนี้มา อลันเดินไปนั่งที่เก้าอี้ยาวริมระเบียง หยิบแว่นกันแดดที่แหนบอยู่ที่อกเสื้อขึ้นมาสวม เอนกายในท่าสบาย แล้วปิดเปลือกตาพักผ่อน
‘เสียงคลื่น เสียงทะเล’
ดุลยาเปิดเปลือกตาขึ้นช้าๆ เสียงคลื่นกระทบฝั่งทำให้เธอคิดว่าตัวเองฝันไป จวบจนเปิดเปลือกตาและตั้งสติ ไม่ใช่แค่เพียงเสียงเท่านั้น เธอยังสัมผัสลมเย็นๆได้อีก หญิงสาวยันตัวลุกขึ้นนั่งบนเตียงนอน เบื้องหน้าคือระเบียงเล็กๆ ที่ทำให้เธอมองเห็นผิวน้ำสีครามเบื้องหน้า หากไม่เพราะตัวเองยังใส่ชุดนางรำอยู่ เธอคงคิดว่าตัวเองฝันไปแล้วแน่ๆ แต่กระนั้นเธอก็ยังคงก้าวลงจากเตียงเดินผ่านร่างที่เอนตัวบนเก้าอี้ยาวไปหยุดที่ราวระเบียงราวกับต้องมนตร์
“ทะเล”
“ว้าย!”
ดุลยาเผลอร้องอย่างตกใจ ไม่คิดว่าจะมีคนอยู่ใกล้ๆนี่ด้วย เธอพลิกตัวหันมาเผชิญหน้า แผ่นหลังชิดราวระเบียง สายลมที่พัดแรงทำให้ผมยาวปลิวสยายจนเธอต้องยกมือขึ้นรวบผมไว้ เธอเพ่งมองชายหนุ่มที่ค่อยๆ ขยับตัวลุกขึ้นนั้งเหมือนแมวเกียจคร้าน เขาจ้องมองหญิงสาวที่ท่าทีตื่นตระหนกก่อนถอนลมหายใจยาวเฮือกใหญ่แล้วถอดแว่นกันแดดออกเปิดเผยดวงตาคมเข้มคู่นั้น แล้วหญิงสาวก็อ้าปากค้าง เขาคือผู้ชายคนเดียวกับเธอที่เคยพบตอนที่เธอไปเดินเล่นที่ชายหาดคนเดียว
“คุณ!!”
“อลัน” เขาพูดแล้วลุกขึ้นยืน ก้าวเท้าเข้าไปใกล้ “เรียกผมว่า อลัน หยาง”
ดุลยาอ้ำอึ้งไปไม่ถูกเพราะไม่คิดว่าเขาจะลุกขึ้นมาแนะนำตัวเองแบบนี้
“ตามมารยาทคุณก็ควรแนะนำตัวเองเสียหน่อยนะ อย่างน้อยผมก็ช่วยคุณไว้”
พอโดนเขาจี้เข้าแบบนี้ดุลยาก็ได้สติขึ้นมา
“ชื่อดุลยาค่ะ เรียกดาวก็ได้”
เธอกวาดตามองเขาอย่างไม่เกรงมายาท แต่กลับทำให้อีกฝ่ายหัวเราะออกมา ก็แน่ล่ะ คนอย่าง อลัน หยาง ไม่เคยถูกมองแบบนี้แน่ หากเป็นหญิงสาวก็ส่งสายตาเชิญชวน หากเป็นผู้ชายถ้าไม่อยากฆ่าเขาก็หวาดกลัวไม่กล้าสบตา
การหัวเราะอย่างเปิดเผยของเขาทำให้ดุลยาขมวดคิ้ว ทำไมล่ะ เขาวิปริตไปแล้วหรือไรจู่ก็หัวเราะออกมาแบบนี้
“คุณ! หัวเราะอะไรกัน แล้วที่นี่ที่ไหน ฉันมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง”
“รีสอร์ทริมทะเล”
เขาตอบจ้องมองหญิงสาวตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า เขาเป็นคนฮ่องกงแต่พูดไทยได้ชัด แต่เป็นสำเสียงไทยปนจีนนั้นแหละ แต่เขาก็ฟังภาษาไทยได้รู้เรื่อง เมื่อเห็นว่าหญิงสาวคลายอาการตื่นตระหนกได้บ้างก็เบาใจลง แต่เพราะใส่ชุดไทยแบบนี้หรือเปล่านะ ทำให้เขารู้สึกแปลกๆ เหมือนเธอหลุดออกมาจากภาพวาดยังไงไม่รู้
“แล้ว?”
“ผมแบกคุณออกมาจากเวทีประมูล” เขาพูดง่ายราวกับว่าเพิ่งไปร้านสะดวกซื้อมา
ดุลยารู้สึกปวดหัวตุบๆ จนต้องหลับตาลงทันที นี่ความจริงใช่ไหม? เธอถูกวางยาสลบแล้วเอาไปเร่ขายเหมือนสัตว์เลี้ยงชนิดหนึ่ง และ ‘เขา’ คือผู้ชายแปลกหน้าคนนี้ที่อยู่ดีๆ ก็มาซื้อตัวเธอในราคาสองแสนบาท
เดี๋ยวนะ เขาประมูลเธอมาใช่ไหม?
อลันเห็นสีหน้าซีดเผือดของเธอแล้วก็ประหลาดใจ เมื่อครู่ยังเห็นเหมือนเธอจะลุกขึ้นมาตะปบเขาด้วยซ้ำไป ตอนนี้กลับกลายเป็นหนูน้อยที่ไร้เรี่ยวแรงแล้วรึ
“ต้องมีเรื่องเข้าใจผิดแน่ๆ” ดุลยาพยายามอธิบาย “คงจับตัวผิดคนแน่ๆ เลยค่ะ”
“ผมไม่รู้หรอก แค่รู้ว่าเสียเงินสองแสนแล้วต้องได้อะไรตอบแทนคืน”
ดุลยารู้สึกหวาดกลัวเขาขึ้นมา ท่าทางของเขาดูราวกับราชสีห์ แม้จะสวมเสื้อยืดกับกางเกงยีนส์ แต่ดูแล้วเขาไม่ใช่คนธรรมดาเลย ถ้าให้พูดกันตามตรง เงินสองแสนที่เขาซื้อตัวเธอมา เธอจะหาเงินก้อนนี้มาจากไหนเพื่อมาคืนเขา
อลันเห็นสีหน้าเคร่งเครียดของอีกฝ่ายแล้วลอบยิ้ม ก้าวเดินเข้าไปหาอย่างไม่รู้ตัว ใช้มือเชยคางเธอขึ้น ดวงตากลมยังมีความสับสนฉายชัด ทั้งตื่นตระหนกและหวาดกลัว รวดเร็วราวงูพิษฉกเหยื่อ ริมฝีปากของเขาก็ยื่นมาประกบกับริมฝีปากของเธอแล้ว กว่าจะตั้งสติและยกมือขึ้นดันแผงอกของเขาได้นั้น เรียวลิ้นเจ้าเล่ห์ก็ชิมความหวานจากริมฝีปากเธอหนำใจแล้ว
“คุณ!”
“เอาล่ะ คุณเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนดีกว่า ผมจะรออยู่ข้างนอกก็แล้วกัน ใจเย็นๆ คิดอะไรได้ค่อยมาคุยกัน หรือจะเตรียมแต่งเรื่องดราม่าให้ผมใจอ่อนก็ได้นะ แต่ผมเชื่อหรือไม่ก็อีกเรื่องหนึ่ง”
เขาหมุนตัวเดินออกไปด้วยท่าทีสบายๆ ราวกับเห็นเรื่องพวกนี้จนชินตา ดุลยาได้แต่ถอนหายใจ ตอนนี้มีเขาคนเดียวที่เธอจะหวังพึ่งพาได้ หรืออาจจะไม่ได้ ดุลยามองเห็นเสื้อผ้าชุดหนึ่งพับวางไว้บนโต๊ะพร้อมผ้าขนหนู เธอรวบทั้งหมดแล้วเดินเข้าห้องน้ำที่อยู่มุมหนึ่งของห้อง อุปกรณ์อาบน้ำครบครัน หญิงสาวถอดชุดนางรำออกแล้วจัดการอาบน้ำอย่างรวดเร็ว แต่กระนั้นก็ยังสังเกตเห็นว่ามีรอยช้ำหลายแห่ง
พ่อกับแม่เลี้ยงจะเป็นห่วงเธอไหม? จะรู้หรือเปล่าว่าเธอหายไป คิดแล้วก็ใจหาย ไม่รู้ว่าหายตัวมากี่วันแล้ว เพื่อนร่วมงานคนอื่นล่ะ ไม่เห็นเธอตามขึ้นรถไปด้วย ป่านนี้อาจจะแจ้งความคนหายแล้วก็ได้ คิดถึงตรงนี้ก็ใจชื้นขึ้นมาบ้าง ถึงพ่อแม่ไม่ใส่ใจ ก็ยังมีเพื่อนและพี่ที่ทำงานด้วยกันมากนานหลายปี คงจะมีใครสักคนเป็นห่วงเธอบ้างละนะ
ดุลยาคิดพลางน้ำตาเอ่อล้น ความหวาดกลัวแล่นขึ้นจับขั้วหัวใจ แล้วชีวิตเธอต่อจากนี้ไปจะเป็นอย่างไรเล่า?
ไม่ได้นะ ไม่ใช่เวลาที่จะมาร้องไห้ คนๆนั้น ถึงจะดูน่ากลัวไปนิด แต่...เขาก็ไม่ได้ฉวยโอกาสตอนที่เธอไม่ได้สติ แต่เขาอาจแค่หลอกให้เธอตายใจก็ได้ อย่างไรก็อย่าเพิ่งไว้ใจเขานักเลยนะ
หญิงสาวสวมเสื้อผ้าชุดใหม่ มันเป็นเสื้อยืดกับกางเกงผ้าฝ้ายแบบมีเชือกผูก คนซื้อคงกะขนาดเอวไม่ถูกถึงได้เลือกแบบนี้มา แต่มันก็ใส่สบายดี เสียตรงที่ เธอไม่มีชุดชั้นในตัวใหม่เปลี่ยนนั้นแหละ จำใจต้องซักของเก่าแอบหาที่ตากไว้ในห้องน้ำนั้นแหละ แล้วค่อยออกมาพบเขา
อลันเดินเข้าครัว เขาไม่ใช่ผู้ชายแบบที่ชอบบริการใคร ที่ทำให้ก็เพียงเพราะสงสาร หากสายตาเขาไม่ย่ำแย่จนเกินไป ก็มีบ้างอย่างไม่ชอบมาพากลในการปรากฏตัวของหญิงสาวคนนั้นนัก แต่เพราะเคยเชื่อใจ-ไว้ใจไม่ใช่รึ เขาจึงเกือบตายมาแล้ว อลันกดน้ำร้อนใส่แก้วกาแฟของตัวเอง ตู้เย็นไม่ได้มีอะไรมากไปกว่าเบียร์ขวดเล็กครึ่งโหล ถ้าเธอหิวค่อยว่ากัน ไม่ซิ ยังไงก็คงต้องหิวอยู่แล้วล่ะ ไหนบอกตัวเองว่าเป็นคนไม่สนใจคนอื่น ทำไมถึงเป็นห่วงว่าผู้หญิงคนนั้นจะหิว
ไม่หรอก เขาไม่ได้เป็นห่วงอะไรนักหรอก แค่...แค่... แค่อะไรดีล่ะ
ยังไม่ทันคิดหาคำตอบของความรู้สึกที่เกิดขึ้น ร่างบางในชุดเสื้อยืดกางกางขายาวก็เดินเข้ามา ท่าทางเสื้อผ้าที่เขาเลือกให้จะตัวใหญ่ไปนิด ดูท่าทางขัดเขินของเธอแล้วก็กดหัวคิ้วลง เธอดูตัวเล็กกว่าที่คิดไว้มาก หรือเพราะเสื้อผ้าตัวใหญ่เกินไปก็ไม่รู้
“เอ่อ...” ดุลยาไม่รู้ว่าควรพูดขอบคุณเขาไหม เพราะไม่รู้เจตนาที่แท้จริงของเขา
“หิวไหม?” อลันเพียงพยักหน้าให้ แล้วก็เห็นเธอพยักหน้าน้อยๆ เขาชี้นิ้วไปที่กระติกน้ำร้อน “ดูแลตัวเองไปก่อนแล้วกัน ผมจะโทรสั่งอาหารให้”
“ขอบคุณค่ะ” เธอเดินไปหยิบแก้วสำหรับใส่น้ำร้อนชงกาแฟ เหลือบมองเห็นเขาถือแก้วกาแฟของตัวเองเดินออกมา ไม่นานนักก็ได้ยินเสียงเขาโทรศัพท์สั่งอาหารให้เข้ามาส่งที่พัก
ดุลยาประคองแก้วกาแฟเดินกลับมาหาที่นั่ง เห็นเขานั่งที่เก้าอี้ยาวริมระเบียงที่มองเห็นวิวทะเล เธอถือวิสาสะเดินเข้ามานั่งที่เก้าอี้ว่างอีกตัว
“อีกครึ่งชั่วโมงอาหารจะมาส่ง” อลันพูดง่ายๆ เหมือนไม่มีอะไรสลักสำคัญ
“เอ่อ... ฉันคิดว่าต้องคุยกับคุณเรื่องนั้น”
“ก็เอาซิ” เขาไม่ได้หันหน้ามามองเธอ แต่ยังมองวิวทะเลเบื้องหน้า
“คือ...เรื่องมันเกิดขึ้นเร็วมาก ฉันเป็นนางรำมาทำงานพิเศษที่โรงแรม...เสร็จแล้วกำลังจะกลับแต่มีผู้หญิงคนหนึ่งมาขอให้ไปถ่ายรูปกับลูกของเธอเป็นที่ระลึก ฉันออกไปแล้วก็เหมือนถูกยาสลบทำให้หมดสติ รู้สึกตัวอีกทีก็อยู่ที่เวทีประมูลบ้าๆนั้นแล้ว”
เธอเล่าไปตามความจริง หวังให้เขาเข้าใจ แต่ก็เห็นเพียงเขาจิบกาแฟด้วยท่าทีเฉยชา
“ฉันไม่ได้เต็มใจ แล้ว...ก็อาจจะจับตัวผิดคนก็ได้”
“จะอะไรก็ช่างเถอะ แต่ยังไงผมก็เสียเงินไปแล้วสองแสน”
“ฉัน...ฉันจะพยายามหาเงินมาคืนคุณ”
“ด้วยวิธีไหน? โทรไปขอเงินพ่อแม่หรอืไง” เขายกกาแฟขึ้นดื่ม
ดุลยาไม่กล้าหวังว่าพ่อกับแม่จะเข้าใจ แต่เธอก็อยากลองดู “ฉันขอยืมใช้โทรศัพท์นะคะ”
“ตามสบาย” เขาชี้นิ้วไปยังมุมห้องที่มีเครื่องโทรศัพท์วางอยู่
ดุลยากลืนกาแฟไม่ลง เธอเดินไปที่เครื่องโทรศัพท์ หยิบมันขึ้นมาแล้วกดหมายเลขบ้านที่กรุงเทพฯ รออยู่นานจนได้ยินคนรับสายโทรศัพท์
“แม่วาณีหรือคะ” ดุลยากำโทรศัพท์แน่น ไม่อยากเรียกผู้หญิงคนนั้นว่าแม่เลยสักนิด แต่เพราะพ่อบังคับทำให้เธอต้องเรียกแม่
“อ้าว ยัยดาว ทำไมถึงโทรมาได้ล่ะ” ปลายเสียงตอบกลับด้วยน้ำเสียงตกใจ
“ดาวอยากคุยกับพ่อค่ะ” เธอมั่นใจว่าแม่เลี้ยงไม่ช่วยเธอแน่ๆ
“พ่อไม่อยู่หรอกจ๊ะ ไปคุมงานหมู่บ้านจัดสรรที่สระบุรีอีกสี่ห้าวันถึงจะกลับ”
“พ่อไปต่างจังหวัดเหรอคะ” เธออึกอัก “เดี๋ยวดาวโทรหาพ่อเองค่ะ”
“คุณพ่อเค้ายุ่งอยู่นะ ไม่รู้จะสะดวกรับสายหรือเปล่า”
“แม่วาณีคะ คือดาวกำลังเดือดร้อนค่ะ” เธอลองเสี่ยงดู
“เดือดร้อนอะไร แกไปเที่ยวอยู่ไม่ใช่เหรอ”
“ดาวไม่ได้มาเที่ยวนะคะ ดาวมาทำงานแล้วดาวก็ถูกจับตัว”
“โอ๊ย! แกอย่ามาแต่งเรื่องหน่อยเลย พ่อแกก็ไม่อยู่ อยากไปเที่ยวทำตัวเหลวแหลกที่ไหนก็เรื่องของแก แต่อย่าคิดจะมาขอเงินฉันแม้แต่บาทเดียวฉันก็ไม่ให้”
“เข้าใจผิดแล้ว แม่วาณี”
ปลายสายวางโทรศัพท์ไปแล้ว ดุลยาได้แต่กำโทรศัพท์อย่างทำอะไรไม่ถูก ที่บ้านก็พึ่งพาไม่ได้แล้ว เธอจะโทรศัพท์ไปยืมเงินใครสองแสนล่ะ มันไม่ใช่เงินยี่สิบสามสิบบาทนะ เธอลองเสี่ยงกดโทรศัพท์โทรเข้าเบอร์มือถือของพ่อ แต่ก็ไร้สัญญาณการตอบรับ ปกติพ่อก็แทบไม่สนใจเธออยู่แล้ว แล้วนี่ก็ติดต่อไม่ได้อีก จะทำอย่างไรดี
“อาหารมาส่งค่ะ”
เสียงด้านนอกประตูทำให้ดุลยาสะดุ้ง เธอวางโทรศัพท์แล้วหันไปมองเขาที่ยังนั่งนิ่งอยู่ที่เดิมไม่มีท่าทีจะขยับตัว เธอจึงเดินไปประตูให้พนักงานเอาอาหารมาวางไว้ให้ กลิ่นอาหารหอมกรุ่น จากที่คิดว่าตนเองเครียดจนกินอะไรไม่ลง กลายเป็นเสียงท้องร้องโครมครามไม่เกรงใจใครเลย แน่นอนว่าเสียงนั้นไม่เบาเอาเสียด้วย ทำเอาอลันถึงกับกลั้นหัวเราะไม่อยู่
“คุณนี่! ก็ฉันไม่ได้กินอะไรตั้งแต่เมื่อวาน”
ดุลยาตำหนิเขาแต่ใบหน้าตัวเองแดงก่ำ พอเห็นท่าทางหัวเราะขบขันเอาจริงเอาจังของเขาแล้ว บรรยากาศในห้องที่ตึงเครียดเหมือนจะผ่อนคลายลง ร่างสูงหมุนตัวเดินกลับเข้ามาในห้องครัวขนาดเล็ก เขานั่งที่เก้าอี้และปล่อยให้เธอจัดจานและช้อนสำหรับรับประทานอาหาร
“ฉันต้องเตรียมเผื่อคุณไหม?”
“ผมขอจานเปล่ากับช้อนก็พอ” เขาหยุดหัวเราะแล้ว แต่ยังเหลือรอยยิ้มทิ้งไว้
“คุณจะกินข้าวก็ได้นะ ฉันกินคนเดียวไม่หมดหรอกนะ”
เธอทำหน้ามุ่ยแต่ก็หยิบจานกับช้อนวางให้เขาอย่างเรียบร้อย ด้วยความคุ้นเคยที่ทำให้คนที่บ้านบ่อยๆ เมื่อคิดถึงตอนนี้สีหน้าเธอก็หมองลงไปอย่างที่ชายหนุ่มสังเกตได้
“เอาน่า กินข้าวเสียก่อน เดี๋ยวน้ำย่อยกัดกะเพาะทะลุ”
อลันเองก็ออกจะแปลกใจที่เขาเอาใจใส่คนแปลกหน้าคนนี้นัก เห็นเพียงแวบเดียวที่ชายหาดถึงกับยอมลงทุนสองแสนซื้อตัวเธอมาเลยหรือเนี้ย เงินแค่นั้นไม่เท่าไหร่ แต่มันจะคุ้มอะไร คนอย่างอลัน หยาง ไม่เคยต้องเสียเงินซื้อผู้หญิงอยู่แล้ว แค่ปรายตา ผู้หญิงแถบถลาเข้ามานั่งตัก นับประสาอะไรกับผู้หญิงผอมๆบางๆ คนนี้
อาจเพราะเขาเป็นฝ่ายผ่อนทีท่าทางเคร่งเครียดแล้ว เธอจึงเริ่มผ่อนคลายบ้าง ความหิวทำให้เธอกินข้าวได้มากกว่าที่ตัวเองคิด เพราะกับข้าวสามอย่างตรงหน้าเหมือนว่าเธอจะกินเพียงคนเดียว ส่วนเขาก็แค่เขี่ยๆ จิ้มเนื้อ จิ้มผักกินไปไม่กี่คำ
เมื่อเธออิ่ม สมองก็ปลอดโปร่งขึ้น หลังจากเก็บถ้วยชามจานช้อนแล้ว เธอก็ตั้งใจคุยกับเขาอย่างตรงไปตรงมา
“เอ่อ...คุณ”
“อลัน”
“คะ?”
“เรียกแต่คุณๆนั้นแหละ เรียกชื่อผมก็ได้”
เขาพูดน้ำเสียงเหมือนไม่พอใจนิดๆ คล้ายเด็กเอาแต่ใจ ทำให้ดุลยาเอียงคอมองอย่างสับสน แต่เอาเถอะ ถ้าเขาอยากให้เรียกชื่อก็ได้
“คุณอลัน” เธอเริ่มต้น และเห็นเขาพยักหน้าเป็นเชิงพอใจ ก็ทำให้เธอพูดต่อ “อย่างที่ฉันบอก ฉันไม่ได้เต็มใจที่จะถูกซื้อขาย และไม่รู้ว่าใครเป็นคนทำ แต่ว่า...ตอนนี้ฉันไม่มีเงินมาคืนคุณ แต่ฉันจะทำงานผ่อนคืนให้คุณ คุณจะร่างสัญญากู้ยืมเงินก็ได้ ฉันจะพยายามหาเงินมาคืนคุณให้เร็วที่สุด”
ดุลยาพูดจบก็แทบกลั้นใจรอฟังคำตอบ แต่เขาเพียงแค่พยักหน้ารับรู้
“ปกติคุณทำงานอะไร” เขาไม่รู้หรอกว่าทำไมเธอใส่ชุดไทยมาเดินที่ริมทะเลแบบนั้น
“เอ่อ...ฉันเพิ่งเรียนจบค่ะ ยังไม่มีงานทำ แต่ทำงานพิเศษเป็นนางรำ งานแสดงค่ะ รำโชว์ในร้านอาหารหรืองานเลี้ยงหรืองานแก้บน เดือนๆหนึ่งฉันรับหลายงานพอจะจะผ่อนคืนให้คุณได้บ้างสักเดือนละ...”
ดุลยาคำนวณรายได้ตัวเองในใจแล้วก็เกิดกระด้างปากที่จะพูดว่า เธอหาเงินมาคืนเขาเดือนละพันหรือเต็มที่ไม่เกินสองพันบาท
“พูดง่ายๆว่าตอนนี้ว่างงานอยู่”
“เรียกอย่างนั้นก็ได้ค่ะ” เธอสูดลมหายใจลึกอย่างไม่ค่อยพอใจที่ต้องยอมรับความจริงข้อนี้
“แล้วคุณหายมาแบบนี้ที่บ้านไม่ห่วงอะไรเลยหรือไง”
ดุลยาเดาน้ำเสียงเขาไม่ถูก ไม่ใช่ดูแคลนแต่ก็ไม่มีความห่วงใย ก็แน่ล่ะ เขาจะมาเป็นห่วงเธอทำไม
“พ่อไม่อยู่ติดต่อไม่ได้ ส่วนแม่เลี้ยงก็...” ก็คงดีใจที่เธอไม่อยู่บ้านได้นะสิ แล้วก็คงเอาเธอไปฟ้องพ่อว่าใจแตกหนีเที่ยวไม่กลับบ้าน
“เอาเป็นว่า คุณว่าง และไม่ต้องติดต่อใครก็ได้ใช่ไหม”
“จะว่าอย่างนั้นก็ได้ค่ะ” เธอหายไปเป็นวันๆ ไม่มีใครตามหา ก็...คงจะเป็นอย่างที่เขาพูดมานั้นแหละ
“คุณเป็นหนี้ผมสองแสน ถ้างั้นก็เอาตัวคุณมาทำงานใช้หนี้ก็แล้วกัน”
“อะไรนะคะ!” ดุลยาแทบจะหวีดร้อง ยกมือขึ้นทาบอกที่ไร้ชุดชั้นใน เขาคิดจะทำอะไรกันแน่
“นี่ๆ คนอย่างผมไม่ต้องซื้อผู้หญิงกินหรอกนะ” เขาโบกมือไปมาไล่ความคิดด้านลบของเธอไปซะ
“ผมจำเป็นต้องอยู่เมืองไทยสักระยะ กำหนดวันเวลาแน่นอนไม่ได้อาจจะแค่สองสัปดาห์หรืออย่างมากก็สักเดือนนึง ผมอยากได้ผู้หญิงอยู่เป็นเพื่อนสักคน แบบที่จะทำให้ผมกลมกลืนกับคนไทยได้”
“ผู้หญิงอยู่เป็นเพื่อน?” เธอขมวดคิ้ว เขาพูดไทยได้แต่จะเข้าใจความหมายได้ เพราะเกรงว่าเขาจะหมายถึง ‘เมียเช่า’ มากกว่า
“ผมไม่มีรสนิยมขืนใจผู้หญิงนะ” เขากระตุกยิ้มที่มุมปาก “แต่ถ้าคุณจะบริการเสริมละก็...ผมก็หักลบกลบหนี้ให้ได้ ปกติคิดค่าตัวยังไงล่ะ”
“บ้าซิ! ฉันไม่ใช่ผู้หญิงขายตัวนะ!” เธอเผลอตวาดเขาลั่น แต่ผู้ชายตรงหน้ากับคลี่ยิ้มอย่างพอใจ
“ว่าไงล่ะ อยากรับงานพิเศษเล่นเป็นผู้หญิงของผม หรือจะอยากเป็นผู้หญิงอย่างว่าจริงๆ”
“ฉันอยากได้กำหนดเวลาที่แน่นอน ไม่อย่างนั้นก็ทำงานใช้หนี้ไม่หมดเสียทีซิ”
“ได้” เขาลุกขึ้นเดินไปหยิบสมาร์ทโฟนของตัวเองแล้วเลื่อนดูตารางที่ตนบันทึกไว้
“ผมชอบคิดตัวเลขกลมๆ ผมให้คุณวันละหมื่น ยี่สิบวันก็สองแสนพอดี อยู่กับผมยี่สิบวันแลกหนี้สองแสนบาท”
จำนวนเงินกับข้อเสนอของเขาทำให้เธอถึงกับพูดไม่ออก ทำงานยี่สิบวันแลกเงินสองแสนที่...จะว่าไป เธอก็ไม่ใช่คนก่อหนี้ก้อนนี้เสียหน่อย แต่ถ้าเขาไม่ประมูลเธออกมา ก็ไม่รู้ชะตากรรมตัวเองจะเป็นอย่างไร
“แล้ว...ยี่สิบวันนี่ฉันต้องทำอะไรบ้าง”
อลันยักไหล่ ไม่แปลกใจที่เธอสนใจข้อเสนอของเขา
“ไม่มีอะไร อยู่ใกล้ๆ ผม ทำตามที่ผมสั่งก็พอ”
“แล้วถ้าคำสั่งของคุณมันลามกจกเปรตล่ะ”
พรวดดดดด
คราวนี้อลันสำลักน้ำที่เพิ่งยกขึ้นดื่ม เขาสำลักแรงจนดุลยาต้องรีบลุกขึ้นไปลูบแผ่นหลังให้เขา
“คุณไม่เป็นอะไรนะ”
อลันที่หายใจคล่องขึ้นแล้วก็เงยหน้ามองหญิงสาว เขาระเบิดเสียงหัวเราะออกมาอีกครั้ง ก็ดีเหมือนกัน จ้างผู้หญิงคนนี้มาทำให้เขาหัวเราะ เขาไม่ได้หัวเราะเต็มเสียงแบบนี้มานานเท่าไหร่แล้วนะ
“เอาอย่างนี้นะ ผมจะไม่ชวนคุณเมคเลิฟด้วย แต่ถ้าคุณต้องการผมก็ยินดีสนองให้ดีไหม”
ดุลยาหน้าแดงที่เขาพูดออกมาแบบไม่กระด้างปาก เอาเถอะ ถ้าเขากล้ารับปากว่าจะไม่ล่วงเกินเธอ เธอก็จะเล่นตามน้ำกับเขาแล้วกัน ไหนๆ ชีวิตก็ต้องมาเจอเรื่องประหลาดแล้ว ถ้ามีอะไรเข้ามาก็คงไม่หนักหนาสาหัสไปกว่านี้หรอก และที่สำคัญ ลึกๆแล้วเธอไม่เชื่อว่าตัวเองจะถูกจับผิดตัว เพราะน้ำเสียงแม่เลี้ยงดูจะประหลาดใจที่เธอโทรศัพท์กลับบ้านได้อยู่
“ก็ได้ค่ะ ฉันยินดีรับข้อเสนอ แต่ขอทำสัญญาจ้างงานได้ไหมเผื่อคุณเล่นตุกติก”
“เอาซิ อยากได้อะไรก็ทำ” เขายกมือประสานกันแล้ววางหลังท้ายทอยพร้อมกับเอนกายสบายๆ บนเก้าอี้ยาวริมระเบียง
“แต่ก่อนอื่น...ดาวขอยืมเงินคุณไปซื้อเสื้อผ้าชุดใหม่ได้ไหมคะ เอ่อ...บวกเพิ่มกับที่เป็นหนี้ก็ได้ค่ะ”
อลันพยักหน้าแล้วยื่นปากไปทางที่เขาวางกระเป๋าสตางค์ไว้ ดูเขาจะไม่ระวังอะไรเธอเลยสักนิด แต่ดุลยาก็เดินไปหยิบกระเป๋าสตางค์ส่งให้เขา อลันไม่รับแต่กลับให้เธอหยิบเงินในกระเป๋าออกไปใช้ได้เลย
“จะดีหรือคะ”
“ซื้อของใช้ที่จำเป็นต้องใช้ แล้วก็...หวังว่าผมคงไม่เห็นคุณใส่ชุดไทยเดินไปเดินมาหรอกนะ ผมหลอน”
“ค่ะ”
ดุลยากระแทกเสียง ใครจะไปรู้ว่าตัวเองจะถูกจับไปทั้งใส่ชุดนางรำแบบนั้น เอาเถอะ เธอหยิบแบงค์พันออกจากกระเป๋าเขาไปสองใบ ชูให้เขาดูเพื่อความสบายใจของตัวเองแล้วเดินกลับเข้าไปในห้อง ชุดชั้นในยังไม่แห้งสนิทแต่ก็ดีกว่าออกไปทั้งที่ข้างในไม่มีอะไรสักชิ้น เห็นทีว่านอกจากเสื้อผ้าแล้ว เธอยังต้องใช้ของใช้อีกหลายอย่าง คิดแล้วก็ถอนหายใจเบาๆ ตกลงเธอจะได้ใช้หนี้สองแสนหรือหนี้จะงอกขึ้นกันแน่
......................
กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว