เรื่องเล่าชาวX8 (NC 20++)-เสียวในห้องน้ำ (ต่อ)

โดย  วาเลนไทน์เดย์

เรื่องเล่าชาวX8 (NC 20++)

เสียวในห้องน้ำ (ต่อ)

ศาสตราของคนทั้งสองต่างถูกยึดถือกำแน่น ทวนสีดำที่ยาวกว่าสองเมตรของหม่าเฟยต่างถูกสองมือยึดจับไว้อย่างมั่นคง ด้านกระบี่ทั้งสองเล่มของหวังเชียนเถาเองก็ได้ถูกบุรุษยึดถือไว้ด้วยความโกรธความเกลียด

ทันทีที่เหยาเหยียนเก๋อสั่งเริ่มประลอง ท่าร่ายของพวกมันต่างถูกใช้ออก หม่าเฟยเลือกที่จะใช้ท่าร่ายประจำตระกูลมันที่มีชื่อเสียงด้านความเร็ว เป็นท่าร่ายที่เร็วที่สุดในอาณาจักรแห่งนี้

ท่าร่ายนี้มีชื่อเรียกว่า 'อาชาเคลื่อน..วายุหมอบ'

ส่วนด้านของหวังเชียนนั้นเลือกที่จะใช้ท่าร่ายของสำนัก ซึ่งความเร็วของมันจึงไม่อาจตามความเร็วของหม่าเฟยได้ทัน

กระบี่ของหวังเชียนเถาทั้งสองเล่มรัวจ้วงใส่ตัวของหม่าเฟยด้วยความเร็วที่สุดแสนจะน่าสะพรึง แต่ทว่าทวนในมือของหม่าเฟยกลับสามารถไล่ตามความเร็วนั้นได้ทันแม้จะเป็นอาวุธที่มีขนาดใหญ่กว่าและหนักกว่าก็ตามที

การร่ายรำเพลงทวนของหม่าเฟยทั้งหนักแน่นและมั่นคง สายตาคนมองทันทุกกระบี่ของคู่ต่อสู้ ซึ่งหม่าเฟยไม่ได้ตั้งรับเพียงอย่างเดียว เมื่อมีโอกาสหม่าเฟยก็จะอาศัยความได้เปรียบของอาวุธที่เป็นอาวุธระยะกลางในการโจมตีใส่หวังเชียนเถาในทุก ๆ ครั้งที่มีโอกาส

ฝ่ายหวังเชียนเถาต่างรู้ดีถึงข้อได้เปรียบของอาวุธตนเองและคู่ต่อสู้ บุรุษร่างเล็กพยายามไม่ให้หม่าเฟยได้ทิ้งระยะห่างมากนัก หวังเชียนเถาคอยจะเข้าประชิดตัวของหม่าเฟยอยู่ตลอด เพราะหากปล่อยให้บุรุษเกศาขาวทิ้งระยะห่างได้ ฝ่ายที่ถือกระบี่เช่นมันคงถูกทวนของหม่าเฟยโจมตีอย่างไม่หยุดยั้งแน่

แน่นอนว่าการเป็นคนได้เปรียบย่อมดีกว่าเป็นคนเสียเปรียบเป็นธรรมดา


“สมแล้ว..สมแล้ว สมแล้วที่เป็นลูกชายของจอมทวนอันดับหนึ่ง ฝีมือระดับนี้พ่อของเจ้าคงขายหน้ายากแล้ว..” หวังเชียนเถากล่าวยั่วยุพร้อมหมุนตัวกวาดกระบี่ทั้งสองเล่มไปที่ข้อเท้าของคู่ต่อสู้


ดวงตาของคนวาวโรจน์ เมื่อถูกจี้ใจดำ ปราณสีแดงชาดต่างส่องสว่างออกมา สีของปราณของหม่าเฟยนั้นมันแดงจนเกือบดำ หากมันเข้มขึ้นอีกนิดหนึ่งก็จะกลายเป็นสีดำแล้ว

“ขอบอก...ว่าข้า...ไม่มีพ่อ!!!”

หม่าเฟยใช้ทวนในมือฟาดตีงัดกระบี่ของหวังเชียนเถาขึ้นจนทำให้บุรุษร่างบางคล้ายกำลังยกชูมือสองข้างขึ้นทำให้ช่วงท้องของมันเปิดโล่งง่ายต่อการโจมตีซึ่งหม่าเฟยก็ได้อาศัยจังหวะนั้นกระโดดขึ้นยันสองขาใส่เต็มอกของหวังเชียนเถา ก่อนที่ตอนนี้ปราณของหม่าเฟยจะเปลี่ยนจากสีชาดที่คล้ำมา ๆ เป็นดำสนิท

“ทวนล่องนภา!!”

ทวนดำที่สลักรูปเมฆาของหมาเฟยถูกปาออกไป เจ้าทวนนั้นต่างถูกห่อหุ้มด้วยพลังปราณที่สุดแสนจะน่ากลัวก็ได้พุ่งตรงไปยังหวังเชียนเถาในทันที เป้าหมายในครานี้เป็นช่วงลำตัวของบุรุษร่างบาง


หวังเชียนเถาที่ถูกถีบตัวมันในตอนแรกต่างซวนเซจะล้มแหล่ไม่ล้มแหล่แต่ด้วยฝีมือของคนร่างบาง มันสามารถประคล่องตัวไม่ให้ล้มได้ก่อนหน่วงพลังปราณขึ้นมาโดยฉับพลัน กระบี่ในมือทั้งสองต่างถูกถือจับในท่าไขว้กัน

“วิชากระบี่โบยสวรรค์ขั้นที่หนึ่ง กลบฝังธารา!!”

พลังปราณสีฟ้าครามของคนตอนนี้เริ่มมีพลังอัคคีธาตุขึ้นห่อหุ้ม ด้วยพลังจากระดับสัมผัสสรรพวิถีจึงสามารถทำให้หวังเชียนเถาสามารถใช้พลังธาตุออกมาได้ ยิ่งเป็นสัมผัสสรรพวิถีขั้นปลายเช่นมันด้วยแล้ว จึงทำให้ความสามารถในการควบคุมพลังเพลิงบนกระบี่ของมันสูงล้ำขึ้นมากประหนึ่งกับพลังไฟนั้นคือแขนที่สามที่ตัวคนร่างบางสามารถขยับได้ดั่งใจนึก

หอกดำที่ลอยมาต่างถูกกระบี่ของหวังเชียนเถาปัดป้องได้อย่างง่ายดาย ก่อนที่กระบี่อีกเล่มหนึ่งที่ว่างจะตวัดออกไปก็ได้บังเกิดคลื่นเพลิงรูปจันทร์เสี้ยวพุ่งออกไปที่ตัวของหม่าเฟยจากกระบวนท่าที่สองของวิชากระบี่โบยสวรรค์


ด้วยตัวคนเป็นคนจงใจปาทวนในมือออกไป ในตอนนี้หม่าเฟยจึงไร้อาวุธ ทำให้มันไร้สิ่งของในการช่วยปัดป้องคลื่นพลังเพลิงนั้นอย่างสิ้นเชิง

แต่ทว่าแม้ตัวจะไร้ทวน ตัวคนกลับมิได้ใช้ท่าร่ายในการหลบหนี บุรุษเกศาขาวกลับยืนอยู่กับที่มือขวายื่นออกไปทางด้านข้างพร้อมทั้งหน่วงพลังปราณเอาไว้ที่มือข้างนั้นอย่างหนาแน่น

จนเมื่อเพลิงไฟอยู่ห่างกับตนเองเพียงสิบเมตร หม่าเฟยกับหมุนตัวแล้วสะบัดมือออกไปในท่ากวาดทวน ซึ่งในฉับพลัน ทวนที่ควรจะไปตกอยู่นอกเวทีดันกลับมาถืออยู่ในมือของหม่าเฟยทั้ง ๆ ที่ตัวของหม่าเฟยไม่ได้วิ่งออกไปเก็บทวนอันนั้นเลยด้วยซ้ำ


“โหวหวัง หรือว่านั่นคือศาสตราระดับจิตวิญญาณ?”


“ตามประสบการณ์ นั่นน่าจะเป็นระดับที่เหนือกว่า... น่าจะเป็นศาสตราระดับตำนานเหมือนกระบองปราบมังกรของฉัน” ซุนโหวหวังกล่าว

ใช่แล้ว กระบองของซุนโหวหวังคือศาสตราระดับตำนานที่สืบต่อมาจากรุ่นสู่รุ่น ซึ่งรุ่นก่อนหน้าที่ถือกระบองอันนี้ก็คือปู่ของซุนโหวหวังนั่นเอง


“ระดับตำนานเลย?”

หลิวเจี้ยนกล่าวพร้อมกับจ้องมองไปที่ทวนในมือของหม่าเฟยด้วยความอิจฉา การที่มันสามารถเรียกกลับมาได้ตามใจนึกพร้อมทั้งมีความแข็งแกร่งเป็นรองแค่ระดับทศทิศนั่นเป็นเรื่องที่น่าอิจฉาเป็นอย่างมาก ขนาดหลิวเจี้ยนในตอนนี้เองมันยังใช้เพียงแค่กระบี่ระดับศาสตราวุธเท่านั้นเอง


ตอนนี้หลิวเจี้ยนเลิกสนใจในระดับอาวุธของหม่าเฟย สายตาของคนจ้องมองไปที่การต่อสู้เบื้องล่างพลางคิดวิเคราะห์

“นี่..โหวหวัง เจ้าว่าเจ้าหม่าเฟยมันดูแปลก ๆ หรือไม่?”


