กิตตินาทปล่อยคำพูดที่คิดว่าจะไปสะกิดใจของม.ร.ว อดิศักดิ์เอาไว้อย่างจงใจในงานเลี้ยงในคืนนี้ เขาค่อนข้างที่จะมั่นใจว่าด้วยชื่อที่คุ้นเคยและประจวบเหมาะกับหน้าตาของเขาที่ใครๆเห็นก็ต้องบอกเป็นเสียงเดียวกันว่าเขานั้นเหมือนแม่เอามากๆเลยทีเดียวนั้น จะทำให้คุณชายผู้สูงศักดิ์ท่านนั้นต้องเก็บเอาไปคิดอย่างแน่นอน ก่อนกลับกิตตินาทได้ให้นามบัตรของเขากับอรุณรัศมีไว้เพื่อไม่ให้ขาดการติดต่อกับเธอในวันข้างหน้า เพราะถึงอย่างไรเธอก็เป็นน้องสาวของเขานั่นเอง จะปล่อยปละละเลยไปเสียก็คงจะทำไม่ได้
"ใครกันหรือลูก? ดูจากรถที่ขับมาแล้วไม่ธรรมดาเลยนะ" สร้อยสุภางค์เดินเข้ามาหาลูกสาวแล้วถามขึ้นทันที หลังจากที่กิตตินาทเดินคล้อยหลังไปแล้ว
"คุณกิตตินาทค่ะคุณแม่" ลูกสาวคนสวยตอบเสียงเรียบแบบไม่ได้คิดอะไรมากมายนัก แต่สร้อยสุภางค์กลับไม่ได้เป็นเช่นนั้น
"แล้วคุณติ๋วไปรู้จักมักคุ้นกับเขาได้อย่างไรกันล่ะ? เอ๋ๆๆ หรือว่าเขาจะชอบหนูกันนะ ใช่หรือเปล่าล่ะจ๊ะลูก?"
"คุณแม่พูดอะไรแบบนั้นคะ ไม่ใช่แบบนั้นหรอกค่ะ คือเขาเป็นเพื่อนกับคุณศานติน่ะค่ะ คุณศานติแนะนำให้รู้จักกันก็เท่านั้นเอง ไม่มีอะไรมากไปกว่านั้นหรอกค่ะ" อรุณรัศมีบอกกับแม่ของเธอพลางเก็บนามบัตรใบนั้นให้ห่างจากสายตาของแม่ของเธอเอาไว้อย่างมิดชิด เพื่อยุติความคิดของแม่ของเธอไม่ให้คิดอะไรที่เป็นการเลยเถิดไปกว่านี้นั่นเอง
หลังจากที่งานเลี้ยงที่วังกิตติคุณผ่านพ้นไปแล้ว อีกสองวันต่อมา เสธ.ดำกับกิตตินาทก็ได้นัดชื้อขายที่ดินกัน เสธ.ดำนั้นมากับสร้อยสุภางค์ผู้เป็นน้องสาวเพียงสองคนเท่านั้น ส่วนกิตตินาทนั้นมากับทนายที่เป็นเพื่อนของเขาเองโดยมีไอ้ล้อมสมุนมือขวาของเขานั้นเป็นคนขับรถให้ ที่กรมที่ดินนั้นทันทีที่สร้อยสุภางค์เห็นคนที่จะมาซื้อที่ของเธอๆก็จำเขาได้ในทันที เพราะว่าพึ่งจะเจอกับเขาที่งานเลี้ยงที่วังกิตติคุณเมื่อคืนก่อนนี้นี่เอง
"อ้อ..คุณน่ะเอง สวัสดีค่ะ ดีใจจริงๆที่ได้เจอกับคุณกิตตินาทอีกครั้งนึง" สร้อยสุภางค์แสดงความดีใจจนออกนอกหน้าจนเสธ.ดำนึกแปลกใจอยู่ไม่น้อยกับท่าทีของน้องสาว
"เอ..? เราเคยพบกันมาก่อนหรือครับ คือผม..?" กิตตินาทแกล้งทำเป็นไม่เคยรู้จักกับสร้อยสุภางค์ ทั้งที่ความจริงแล้วเขานั้นได้สืบประวัติต่างๆของเธอมาหมดแล้ว
"เอ่อ..อ้อจริงสิคะ ดิฉันก็ลืมไปว่าเรายังไม่เคยได้แนะนำตัวกันเลย ดิฉันสร้อยสุภางค์ เกียรติสกุลธรค่ะ เมื่อวันก่อนนี้ดิฉันเคยเจอกับคุณกิตตินาทครั้งหนึ่งแล้วที่งานเลี้ยงที่วังกิตติคุณไงคะ"
"อ้อ..อย่างนั้นหรือครับ น่าเสียดายจริงที่ในงานเลี้ยงคืนนั้นผมไม่ทันได้แนะนำตัว ผมกิตตินาท ทรัพย์วิบูลย์ ยินดีที่ได้รู้จักครับ" กิตตินาทแนะนำตัวเองกับสร้อยสุภางค์อย่างเป็นกันเองทั้งที่ความจริงแล้วเขาไม่ค่อยที่จะชอบสนิทสนมกับใครง่ายๆนัก แต่ในครั้งนี้นั้นเป็นเพราะเขาเองมีจุดประสงค์อะไรบางอย่างแอบแฝงอยู่ในใจนั่นเอง
"คุณกิตตินาทเป็นลูกชายคนโตของพ่อเลี้ยงกำธร ทรัพย์วิบูลย์ พ่อเลี้ยงคนดังของทางเหนือน่ะ" เสธ.ดำผู้เป็นพี่ชายแนะนำเพิ่มเติมให้ ซึ่งพอสร้อยสุภางค์ได้ยินดังนั้นก็ตาโตขึ้นมาทันทีด้วยความสนใจยิ่งขึ้นไปอีก เพราะว่าพอจะรู้เลาๆมาบ้างว่าพวกพ่อเลี้ยงแม่เลี้ยงของทางเหนือนั้นค่อนข้างที่จะมั่งคั่งกันทุกคน
"ตายจริง! จริงหรือคะเนี้ย! ดีใจจริงๆค่ะที่ได้เจอ แต่ว่าทำไมคุณกิตตินาทถึงได้สนใจที่จะซื้อที่ๆกรุงเทพล่ะคะเนี้ย หรือว่าพ่อเลี้ยงมีโครงการที่จะจับธุรกิจที่กรุงเทพเพิ่มขึ้นอีกคะ" สร้อยสุภางค์ถามออกไปเป็นชุดอย่างสนใคร่รู้
"อ้อ..เปล่าครับเปล่า ที่ผืนนี้ผมซื้อเอาไว้เองครับไม่เกี่ยวกับคุณพ่อ คือผมเห็นว่าที่มันสวยดีน่ะครับ แล้วราคาก็พอสมน้ำสมเนื้ออยู่ ก็เลยซื้อเอาไว้เฉยๆอย่างนั้นเอง ไม่ได้มีโครงการอะไรหรอกครับ" กิตตินาทตอบเลี่ยงๆไปเพื่อปกปิดสิ่งที่เขากำลังคิดที่จะทำอยู่ จากนั้นไม่นานทนายของเขาก็เดินเข้ามารายงานว่า
"เสร็จเรียบร้อยแล้วครับ เชิญคุณสร้อยสุภางค์เช็คดูเงินเข้าจากมือถือได้เลยครับ" ทนายความยื่นใบโฉนดพร้อมกับเอกสารทั้งหมดที่ทำเรียบร้อยแล้วนั้นให้กับกิตตินาท
"ทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว นายตรวจดูอีกทีนะนาท" เพื่อนหนุ่มเอ่ยขึ้น แต่กิตตินาทนั้นกลับยิ้มขำๆก่อนที่จะเปิดดูแค่เพียงนิดหน่อยเท่านั้น
"ต้องดูอะไรมากหรือ แกน่ะฝีมืออยู่แล้วเอก" เอกสิทธิ์ยิ้มแป้นกับคำชมของเพื่อนก่อนที่จะออกตัวขึ้นว่า
"ไม่ต้องมาโปรยคำหวานเลย ฉันไม่ใช่สาวๆ ไม่หลงคารมของนายหรอกนะฮ่าๆๆๆ" ทั้งสองหัวเราะให้กันอย่างสนิทสนม หลังจากที่สร้อยสุภางค์เช็คยอดเงินเสร็จแล้วก็เอ่ยขึ้นอย่างอารมณ์ดีว่า
"โอเค..เรียบร้อยดีแล้วนะคะ ขอบคุณนะคะคุณทนาย เอ่อดิฉันเห็นจะต้องขอตัวกลับก่อน ถ้าคุณกิตตินาทมีเวลาก็แวะไปที่วังเกียรติสกุลธรบ้างสิคะ อ่อ คุณกิตตินาทคงจะเคยได้พบกันแล้วกับคุณติ๋วที่งานเลี้ยงของท่านชายเฉลิมเกียรติ ม.ล อรุณรัศมี เกียรติสกุลธรที่คุณศานติแนะนำให้คุณกิตตินาทรู้จักนั้น คือลูกสาวคนโตของดิฉันเองค่ะ"
"อ้อ..อย่างนั้นหรือครับนี่ ขอบคุณคุณสร้อยสุภางค์ครับที่ไม่รังเกียจเด็กบ้านนอกอย่างผม หวังว่าในวันหน้าผมคงจะมีโอกาสได้เข้าไปเยี่ยมที่วังบ้างนะครับ"
"แหม!ฟังคุณกิตตินาทพูดเข้าสิคะ เด็กบ้านนอกอะไรกัน ได้แน่นอนอยู่แล้วค่ะ สำหรับคุณกิตตินาทแล้วเชิญมาได้เลยค่ะ ยินดีต้อนรับมากๆเลย"
"ขอบคุณครับ" เข้าทางเขาแล้ว ตอนนี้กิตตินาทได้ใช้เงินเป็นใบเบิกทางที่จะเข้าไปในวังเกียรติสกุลธรได้อย่างที่ตั้งใจของเขาแล้ว ต่อจากนี้ไปก็เหลือแต่เพียงรอเวลาและโอกาสเหมาะๆเท่านั้นเอง หลังจากที่แยกกันกับกิตตินาทมาแล้ว สร้อยสุภางค์ก็ถามพี่ชายของเธอถึงเรื่องของชายหนุ่มผู้มั่งคั่งคนนั้นจากพี่ชายของเธอขณะที่นั่งรถกลับมาด้วยกัน
"พี่ใหญ่รู้จักกับคุณกิตตินาทมานานแล้วหรือคะ?"
"ก็ไม่ได้รู้จักเป็นการส่วนตัวมากนักหรอกนะ ที่เขามาซื้อที่นี่ก็เป็นคุณเอกสิทธิ์ทนายส่วนตัวของเขาที่ติดต่อเรามา แต่ถ้าพูดถึงพ่อเลี้ยงกำธรก็พอจะรู้จักอยู่บ้าง รายนั้นน่ะเขาไม่ใช่ธรรมดาเลยนะ ที่เชียงใหม่รวมไปถึงเชียงรายด้วยเขากว้างขวางทีเดียวล่ะ"
"นั่นนะสิคะ เพราะขนาดซื้อที่ตั้งหลายสิบล้านนี่เขายังซื้อได้เองโดยที่ไม่ได้รบกวนพ่อแม่ของเขาเลยสักนิด แล้วนี่พ่อแม่ของเขาเองจะร่ำรวยขนาดไหนกัน แถมอายุก็ยังน้อยอยู่มากทีเดียว อนาคตคงจะไปได้อีกไกลเลยล่ะ"
"พ่อเลี้ยงกำธรน่ะเขามีกิจการอยู่หลายอย่างทั่วทั้งภาคเหนือ ทั้งไร่ชา ปางไม้รวมไปถึงรีสอร์ทอีกหลายที่ด้วยนะ" คำบอกเล่าของพี่ชายทำเอาสร้อยสุภางค์ถึงกับตาโตขึ้นมาทันทีด้วยความสนใจ พลางคิดอย่างมีความหวังว่าถ้าหากลูกสาวผู้สูงศักดิ์ของเธอนั้นได้แต่งกับคนที่เพียบพร้อมเช่นนี้แล้วล่ะก็ เธอก็คงจะไม่ต้องเป็นห่วงอะไรอีกแล้วในชีวิตนี้..
กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว