“ร้านนี้เขากำลังดังเลยนะคะ พวกเน็ตไอดอล บล็อกเกอร์ รีวิวลงทั้งเฟซบุค ทั้งไอจีบ่อยค่ะ อาหาร ขนมอร่อย บรรยากาศดี” แคทรียา อธิบายคุณสมบัติร้านอาหารที่เธอพาสามี พ่อและแม่ของสามีมาทานอาหารก่อนที่จะเดินทางกลับกรุงเทพในเย็นวันนี้
“เมนูร้านนี้ถือว่าแปลกนะ มาเชียงใหม่ใคร ๆ ก็ต้องมาทานอาหารเหนือ แต่ดูเมนูนี่สิอาหารไทยขนมไทยทั้งนั้นเลย”แพรพรรณแม่สามีกล่าวขึ้นมาหลังจากที่นั่งดูเมนูของร้านนี้แล้ว
“ผมว่านี่อาจจะเป็นจุดขายของร้านนี้ก็ได้นะ เผื่อคนมาเที่ยวทานอาหารเหนือหลายมื้อเบื่อแล้วหรือไม่ก็จับกลุ่มคนเชียงใหม่ที่อยากทานอาหารไทยบ้าง” เอกยุทธพ่อสามีแสดงความเห็นตามมุมมองของนักธุรกิจ
“สวัสดีค่ะเมนูแนะนำวันนี้ทางร้านของแนะนำช่อม่วงเป็นอาหารเรียกน้ำย่อยค่ะ ส่วนจานหลักขอแนะนำเป็นน้ำพริกลงเรือ แกงส้มปูไข่หน่อไม้ดอง ผักหวานผัดไข่แกงมัสมั่นเนื้อค่ะ เครื่องดื่มเป็นน้ำสรรพรส น้ำสูตรพิเศษของทางร้านค่ะ วันนี้เบสทำจากเสาวรสค่ะ”พนักงานสาวแนะนำเมนูอาหารประจำวันอย่างคล่องแคล่ว
“ผมเอาทุกเมนูที่ว่ามาเลย ส่วนใครจะทานอะไรก็สั่งตามสบาย” อิสระ ชายหนุ่มผู้มีท่าทางเคร่งขรึมกล่าวกับพ่อแม่และภรรยา การที่เขาและครอบครัวเดินทางมาเชียงใหม่ในครั้งนี้ก็เพราะญาติสนิทของภรรยามาจัดงานแต่งงานที่นี่ ครอบครัวเขาเลยถือโอกาสนี้มาร่วมงานแต่งงานและท่องเที่ยวไปด้วย เมื่ออาหารหลากหลายเมนูมาเสิร์ฟที่โต๊ะแล้ว ทุกเมนูทุกคำที่เขาได้ลิ้มรสชาตินั้น มันช่างคุ้นเคยเหมือนเคยทานเมื่อนานมาแล้วพาลให้คิดถึงใครบ้างคนที่เคยทำเมนูพวกนี้ให้ทาน เธออยู่ไหนนะพริมรตา ในห้วงที่กำลังคิดถึงใครบางคนผ่านรสชาติอาหารมื้อนี้นั้น พ่อของเขาได้สะกิดเขาจนหลุดออกมาจากภวังค์นั้น
“อิส คิดอะไรอยู่ พ่อถามไม่เห็นตอบ”
“คิดเรื่องงานอยู่ครับ คุณพ่อถามว่าอะไรครับ”
“พ่อถามว่าร้านนี้ใช่ร้านที่ภัทรเคยซื้อขนมมาฝากคุณปู่ไหม พ่อว่าเคยทานช่อม่วง กับขนมที่ภัทรซื้อมาจากเชียงใหม่รสชาติแบบนี้เลย ตอนนั้นยังแซวตาภัทรอยู่เลยไปถึงเชียงใหม่ดันซื้อของพวกนี้มาฝาก ซื้อที่ อตก.ก็ได้มั้ง ถ้าใช่จะได้ซื้อไปฝากคุณปู่”
“ไม่ทราบสิครับ อาจจะต้องโทรถามพี่ภัทรดู”
“นี่ไงค่ะคุณขนมที่บอกว่าคุณพ่อชอบทานแปลว่าร้านนี้เป็นร้านที่ภัทรเคยซื้อไปฝากคุณพ่อจริงๆ” แพรพรรณถือกล่องขนมเดินกลับมาที่โต๊ะอาหารพร้อมขนมที่ไปเลือกซื้อมาหลายรายการจากชั้นขนมของร้านที่มีขนมไทยหลายอย่างตั้งเรียงรายให้เลือกซื้อกลับเป็นของฝากได้
“ขนมอะไรที่คุณปู่ชอบ” ชายหนุ่มสงสัยว่าพ่อกับแม่ของเขาพูดถึงขนมอะไรอยู่
“ขนมบุหงานี่แม่ก็แนะนำให้หนูเคทซื้อไปพ่อแม่เขาด้วยนะ อร่อยเหมาะไว้ทานกับชา กาแฟ” ชายหนุ่มหยิบกล่องขนมมาดู ยิ่งเห็นขนมยิ่งคิดถึงใครบางคนคนที่เคยทำขนมหน้าตาแบบนี้ให้เขาทาน ตอนนั้นเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าขนมชื่ออะไร
“พ่อว่าเรียกเก็บเงินเลยนะ เดี๋ยวจะตกเครื่องเอานะ”
“งั้นเดี๋ยวผมไปเข้าห้องน้ำก่อนนะครับ” ชายหนุ่มลุกไปเข้าห้องน้ำพร้อมกับแม่และภรรยาด้วย ไม่ไกลจากจุดที่เขาออกมายืนรอแม่และภรรยาเข้าห้องน้ำนั้น เสียงสนทนาของใครบางคน ดึงให้เขาต้องเดินไปหาต้นเสียงนั้น เสียงที่คุ้นเคย เสียงที่ตามหามานาน
*ขนมบุหงา เป็นขนมที่มีลักษณะคล้ายขนมโก๋ เป็นก้อนกลม ๆ พอดีคำทำจากแป้งผสมอัลมอนล์บด ถั่วแมคคาเดเมียบดและลูกเกด มีรสหวานอ่อนๆ หอมกลิ่นอบควันเทียน
“แพรวๆ เช็คของขึ้นรถหรือยัง ของครบเรียบร้อยไหม แล้วเย็นนี้ใครไปออกอีเว้นท์บ้าง” หญิงสาวเจ้าของร้านอาหารแห่งนี้ กำลังคุยกับพนักงานในการเตรียมงานวันนี้อยู่
“เช็คของเรียบร้อยแล้วค่ะ พี่รตา เดี๋ยววันนี้ไปงานกัน4 คน มีแพรว หนึ่ง โบว์ แล้วพี่โชคช่วยขับรถกับขนของค่ะ เดี๋ยวจะออกไปเซทอัพสถานที่เลย พี่รตาจะไปด้วยกันเลยไหมคะ”
“งั้นแพรวไปก่อนเดี๋ยวพี่ดูร้านอีกแป๊บแล้วจะรีบตามไปนะ พรุ่งนี้ออเดอร์ขนมเยอะจะดูวัตถุดิบหน่อยว่าโอเคหรือเปล่า”
“พี่รตาค่ะ เพื่อนพี่หรือเปล่าคะ เขายืนมองพี่นานแล้ว” เธอชี้ไปที่ชายหนุ่มที่ยืนมองมาด้วยความตกตะลึง แววตาสั่นระริกที่เต็มไปด้วยความรักความคิดถึงมากมายแต่หญิงสาวที่หันกลับมาสบสายตาคู่นั้นกลับเต็มไปด้วยความตกใจ ความกังวลและความหวาดกลัวขณะที่ชายหนุ่มกำลังเดินก้าวเข้ามาหาเธอนั้น เสียงของแพรพรรณผู้เป็นแม่ก็ได้ปลุกให้เขาตื่นจากความตกตะลึงนั้น แค่เพียงเสี้ยวนาทีที่เขาหันกลับไปตามเสียงที่ผู้เป็นแม่เรียก พริมรตาผู้หญิงที่เขาตามหามานานนั้นก็ได้หายไปจากสายตาเขาแล้ว
ตลอดการเดินทางจากร้านอาหารถึงกรุงเทพนั้น หัวใจของเขากลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง เป็นความรู้สึกดีใจมากที่สุดในรอบหลายปี อาหารที่เขาคิดว่าเป็นรสชาติที่คุ้นเคยนั้น เขาไม่ได้คิดไปเองแต่เป็นรสที่ผู้หญิงที่เขารักทำให้ทานมาก่อนจริง ๆ แต่ถ้าบทสนทนาบนโต๊ะอาหารเป็นจริงแสดงว่าพี่ภัทรต้องรู้มาตลอดเวลา ว่าพริมรตาไปอยู่ที่ไหน ทำอะไรอยู่ แล้วทำไมถึงไม่บอกเขาทั้งๆที่รู้มาตลอดว่าเขาตามหาพริมรตาอยู่ ทันทีที่เครื่องบินลงจอด อิสระโทรหาภัทรพลผู้เป็นพี่ทันที
“พี่ภัทร อยู่ที่ไหน”
“ขับรถอยู่กำลังจะกลับบ้านคุณปู่ อิสมีอะไรหรือเปล่า” เสียงตอบรับนั้นเต็มไปด้วยความวิตกกังวล ก่อนหน้านี้ไม่นานพริมรตาเพิ่งจะส่งข่าวมาว่าเจอกับอิสระที่ร้านสังหรณ์ใจว่าปัญหามากมายกำลังจะกลับมาอีกครั้ง
“มี เดี๋ยวเจอกันที่บ้านคุณปู่” ชายหนุ่มตอบปลายสายไปแบบนั้น แล้วก็ให้คนขับรถที่มารับ ไปส่งภรรยาที่บ้านของพ่อแม่ภรรยาและบอกกับภรรยาว่ามีงานต้องคุยกับพี่ภัทรและคุณปู่ คืนนี้อาจจะนอนที่บ้านคุณปู่แล้วก็ขับรถออกไป
ทันทีที่ถึงบ้านเดือนเต็มดวง เขาตรงไปที่โถงห้องนั่งเล่น ซึ่งมีคุณปู่ คุณย่า และภัทรพล นั่งชมโทรทัศน์ด้วยกันอยู่
“อิสมาละ มีอะไรกับพี่หรอ” ทันทีที่จบประโยค อิสระก็พุ่งหมัดเข้าใส่เต็มหน้าภัทรพล แล้วขึ้นคร่อมสาวหมัดใส่อีกหลายทีภัทรพลไม่ทันระวังตัวได้แต่ปัดป้องหมัดที่สาวเข้าใส่ โดยที่คุณปู่เข้ามาช่วยห้ามและคุณย่ากรีดร้องด้วยความตกใจ เมื่อสถานการณ์ชุลมุนคลี่คลายออกจากกันแล้ว
“พี่ภัทร พี่รู้มาตลอดว่ารตาอยู่ที่ไหน พี่ก็รู้ว่าผมตามหาเขามาตลอดหลายปีที่ผ่านมา ทำไมพี่ไม่บอกผมว่าเขาอยู่ที่ไหน” พูดไปด้วยความโมโหความโกรธที่อัดแน่นอยู่ในใจโดยมีคุณปู่คุณย่ายืนประกบข้างยึดตัวไว้อยู่
“บอกนายไปแล้วจะมีประโยชน์อะไร” ภัทรพลนั่งลูบปากที่โดนต่อยอยู่
“แต่รตาเขาเป็นเมียผมนะพี่ ผมควรจะรู้ว่าเขาอยู่ไหนเป็นยังไงบ้าง”
“รตาเขาไม่ได้เป็นเมียนายตั้งแต่วันที่นายตัดสินใจแต่งงานกับเคทแล้ว วันนั้นนายเลือกไปแล้วว่าใครคือคนที่จะเป็นเมียนาย”
“ภัทรพูดถูก เมื่ออิสเลือกเคทแล้วก็ต้องปล่อยรตาไป” ศุภชัยประมุขของตระกูลเดือนเต็มดวงกล่าวออกมาท่ามกลางความขัดแย้งของหลานทั้ง2 คน
“คุณปู่รู้เรื่องนี้ด้วยหรอครับ” ชายหนุ่มตกใจกับการแสดงความคิดเห็นของศุภชัย คุณปู่ผู้เป็นที่รักของเขา
“แสดงว่าพี่ภัทร รู้เรื่อง คุณปู่รู้เรื่องมีแต่ผมที่ไม่รู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับรตาเลยตลอดหลายปีมานี่ ทำไมทุกคนใจร้ายกับผมนัก ไม่คิดถึงใจผมเลยหรอว่ามันเจ็บ เสียใจคิดถึงเขามากแค่ไหน” อิสระพูดทั้งน้ำตาที่ไหลออกมาจากความอัดอั้นตันใจตลอด 2-3 ปี กับชีวิตของเขา
“อิส เราต้องยอมรับผลของการตัดสินใจของตัวเอง จำได้ไหมก่อนที่เราจะแต่งงาน วันที่อิสมาบอกปู่ว่าจะแต่งงานกับเคท ปู่ถามอิสว่าแน่ใจแล้วใช่ไหมว่าเป็นคนนี้ จำได้ไหม”ศุภชัยคิดย้อนถึงวันที่อิสระเข้ามาหาเขาที่บ้านและแจ้งข่าวว่าเขากำลังจะแต่งงานกับแคทรียา ในวันนั้นเขาคิดแล้วว่าเป็นการตัดสินใจของหลานนั้นผิดพลาดเพราะการที่เขาได้รู้จักกับหญิงสาวที่ชื่อพริมรตานั้น เขาเชื่ออย่างสนิทใจว่าเธอคือคนที่หลานชายรักและเธอก็รักหลานชายเขาเช่นกัน คนที่เหมาะสมกับอิสระไม่ใช่แคทรียา เขาถึงพยายามถามย้ำหลายครั้งเพื่อให้หลานทบทวนการตัดสินใจ แต่การตัดสินใจยังคงเดิม งานแต่งงานก็ยังดำเนินต่อไป “ขึ้นไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า สงบจิตสงบใจ ให้ใจเย็น ๆแล้วค่อยลงมาคุยกับพี่เขาอยากรู้อะไรจะทำอะไรก็มานั่งคุยปรึกษากันซะ”
“นี่มันเรื่องอะไรกันคะ รตาคือใคร” เอมอรผู้เป็นย่าที่ยืนสับสนกับเรื่องตรงหน้าที่เกิดขึ้นเอ่ยขึ้นมาเป็นครั้งแรกหลังจากตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
“ขึ้นห้องเถอะคุณ เดี๋ยวผมจะเล่าให้ฟัง เรื่องมันยาวตรงนี้ปล่อยให้ภัทรเขาจัดการ” ศุภชัยรับหน้าที่ในการอธิบายสถานการณ์นี้ให้ผู้เป็นภรรยาฟังและปล่อยให้หลานทั้งสองเคลียปัญหาที่เกิดขึ้นกันไป
เพื่อทำให้ประสบการณ์การใช้เว็บของคุณดียิ่งขึ้น และเลือกเนื้อหาที่เหมาะสมกับคุณอย่างได้อย่างส่วนตัว ท่านสามารถอ่านนโยบายคุกกี้เพิ่มเติมได้ที่นี่