“แปลก? แปลกเรื่องใด?” โหวหวังกล่าวถามพร้อมหันไปมองสหายของมัน


“หม่าเฟยและหวังเชียนเถาต่างมีช่วงชั้นยุทธ์เท่ากัน คือสัมผัสสรรพวิถีขั้นปลาย แต่มีเพียงแต่หวังเชียนเถาเท่านั้นที่ใช้ออกด้วยพลังธาตุ ทั้ง ๆ ที่หม่าเฟยควรที่จะใช้พลังธาตุออกมาด้วยเช่นเดียวกัน หากมันมีพลังระดับสัมผัสสรรพวิถีขั้นต้นข้าจะไม่แปลกใจเท่าไหร่ แต่นี่มันเป็นขั้นปลายแล้ว ความเชี่ยวชาญเรื่องการใช้พลังธาตุน่าจะเจนจัดแล้ว อีกอย่าง..การใช้วิชาผสานเข้ากับพลังธาตุจะยิ่งเพิ่มความรุนแรงให้แก่วิชานั้น ๆ ที่ใช้ออกด้วย”


คราแรกซุนโหวหวังก็ไม่สังเกต แต่เมื่อหลิวเจี้ยนเอ่ยออกมาก็ได้ทำให้บุรุษหน้าขนรู้สึกเอะใจขึ้นมา “ก็จริงอย่างเอ็งว่า.. แต่การที่พ่อหม่าเฟยเก็บงำพลังธาตุเอาไว้อาจมีเหตุผลของเขาก็ได้”


“ข้ามองมุมไหนก็มีแต่เหตุผลที่ไม่เข้าท่า เก็บวิชาลับไว้เป็นไพ่เด็ดก็เรื่องหนึ่ง แต่เก็บพลังธาตุไว้แบบนี้ข้ากลับมองว่าเป็นเรื่องโง่เขลาสิ้นดี”

กล่าวจบตรงนี้ หลิวเจี้ยนก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ มันแต่คิดว่ามีเหตุผลอะไรบ้างที่ต้องปิดพลังธาตุเอาไว้ จะบอกว่าออมมือให้หวังเชียนเถาก็ดูไม่เข้าทีเสียเท่าไหร่


กลับไปที่การต่อสู้

กระบี่ที่เคลือบไฟทั้งสองเล่มของหวังเชียนเถาต่างโบกสะบัดไปมาสร้างความร้อนให้แผดเผาคู่ต่อสู้ค่อยบั่นทอนพละกำลังจากอุณหภูมิที่สูงขึ้นอยู่ตลอดเวลา

ด้านหม่าเฟยเองก็เร็วรี่ในการควงทวนในมือไปมาด้วยความคล่องแคล่ว คนหนึ่งใช้เพลงกระบี่ประจำสำนักอีกคนหนึ่งก็ใช้เพลงทวนประจำตระกูลสู้รบตบมือกันไปมา


“นี่..ศิษย์น้องหม่า ข้าว่าคำพูดของเจ้ามันดูย้อนแย้งอย่างไรก็ไม่รู้นะ” หวังเชียนเถาเอ่ยพร้อมแสยะยิ้มออกมา “เจ้าบอกว่าเจ้าไม่มีพ่อ แต่เจ้ายังใช้วิชาของตระกูลหม่าอยู่ นี่มันเกลียดตัวกินไข่เกลียดปลาไหลกินน้ำแกงชัด ๆ เลยเจ้าว่าหรือไม่?”


“ข้าว่าปากของเจ้าดูจะคมกว่ากระบี่ที่เจ้าถือเสียอีก ร่ายรำมาหลายเพลงผลาญปราณใช้วิชาธาตุตั้งมากมายกลับฟันข้าสักแผลยังไม่ได้เลย”

หม่าเฟยพูดตอกกลับในทันที ซึ่งทำเอาอีกฝ่ายสะอึกจนทำให้เพลงกระบี่ที่มันใช้อยู่เขวไปถึงสองสามกระบี่

ความจริงแล้วหม่าเฟยใช่อยากใช้วิชาประจำตระกูลหม่าเสียหน่อย การที่มันเลือกเข้าสำนักสี่ขุนเขาก็เพราะมันต้องการตัดขาดตนเองออกจากตระกูลนั้น แต่ทว่าภายในสำนักนี้ วิชาเด่นคือวิชากระบี่ วิชาทวนนั้นจัดได้ว่าต่ำเตี้ย สวนทางกับตระกูลหม่าที่มีวิชาทวนเป็นวิชาเอกหรือจะบอกว่าวิชาทวนของคนตระกูลหม่านั้นคือวิชาทวนอันดับหนึ่งของอาณาจักรก็ไม่ผิดนัก ส่วนเรื่องท่าร่าย

เหตุผลที่หม่าเฟยยังต้องใช้ท่าร่ายของตระกูลด้วย ก็เนื่องด้วยเพลงทวนประจำตระกูลหม่านั้น จะสำแดงเดชได้ดีที่สุดเมื่อใช้คู่กับท่าร่ายของตระกูล มันจึงเป็นเรื่องยากที่จะปฏิเสธไม่ให้ใช้ไม่ให้ฝึกวิชาทวนของคนตระกูลหม่าในเมื่อมันคือของที่ดีที่สุดที่หม่าเฟยมี


“ได้!! หากเจ้าอยากได้แผล ข้าหวังเชียนเถาก็จะประเคนแผลให้เจ้า!!”

“เพลงกระบี่โบยสวรรค์ขั้นที่สี่ กรีดผ่านเมฆา!!”

กระบี่ในมือทั้งสองของหวังเถียนเชียนเริ่มแทงได้รัวและถี่ขึ้น คลื่นเพลิงไฟยิ่งมายิ่งโหมหนักจนกองสุมใหญ่ หยาดเหงื่อบนใบหน้าของหม่าเฟยยิ่งนานก็ยิ่งมาก ด้วยอุณหภูมิที่สูงขึ้นเรื่อย ๆ จึงทำให้ดวงตาของคนเริ่มพร่ามัว การตอบสนองตีโต้ต่อเพลงกระบี่เองก็ค่อย ๆ ช้าลงในขณะที่กระบี่ของอีกฝ่ายว่องไวขึ้น

ฉึก..ฉึก..ฉึก..!!

เพียงเสี้ยววินาทีที่หม่าเฟยยกทวนปัดป้องพลาด ที่กลางอก หัวไหล่ซ้ายและข้อมือขวาของบุรุษเกศาขาวต่างมีเลือดหลั่งริน

รอยยิ้มของคนเองก็ได้ถูกยกสูงขึ้น

“อย่างไร..นายน้อยหม่า สามแผลแล้วนะเจ้า”


หม่าเฟยขบฟันแน่เพื่อสะกดเสียงกรีดร้องจากความเจ็บปวด แม้แผลไม่ลึกมากแต่กระบี่ของอีกฝ่ายกลับมีเพลิงไฟห่อหุ้มอยู่ตลอดทำให้บุรุษเกศาขาวไม่เพียงถูกกระบี่บาดเฉือน แต่เนื้อหนังของหม่าเฟยยังคงถูกอัคคีที่เคลือบกระบี่แผดเผาด้วยเช่นเดียวกัน เท่ากับหนึ่งกระบี่ของฝ่ายตรงข้ามจะสามารถสร้างความเจ็บปวดได้ถึงสองครั้งในกระบี่เดียว


“รีบกลับบ้านไปฟ้องแม่เจ้าไป๊... โอ้... ข้าลืมไป.. เล่ยเจิ้นแม่ของเจ้าตายไปแล้วนิ...”

คนได้พลันพูดเอ่ยออกมาด้วยความย่ามใจ แต่ทว่าคำพูดประโยคนี้กลับทำให้คนพูดต้องกัดลิ้นตนเองทิ้งในภายหลังแน่


“กล้าดียังไง!!!!!!!!!!”

ป่ง!! พลังปราณภายในร่างของหม่าเฟยพลันระเบิดออกมาด้วยความรุนแรง ความรุนแรงนั้นถึงกับผลักร่างของหวังเชียนเถาครูดไถไปตามพื้นกว่าสิบเมตรทำให้เจ้าคนร่างบางต้องใช้กระบี่ทั้งสองในการช่วยค้ำยันเอาไว้ไม่นั้นมันอาจตกเวทีจนถูกปรับแพ้จนได้


แล้วเมื่อหวังเชียนเถาส่งสายตากลับไปมองหม่าเฟยอีกครั้ง ขนที่ต้นคอของมันก็ต้องลุกตั้งชูชัน เพราะตอนนี้ร่างของหม่าเฟยอยู่ห่างจากมันไม่ถึงสองเมตรอีกทั้งคมของทวนในมือของหม่าเฟยก็อยู่ห่างจากตัวของบุรุษร่างบางไม่ถึงเมตรแล้ว

รีวิวจากผู้อ่าน

กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว