EP #03
คิดก่อนตัดสินใจ
[Content Warning: NC18+]
“ใช่ หนังแบบที่ภีมเข้าใจนั่นแหละ...”
ภีมยิ่งดูอึ้งกว่าเดิมอีกที่ได้ยินแบบนี้ ใบหน้าเขามีแต่ความงุนงง คิ้วได้รูปขมวดขึ้น มือใหญ่ค่อนข้างขาวซีดขยับแว่นเหมือนเพื่อให้มีอะไรสักอย่างทำมากกว่าจะขยับเพราะมันไม่ได้องศาที่ต้องการ แต่เขาก็ใจเย็นพอจะรอให้ฉันอธิบายต่อ ฉันเลยค่อยๆ อธิบายถึงข้อตกลงนั่นคร่าวๆ เล่ายังไม่ทันจบดีฉันก็ร้องไห้ออกอย่างสุดกลั้น
“...ถ้าเราอยากจะหมดหนี้เร็ว เราก็ต้องยอมทำทุกอย่างเพื่อที่จะได้เงิน...ฮือ...”
ภีมรีบขยับเข้ามาใกล้ฉันเพราะรู้ว่าเพื่อนคนนี้กำลังจะไม่ไหวแล้ว เขากอดฉันเอาไว้หลวมๆ ฉันคิดอะไรไม่ออกแล้วตอนนี้ได้แต่ซบลงไปที่อกของเพื่อนสนิท ปล่อยให้น้ำตาอุ่นไหลออกมาให้สมกับความเจ็บที่มี เขายอมให้ฉันซบอยู่นานและลูบผมฉันอย่างอ่อนโยน
“ไวน์ เราไม่รู้จะช่วยไวน์ยังไงดี”
“แม้แต่เรายังไม่รู้จะทำยังไงดีเลยภีม”
ฉันสารภาพตามตรง ยอมรับว่าตอนแรกที่ได้ยินข้อเสนอก็คิดหนักมากเหมือนกัน เพราะงานที่ว่ามันไม่ใช่แค่แต่งตัววาบหวิวถ่ายรูป ถ่ายแบบ แต่มันคือหนังผู้ใหญ่ที่ต้องมีเซ็กส์จริงๆ สอดใส่กันจริงๆ และ...ที่มันน่ากลัวยิ่งกว่านั้นก็คือฉันไม่เคยมีเซ็กส์ ฉันยังบริสุทธิ์อยู่
“ใจเย็นๆ นะ ไวน์ ไม่ว่าไวน์จะเลือกอะไร เราก็จะอยู่ข้างไวน์เสมอ”
ภีมให้คำมั่น เขาไม่ได้ห้ามปรามอย่างที่ฉันคิดเอาไว้ในตอนแรก
“ถึงแม้ว่าสิ่งที่เราเลือกมันคือการไปแก้ผ้า ให้ผู้ชายที่ไหนก็ไม่รู้มามีอะไรด้วยโดยปราศจากความรักเหรอภีม”
คิดมาถึงตอนนี้ฉันก็ยิ่งรู้สึกแย่ไปใหญ่
“ไวน์...ไวน์ๆ ค่อยๆ คิดไปนะ ลองคิดดูดีๆ ไวน์อาจจะไม่ทำ หรือทำมันก็ได้ ภีมไม่มีวันตำหนิวายหรอก”
เขาช่างเป็นเพื่อนที่ดีจริงๆ
“ถ้าสมมุติว่าไวน์เลือกทำ เราก็จะยังอยู่ตรงนี้เหมือนเดิม ไม่มีอะไรเปลี่ยนไป เราไม่รู้หรอกนะว่างานแบบนี้มันจะดูต่ำทรามในสายตาใคร แต่สำหรับเรามันก็คืองานอย่างหนึ่งที่ไม่ได่ต่างอะไรกับงานทั่วไปเลย แต่ถ้าไวน์ไม่ได้เลือกที่จะทำและปล่อยให้บ้านถูกยึด ไวน์จะย้ายมาอยู่กับเราก่อนก็ได้นะ บ้านเรามี 3 ห้องนอน เราจะยกห้องนอนใหญ่ให้ไวน์ไปเลย ค่าเช่าเราก็ไม่คิด ไวน์อยู่ได้ตลอดไปจนกว่าจะอยากย้ายออกเลย”
“ภีม ทำไมภีมดีกับเราขนาดนี้”
ฉันผละออกจากอกเขาเพื่อที่จะถามให้แน่ใจ
“เรา...”
