สุริยาอัศดง กลิ่นแห่งรัตติกาลย่างกรายเข้ามาในหมู่บ้านหุบเขาฝู มาพร้อมกับละอองฝอยของสายฝนพรำ ต้นไม้ ก้อนหิน เปียกฉ่ำชุ่มเป็นนิจ ที่นี่อยู่ห่างไกลจนแทบไม่มีพ่อค้าวาณิชใดผ่านมา เว้นเสียแต่เหล่าจอมยุทธที่มักแวะเวียนเข้ามาพัก หมุนเวียนสลับเปลี่ยนกันไป
หุบเขาฝู มีชื่อเสียงในแง่ความงดงาม เงียบสงัด หมู่บ้านหุบเขาฝู ดูแลโดยหัวหน้าหมู่บ้าน จางฝูเยี่ย หรือหัวหน้าจาง สืบทอดกันมารุ่นต่อรุ่น
หัวหน้าจาง เป็นบุรุษวัยหกสิบเศษ รูปร่างผอมบาง ทว่ามีเค้าความเป็นชายรูปงาม หนวดเรียวเหนือริมฝีปาก เคราสีดอกเลายาวเป็นระเบียบ หัวหน้าจางจัดได้ว่าเป็นยอดบุรุษคนหนึ่งแห่งหมู่บ้านหุบเขาฝู ด้วยว่ามีภริยาหลวงภริยาน้อยรวมกันถึง 3 นาง
แต่ละนางล้วนแล้วแต่งดงาม หรือยังคงความงดงามไม่เสื่อมคลาย แต่ละนางมีบุตรีอยู่ในวัยกำดัดอายุไล่เลี่ยกัน
ดรุณีทั้งสามคือ แม่นาง ลู่เสียน แม่นาง ลู่เจ๋อ และแม่นาง ลู่ชิง ดรุณีทั้งสามวัยไล่เลี่ยกัน เริ่มจากสิบแปด สิบเจ็ด และสิบหกปี กิตติศัพท์ความงดงามของแม่นางทั้งสามนั้น เลื่องลือไปไกลหลายพันลี้จากหมู่บ้านหุบเขาฝู ด้วยว่าจอมยุทธที่แวะเวียนเข้ามาพำนักในโรงเตี๊ยมของหัวหน้าจาง ต่างได้ยลโฉมของนางทั้งสาม แล้วถ่ายทอดความงดงามของดรุณีทั้งสามไปต่าง ๆ นานา
หนุ่ม ๆ ในหมู่บ้านหุบเขาฝู แม้ว่าต่างให้ความสนใจแม่นางทั้งสาม ทว่าไหนเลยจะกล้าอาจเอื้อม
แม่นางลู่เสียน เจ้าของผิวขาวราวหยก เต้าเคร่งครัดรึงรัด สะโพกกลมแน่น ยามนางย่างเยื้องไม่จำเป็นต้องกรีดกราย ก็แลเห็นความรุ่มร้อนที่ซุกซ่อนอยู่ในกิริยา แววตา น้ำถ้อยน้ำคำ
แท้จริงแม่นางลู่เสียนก็ปรารถนาจอมยุทธสักคน ในวัยสิบแปดฝนของนาง แต่ละวันช่างหนาวเหน็บ แต่ละคืนเหมือนกับถูกพลังงานเร้นลับปลุกเร้าอยู่ข้างใน แค่ทอดกายคว่ำหน้านาบแนบลงไปบนเตียงนอนนุ่ม พลังหยินปั่นป่วน บางครั้งดัชนีเรียวของลู่เสียนจิกลงไปบนความนุ่มของผืนผ้าที่ห่อหุ้มเรือนร่างของนางโดยไม่รู้ตัว และตำแหน่งนั้นอยู่ตรงกึ่งกลางลำตัวของนาง
ครั้งแรกที่แม่นางลู่เสียนกระทำเช่นนั้น เป็นไปอย่างบังเอิญ
ข้างในกายพลุ้งพล่าน โดยเริ่มจากความคิด
นางเคยเห็นจอมยุทธผู้หนึ่ง ดาบเล่มใหญ่ของเขาแขวนเฉียงที่ไหล่ ดวงตาเล็กดุดันบนรูปหน้าเหลี่ยมแต่คมคาย สายตาของจอมยุทธผู้นั้น ดุดันก็จริง ทว่านางกลับหวั่นไหวทุกครั้ง ขณะเขาร้องขอเกาเหลียง
จอมยุทธผู้นั้นยกไหเกาเหลียงเทเข้าปาก มิได้สะทกสะท้านใด ๆ สายตาของเขามิได้วางอยู่บนใบหน้าของนางด้วยซ้ำ
นางหวั่นไหวกับอันใด ท่วงท่าอันเข้มแข็งดุดัน หรือว่าศาสตราที่สะพายติดหลังของเขา ลู่เสียนมิอาจจะคาดเดาได้ รู้แค่เพียงว่า ยามนางสลัดผ้าแล้วหย่อนร่างลงไปแช่ในน้ำในค่ำนั้น ทั่วทั้งร่างของนางก็เหมือนกับถูกล่วงเกินจากศาสตราของจอมยุทธ
ดัชนีของแม่นางลู่เสียนถูไถบนเนื้อกายเปลือยเปล่าของนาง อันเป็นการขัดสีฉวีวรรณตามธรรมดา หากทว่าในคราวนั้นแตกต่างตรงที่ ทุกครั้งที่ดัชนีผ่านเนินถัน พลังหยินของนางสะท้านไหว ลมหายใจที่นางระบายออกมานั้น หนักหน่วง
ลู่เสียนคล้ายกับจะหนาวเหน็บหรือไม่ นางก็ไม่อาจจะคะเนความรู้สึกของตัวเองในยามนั้นได้อย่างชัดเจนนัก รู้แค่ว่า มีร้อนวูบวาบ แล้วตุ่มบนถันของนางก็ชูชัน ชวนให้สะบัดดัชนีเข้าหาอีกครา ทว่านางมิอาจหาญ แม้ใจจะปรารถนาที่จะกระทำเยี่ยงนั้นซ้ำอีกครั้ง
น่าประหลาดนัก วาบของห้วงคิด นางเห็นดาบเล่มโตของจอมยุทธผู้นั้นอีกครา หน้าท้องของนางก็ไหวสะท้อน ส่วนที่ลาดต่ำลงไปกว่านั้นก็เกิดอาการสั่นคลอน
เหตุไฉนกันนะ?
ลู่เสียนได้แต่เก็บงำความสงสัยดังกล่าวเอาไว้โดยไม่ได้แพร่งพรายบอกกล่าวกับใคร
นางรู้สึกว่าเป็นเรื่องน่าอาย เพียงแค่คิด ไม่เพียงแค่วงหน้าของนางเท่านั้นที่กำลังร้อนผ่าว แม้ทั้งร่างของนางก็เป็นเช่นนั้น
ส่วนลู่เจ๋อและลู่ชิงดูจะยังไร้เดียงสามากกว่าลู่เสียนนัก จึงไม่ได้แสดงท่าทีว่าสะทกสะท้านใด ๆ ยามที่พูดคุยหรือสบตากับจอมยุทธใด ๆ ก็ตาม
เพื่อทำให้ประสบการณ์การใช้เว็บของคุณดียิ่งขึ้น และเลือกเนื้อหาที่เหมาะสมกับคุณอย่างได้อย่างส่วนตัว ท่านสามารถอ่านนโยบายคุกกี้เพิ่มเติมได้ที่นี่