เขาอ้ำอึ้ง
“ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว ถึงมันจะไม่ใช่เวลา แต่เราก็อยากให้ไวน์เข้าใจจริงๆ ว่าเราจะคิดยังไง เราจะบอกไวน์ก็ได้ เราแอบชอบไวน์มานานแล้ว ชอบมาตลอดแหละ”
“ภีม”
ฉันอึ้ง เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมาก็ไม่เคยนึกเลยว่าเพื่อนสนิทที่คอยปรับทุกข์ ช่วยเหลือกันทุกอย่างอย่างภีมจะมามีความรู้สึกดีๆ ด้วย บางทีมันก็มีแอบคิดบ้างแหละว่าทำไมภีมถึงยังไม่มีแฟน ไม่เคยมองผู้หญิงคนไหน ที่แท้เขาก็อยู่ตรงนี้เพราะฉันนี่เองเหรอ
“แต่ไวน์ไม่ต้องอึดอัดหรือว่ามาชอบเราตอบนะ เราโอเคที่จะเป็นเพื่อนกันตลอดไปถ้าไวน์ไม่ได้คิดเหมือนกัน”
เขาออกตัว
“...”
ฉันเงียบไม่พูดอะไรอีก สมองมันหนักอึ้งเกินไปกับการที่จะคิดหลายๆ เรื่องพร้อมกัน อย่างแรกเลยที่ฉันควรจะโฟกัสก็คือเรื่องข้อเสนอของคุณพาริศ เรื่องของภีมคงต้องเอาไว้ก่อน
“คืนนี้ไวน์คงเหนื่อยมากแล้ว งั้นนอนนี่ไหม พรุ่งนี้ค่อยกลับ”
ภีมเสนอ
ฉันหันไปมองหน้าภีมโดยอัตโนมัติทั้งที่ก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่ามองทำไมกันแน่
“เฮ้ย เดี๋ยวเรายกห้องให้ แล้วจะไปนอนห้องเล็กเอง ไวน์ไม่ต้องกลัวนะ ความรู้สึกที่เราพูดไปลืมมันไปเลยก็ได้ เพราะต่อให้ยังไงเราก็จะเป็นแบบนี้ไม่เปลี่ยนไปหรอก ความเป็นเพื่อนของเราจะยังเหมือนเดิม”
ภีมขยับแว่นอีกครั้งตอนสบตาฉันเต็มๆ และฉันพบว่ามันมีแต่ร่องรอยของความจริงจังจริงใจอยู่ในนั้น
“เชื่อเรานะ”
“เปล่า เราไม่ได้คิดแบบนั้น”
ฉันฝืนยิ้มก่อนจะบอกอีก
“เราคงนอนไม่หลับหรอกคืนนี้ ยังไงภีมคุยเป็นเพื่อนเราหน่อยได้ไหม”
“อื้ม ได้ดิ ทั้งคืนก็ยังได้ พรุ่งนี้ไม่ต้องทำงาน”
เขาว่า สีหน้าหายกังวลที่ฉันไม่ได้คลางแคลงใจอะไรเขาจนถึงขั้นออกปากให้นอนคุยเป็นเพื่อน
คืนนี้จบลงด้วยการที่ฉันต้องยืมเสื้อผ้าของภีมใส่เป็นชุดนอน เรานอนคุยกันจนใกล้เช้าจริงๆ เพราะความกลัดกลุ้มที่ทำให้ฉันนอนหลับไม่ลงเลย น่าแปลกที่เรื่องที่คุยกันเป็นเรื่องสมัยที่เรายังเรียนหนังสือกันอยู่ เพื่อไม่ให้ในหัวของฉันคิดถึงแต่เรื่องหนี้ เรื่องบ้าน พอไม่มีอะไรจะคุยเราก็เริ่มคุยถึงเรื่องที่บ้าน เราสนิทกันมากก็จริง แต่ในบางมุมก็ไม่ได้เปิดเผยเรื่องครอบครัวของเรามากมาย คล้ายว่าความจริงแล้วมันก็ไม่มีอะไรประทับใจให้น่าเอ่ยถึง คืนนี้ฉันก็เลยถือโอกาสเล่าให้เขาฟังหลายอย่าง เป็นต้นว่าความคิดจริงๆ ที่มีต่อพี่สาวว่ามันสิ้นหวังแค่ไหนที่เห็นเขาสร้างแต่ปัญหา เรื่องจะหวังพึ่งพาเขาคงเป็นไปไม่ได้ ทุกวันนี้ขอแค่เขาไม่มาเบียดเบียนเราก็ยังยากเลย
ส่วนภีมก็เล่าเหมือนกันว่าเขาเองก็มีปัญหา เขามักจะมีความคิดเสมอว่าพ่อแม่รักน้องชายมากกว่ามาตลอด ตอนนี้พ่อกับแม่พาน้องกลับไปอยู่ที่บ้านเกิด ความจริงไอ้เรื่องที่ว่าหนีมลพิษมันก็ไม่ใช่ทั้งหมด เป็นเพราะน้องสอบได้มหาวิทยาลัยรัฐบาลชื่อดังของจังหวัดบ้านเกิดทางอีสานต่างหาก ที่ทำให้พ่อแม่ตัดสินใจย้ายกลับไปอยู่กับน้อง น้องของภีมหัวดีสอบเข้าหมอติด ส่วนภีมก็แค่พนักงานบริษัทกระจอกๆ ที่พ่อแม่ไม่ได้มีความภาคภูมิใจอะไรด้วยเลย เวลาใครๆ ถามถึงว่าลูกทำอะไรพ่อแม่ก็จะบอกว่า ลูกชายคนเล็กเรียนหมออยู่ ส่วนเขาจะถูกละเอาไว้ในบทสนทนานั้นเสมอ
เราคุยกันจนฉันผล็อยหลับไปด้วยความอ่อนเพลียของร่างกายในตอนใกล้เช้า มาตื่นอีกทีก็ตอนสายๆ ฉันตกใจนิดหน่อยที่ตัวเองมานอนอยู่ที่ที่ไม่คุ้นเคย แต่พอนึกดูดีๆ เมื่อคืนฉันค้างกับภีมนี่เอง ภีมไม่ได้อยู่ในห้องตอนนี้ ฉันไปล้างหน้าล้างตาแปรงฟันจากนั้นก็เดินลงไปชั้นล่างของบ้าน เห็นภีมกำลังรีดผ้าอยู่พอดี และเสื้อผ้าที่เขารีดอยู่มันก็เป็นของฉันทั้งชุด รวมทั้งชั้นในของฉันด้วย!
“ตื่นแล้วเหรอไวน์ ไปกินโจ๊กไป”
เขาเงยหน้ามาบอก ขยับแว่นหนึ่งทีแล้วก็ก้มรีดต่อ
“นี่ภีมซักผ้าให้เราเหรอ”
ฉันไม่สนใจเรื่องโจ๊ก ตอนนี้รู้สึกกระดากทีเพื่อนกำลังรีดเสื้อผ้าให้มากกว่า แถมตอนนี้ตัวฉันเองก็ไม่ได้ใส่อะไรไว้ข้างใน ก็ได้แต่หวังว่าเขาจะไม่สังเกตเห็นว่ามันแปลกๆ นะ เพราะฉันก็หน้าอกใหญ่ แต่...เขาก็ต้องรู้อยู่แล้วว่าฉันไม่ได้ใส่อะไรเพราะกำลังรีดให้ฉันอยู่นั่นไง...
“ก็ใช่น่ะสิ ซักแล้วก็อบแห้ง ไม่งั้นไวน์จะเอาอะไรใส่กลับล่ะ ใส่ซ้ำก็คงไม่ดีแน่ใช่ไหม”
เขาตอบเรียบๆ เหมือนไม่เห็นว่าจะเป็นเรื่องแปลก
“แต่ว่าพวกนั้นมัน ชุดชั้นใน”
“ไม่เป็นไรหรอกน่า เราไม่ถือ ไวน์ไปกินโจ๊กไป ถ้าไม่อยากกินก็มีน้ำเต้าหู้กับปาท่องโก๋ด้วยนะ”
เขาเปลี่ยนเรื่องไป
“ขอบใจนะภีม”
ฉันก็เลยเอ่ยขอบใจ ยังไงเราก็เพื่อนกันนี่นะ ภีมก็บอกเองว่าไม่ถือ
“แล้วภีมกินยังล่ะ”
“เรียบร้อยแต่เช้าแล้ว”
เขาบอก ภีมที่ชอบคิดว่าตัวเองไม่มีอะไรดีเลย แต่จริงๆ เขามีอะไรหลายๆ อย่างที่น่าสนใจ
ฉันเลยจัดการกินปาท่องโก๋กับน้ำเต้าหู้ เพราะรู้สึกว่าพักผ่อนน้อยเลยต้องการความหวานฉันเลยจิ้มนมข้นด้วยทั้งที่ปกติไม่ใช่คนกินหวานนัก กินไปสองชิ้นก็รู้สึกอิ่มแล้วเพราะปาท่องโก๋ตัวใหญ่ ล้างไม้ล้างมือเสร็จก็เอาชุดที่เขาซักรีดให้ขึ้นด้านบนเพื่ออาบน้ำและเปลี่ยนเสื้อผ้าสักที
“ขอบใจนะภีม”
ฉันไม่ลืมขอบคุณเขาก่อนจะขึ้นแท็กซี่กลับ
“ไม่เป็นไร เราเต็มใจเสมอแหละ”
เขาไม่สบตาฉันตอนพูด จากนั้นก็เสขยับแว่น ฉันไม่ได้สนใจอะไรอีกเพราะหลังจากขึ้นมานั่งบนแท็กซี่ฉันก็เริ่มคิดถึงปัญหาชีวิตของตัวเองอีกครั้ง
“เมื่อคืนไปไหนมา ทำไมไม่เห็นบอก”
พี่สาวฉันถามทันทีที่ฉันก้าวเข้ามาในบ้าน ทั้งที่ปกติเวลาเขาไปไหนก็ไม่เคยบอกฉันเหมือนกัน อีกอย่างถ้าสมมุติเขาห่วงฉันจริง เขาก็คงโทรตามฉันแล้วแต่นี่ก็เปล่าเลย
“ไปค้างบ้านเพื่อนมา”
ฉันตอบไปงั้นๆ แล้วก็กะจะกลับเข้าห้องตัวเอง
แต่ถูกพี่สาวเรียกไว้ซะก่อน
“เดี๋ยวดิ”
“...”
ฉันหันกลับไปมองพี่สาวเพื่อจะถามว่ามีอะไร
“ขอยืมอีกห้าพันดิ”
เสียงตอนยืมเงินนั้นอ่อนลงอย่างกับเป็นคนละคน หึ...
“นี่พี่คิดว่าฉันผลิตแบงก์เองได้หรือไง เงินเดือนฉันน้อยกว่าพี่อีก จะไปเอาไหนพอใช้ถึงสิ้นเดือน”
ฉันว่า นึกโมโหซ้ำแล้วซ้ำเล่าที่จนป่านนี้พี่สาวฉันก็ยังทำตัวแบบนี้
“ฉันรู้น่าว่าแกมีเงินเก็บ เอามาเถอะน่า เดี๋ยวสิ้นเดือนคืนให้ โอ๊ย”
พอไม่ได้ดั่งใจพี่สาวฉันก็ทำเสียงรำคาญ และเริ่มเกรี้ยวกราดตามมา พี่สาวฉันมีปัญหาเรื่องการระงับอารมณ์มาตลอด
“เดี๋ยวโอนให้”
ฉันตัดบท ไม่ใช่เพราะโง่หรอกนะที่ยอม แต่เพราะว่าตอนนี้ฉันมีเรื่องให้ต้องคิดมากพอแล้ว เลยไม่อยากจะต่อความยาวสาวความยืด ฉันรู้ดีว่าถ้าฉันไม่ให้ยืมตอนนี้พี่สาวฉันก็ต้องตื๊อจนฉันรำคาญและยอมในที่สุด
พี่สาวฉันยิ้มมุมปากเหมือนเด็กทีแกล้งทำงอแงจนพ่อแม่ยอมตามใจ มันช่างเหมือนกับตอนเราเป็นเด็กไม่มีผิด... ฉันไม่สนใจรีบเดินเข้าห้องไปทันที ไม่พ้นยังได้ยินเสียงแว่วๆ มาอีกว่า
“ไม่ต้องมาทำหน้าตาแบบนั้นนะ ก็แค่ให้ยืมเงินไม่กี่บาท เป็นน้องก็ต้องช่วยพี่บ้างสิ”
ฉันล่ะเหนื่อยหน่ายและเบื่อพี่สาวตัวเองจริงๆ วูบหนึ่งฉันแอบส่งกระแสจิตคุยกับพ่อแม่ที่ตายไป ว่าถ้าเกิดวันหนึ่งฉันตัดขาดพี่สาวคนนี้ ไม่สนใจวาเขาจะเป็นตายร้ายดีหรืออดอยากแค่ไหน พ่อกับแม่จะเกลียดฉันไหม? แน่นอนว่ามันไม่มีคำตอบหรอก เพราะมันก็เป็นแค่คำถามในใจของคนที่ยังเป็นๆ อยู่ ถามกับคนที่ตายไปแล้วที่ฉันเองก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพอตายแล้ววิญญาณพวกเขาไปที่ไหน มีจริงหรือไม่ก็ยังไม่รู้เลย...
ฉันรู้สึกว่าความคิดของฉันกำลังฟุ้งซ่านและวกวน ฉันส่ายหน้าเพื่อขับไล่ความคิดที่หนักอึ้งอยู่ในหัว ฉันมาถึงห้องนอนก็ไปล้างเท้า เปลี่ยนเป็นชุดอยู่บ้านจากนั้นก็ล้มตัวลงนอนอย่างหมดอาลัยตายอยาก นอนนิ่งๆ ในใจมีคำถามเป็นล้านคำ
ฉันจะทำยังไงดีนะ?
ฉันจะรักษาบ้านหลังนี้ไว้แล้วยอมทำตามข้อเสนอของคุณพาริศดีหรือเปล่า?
การเป็นนักแสดงหนังผู้ใหญ่ถ่ายแบบวาบหวิวนี่นะ?
ฉันจะทำได้เหรอ?
คุณพาริศเห็นอะไรในตัวฉันถึงอยากให้ฉันไปทำ?
ฉันจะใจกล้าหน้าด้านไปนอนให้ผู้ชายมีอะไรด้วย แล้วให้ตากล้องหลายคนอัดเทปไว้ได้จริงๆ เหรอ?
ว่าแล้วฉันก็หยิบมือถือขึ้นมาเปิดดู ค้นหาคำว่า ‘free porn online’ ในเสิร์ชเอนจินชื่อดัง ไม่ถึงอึดใจเว็บไซต์ทั้งหลายที่มีหนังอย่างว่าก็โชว์หราขึ้นมาเต็มไปหมด ดูไม่หวาดไม่ไหว ฉันเลือกกดเข้าไปในเว็บไซต์แรกที่ขึ้นมาอย่างไม่มีความคิดอะไรเลย เพราะฉันเองก็ไม่ใช่คนชอบดูหนังแบบนี้เท่าไหร่ จึงไม่รู้ว่าหนังของเว็บไหนจะดีหรือไม่ดี
“โอ้โห!”
ฉันหลุดปากอุทานกับมันเพราะพอกดเข้าไปภาพโป๊ต่างๆ ก็ลอยเต็มหน้าเว็บไซต์ไปหมด มีทั้งโฆษณาเกี่ยวกับการหาคู่นอน ตรงแบนเนอร์เว็บ มีทั้งหมวดหมู่หนังแบบต่างๆ ให้เราเลือกตามใจ แถมยังมีช่องค้นหาให้เราด้วยว่าเราชอบแบบไหน ฉันนึกขึ้นได้ว่าตัวเองยังไม่ได้ล็อคประตู จึงได้ลุกขึ้นไปกดลูกบิดแถมด้วยลงกลอนอีกชั้น ไม่ลืมหยิบหูฟังขึ้นมาใส่เพราะกลัวว่าถ้าฉันเปิดดูตอนนี้พี่สาวตัวดีจะแอบได้ยินว่าฉันกำลังดูหนังอย่างว่าอยู่
กลับมาที่เว็บหนังโป๊ออนไลน์ต่อ บนหมวดหมู่ของมันมีประเภทหนังต่างๆ เขียนเป็นภาษาอังกฤษซึ่งฉันแปลแทบไม่ออกเลยว่ามันคืออะไร บางทีก็มาแบบเป็นคำย่อ สงสัยว่ามันจะเป็นศัพท์เฉพาะล่ะมั้ง แต่ว่ามันก็ยังดีที่มีรูปภาพประกอบ ทำให้เรารู้ว่าอะไรเป็นอะไร เช่น หมวดหมู่สาวนักเรียน คนข้างบ้าน สาวออฟฟิศ สาวในเครื่องแบบ สาวหน้าอกใหญ่ สาวแก่ มีแม้กระทั่งแบบผู้หญิงกับผู้หญิงที่เรียกว่าเลสเบี้ยน อ้อ...ยังมีแบบผู้ชายกับผู้ชายอีกด้วย โอ้โห นี่ทั้งหมดคือให้ดูฟรีเลยเหรอเนี่ย มันเยอะแยะมากมายจนเลือกไม่ถูก
ฉันครุ่นคิดและสุดท้ายฉันก็พิมพ์คำหนึ่งลงไปในช่องค้นหาอยากรู้ว่าหนังของหมวดนี้จะเป็นยังไงบ้าง เอาไว้ประกอบการตัดสินใจของฉันเอง
‘virgin’ ที่แปลว่า สาวบริสุทธิ์
-TBC-
กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว