หลิวมู่หยุนเดินไปเปิดประตู แต่หยุดชะงักไปแวบนึงเมื่อได้ยินคำพูดของลูกสาว นางซ่อนความรู้สึกหมดหนทางเอาไว้ในรอยยิ้มแล้วพูดว่า “ ไม่เป็นไรหรอกลูก หมอบอกว่าเจ้าเสียเลือดไปมากต้องบำรุงร่างกายเยอะๆ......พ่อของเจ้าใจจะขาดอยู่แล้วตอนที่รู้ว่าเจ้าบาดเจ็บ เลยไปชวนลุงจ้าวออกล่าสัตว์กันตั้งแต่เช้ามืด เดี๋ยวก็คงกลับกันแล้ว ตอนเที่ยงเจ้าจะได้กินซุปไก่กับน่องไก่ของโปรดของเจ้าไง...... ”
ประตูปิดดังเอี๊ยดและห้องก็เงียบลงอีกครั้ง หยูเสี่ยวเฉายันตัวเองให้ลุกขึ้นแตะที่แผลบนหัวของเธอ เธอนึกถึงความฝันแล้วยกแขนข้างที่มีหินสีรุ้งผูกไว้ที่ข้อมือขึ้นมา
เธอเขย่าหินสีรุ้งนั้นเบาๆแต่ก็ไม่ได้มีอะไรพิเศษเกิดขึ้น เสี่ยวเฉาพึมพำกับตัวเอง “ มันก็มาแค่วิญญาณของข้าชัดๆเลยนี่นาที่มาเกิดใหม่เนี่ย ไม่ได้มาทั้งตัวสักหน่อย แล้วข้าเอาหินนี่มาได้ยังไง ? เมื่อกี้ต้องเป็นความฝันแน่ๆ มันก็แค่หินไร้ประโยชน์นั้นแหละ จะเป็นหินศักดิ์สิทธิ์ไปได้ยังไง ? ”
[ เจ้าซิหินไร้ประโยชน์ ! ทั้งครอบครัวของเจ้าก็ไร้ประโยชน์ ! ] ทันใดนั้นวงกลมแสงก็ปรากฏขึ้นเหนือหินสีรุ้ง และเสียงเกรี้ยวกราดของเด็กก็ดังขึ้นในหัวของหยูเสี่ยวเฉา เธอตกใจมากจนเกือบโยนหินในมือทิ้ง
วงกลมแสงนั่นค่อยๆกลายเป็นลูกบอลสีทองขนาดเท่ากำมือเด็ก ดวงตากลมโตคู่หนึ่งกับปากเล็กๆปรากฏขึ้นบนลูกบอลแสงที่ลอยเอื่อยๆอยู่กลางอากาศ ครั้งนี้บอลแสงเล็กๆนั้นจ้องเธออย่างโมโหพร้อมกับทำแก้มป่องซึ่งทำให้มันดูน่ารักมาก
หยูเสี่ยวเฉายื่นมือจะไปจับบอลแสงนั่น แต่มันกลับลอยห่างออกไปอย่างรวดเร็ว สีหน้าของมันทั้งถือตัวและสนุกสนาน
“ อย่าโกรธซิ ขอโทษก็ได้ โอเคไหม ? เจ้าเป็นหินศักดิ์สิทธิ์จริงๆเหรอ ? แล้วรักษาอาการบาดเจ็บได้จริงๆเหรอ ? เจ้าเป็นคนรักษาแผลที่หัวของข้าใช่ไหม ? ” หยูเสี่ยวเฉาถามคำถามมาเป็นชุด
หินศักดิ์สิทธิ์ส่งเสียง หึ ออกมาแบบเหยียดๆแล้วพูดว่า [ ข้า หินศักดิ์สิทธิ์ผู้นี้ คือหินเวทย์มนต์ที่
เจ้าแม่หนี่วาสร้างขึ้นมาด้วยตัวเอง ไม่คิดว่าข้าน่าทึ่งรึไง ? แต่พลังส่วนใหญ่ของข้าถูกยัยหลิงเอ้อร์ผนึกเอาไว้ แล้วนี่ข้าต้องมาเปื้อนเลือดมนุษย์อ่อนแอและต้องยอมรับเจ้าเป็นเจ้านายอีกอย่างงั้นเหรอเนี่ย ? ]
“ พลังถูกผนึกไปแล้ว ! แล้วทำไมยังมาขี้โม้อยู่อีก ? หยุดพูดเรื่องมนุษย์อ่อนแอเหลวไหลอะไรนั่นเลยนะ ! ตอนนี้ข้าเป็นเจ้านายของเจ้าแล้ว แล้วก็ใช่ว่าข้าจะชอบสักหน่อย เจ้าก็แค่หินไร้ประโยชน์ที่ถูกผนึกพลังไปแล้ว หิวข้าวก็เอามากินไม่ได้ หิวน้ำก็เอามาดื่มไม่ได้ ใช้ประโยชน์อะไรได้บ้างเนี่ย ? ”
เดิมทีหยูเสี่ยวเฉาคิดว่าเธอจะอยู่ยงคงกระพันเพียงแค่ปลายนิ้วชี้เหมือนในนิยาย ดังนั้นเธอจึงทำหน้าบึ้งอย่างผิดหวัง
บอลแสงเล็กๆนั้นกลายสภาพเป็นลูกแมวเกรี้ยวกราดขนสีทองและพุ่งเข้าใส่เธอทันที กรงเล็บของมันเกือบข่วนหน้าของหยูเสี่ยวเฉาขณะที่มันกรีดร้องว่า
[ ใครว่าข้าไร้ประโยชน์กัน ? ใครกันที่รักษาแผลที่หัวของเจ้า ? แผลใหญ่ขนาดนั้นถ้าไม่ใช่เพราะข้า เจ้าก็ลุกจากเตียงไม่ได้ไปอีกอย่างน้อยครึ่งเดือนแล้ว ! แถมยังมีแรงมาเถียงข้าได้อีก ถึงพลังส่วนใหญ่ของข้าจะถูกผนึกเอาไว้ แต่ข้าคือหินที่เจ้าแม่หนี่วาสร้างขึ้นมาเชียวนะ ! แค่น้ำที่แช่ตัวข้าอย่างเดียวก็สามารถทำให้ชีวิตยืนยาวและรักษาอาการเจ็บป่วยได้ทุกชนิด แล้วยังทำให้สวยขึ้นกับคงความอ่อนเยาว์ได้อีกด้วย ! ]
อ่า......น้ำแช่หินเหรอ ? หยูเสี่ยวเฉากระพริบตาสองสามครั้ง บอลแสงเล็กๆนั่นดูเหมือนจะสังเกตเห็นความสงสัยของเธอจึงพูดว่า [ ก่อนที่ข้าจะถูกเจ้าแม่หนี่วาเลือกขึ้นมา ข้าเป็นหินจากลำธารบนภูเขา ดังนั้นข้าจึงชอบแช่อยู่ในน้ำมาก ตอนอยู่ในน้ำพลังของข้าจะถูกปล่อยเข้าไปในน้ำและสร้างปรากฏการณ์ที่ไม่คาดคิด ร่างกายของเจ้าอ่อนแอเกินไป ควรดื่มน้ำแช่ของข้าให้มาก ข้ารับรองเลยว่าร่างกายของเจ้าจะแข็งแรงและสุขภาพดีขึ้น เจ้าจะได้ไม่ป่วยอีกต่อไป...... ]
บอลแสงใช้อุ้งเท้าสั้นๆของมันตบที่อกตัวเองราวกับกำลังโฆษณาชวนเชื่อขายยาเถื่อน ก่อนหน้านี้
หยูเสี่ยวเฉาก็ค่อนข้างเชื่อมันอยู่บ้าง แต่ตอนนี้เธอเริ่มไม่เชื่อแล้ว
[ ไม่เชื่อข้าเหรอ ? ไม่เชื่อข้าได้ยังไงกัน ? ฮึ่ม ! ข้าต้องแสดงให้เจ้าเห็นจริงๆซะแล้วเจ้ามนุษย์ว่าข้าสุดยอดแค่ไหน ! ] บอลแสงลอยไปรอบๆห้องอย่างโกรธจัด แล้วมันก็พุ่งเข้าใส่แผลบนหัวของเธอและปล่อยแสงสีทองจางๆออกมาคลุมบาดแผลที่พันผ้าพันแผลเอาไว้
ผ่านไปครู่หนึ่งหยูเสี่ยวเฉาก็แก้ผ้าพันแผลออก เดิมทีบาดแผลของเธอก็ยังไม่หายดี แต่ตอนนี้สะเก็ดแผลขึ้นจนเกือบแกะออกได้แล้ว เธอไม่ได้แกะสะเก็ดแผลออกเพราะกลัวว่าตอนที่ได้เวลาทำแผลเธอจะอธิบายไม่ได้
บอลแสงส่งเสียง หึ ออกมาอย่างภูมิใจ แต่หลังจากปลื้มอกปลื้มใจแบบสุดๆมันก็รู้สึกเสียใจขึ้นมา มันใช้พลังไปจนหมดจึงหล่นลงมาอย่างฉับพลันและหายเข้าไปในหินสีรุ้งนั่น
ตอนที่มันหายเข้าไป หยูเสี่ยวเฉาได้ยินมันพูดด้วยเสียงอ่อนแรงว่า [ อย่าลืมเอาข้าไปแช่น้ำ มันจะช่วยให้พลังวิญญาณของข้าฟื้นกลับคืนมา ]
“ เฉาเอ้อร์ตื่นแล้วเหรอ ? เดี๋ยวข้าจะไปดูหน่อย ! วันนี้ข้าจับไก่ฟ้ามาได้ด้วยล่ะ เอาไปต้มให้ลูกเร็วเข้า ” เสียงผู้ชายคนหนึ่งดังขึ้นจากลานบ้าน ถึงเสียงจะไม่ไพเราะน่าฟังแต่ก็ฟังดูอบอุ่นมาก
หยูเสี่ยวเฉารีบพันผ้าพันแผลกลับเข้าไปที่หัว เมื่อสองวันก่อนแผลของเธอยังมีเลือดไหลอยู่เลย จะไม่ประหลาดรึไงถ้าเกิดมันหายภายใน 3 วัน ?
หลังจากที่เธอพันแผลเสร็จประตูก็เปิดออก สายลมพัดเข้ามาจนเปลวเทียนวูบไหว ร่างสูงกำยำปรากฏขึ้นตรงหน้าหยูเสี่ยวเฉา
“ พ่องั้นเหรอ ? ” หยูเสี่ยวเฉาได้ยินว่าพ่อใหม่ของเธอเป็นคนที่เก่งมาก เธอจึงสงสัยมากว่าทำไมเขาถึงปล่อยให้ลูกเมียอยู่อย่างอนาถาแบบนี้
ชายคนนั้นเดินตรงมาที่เตียง เธอมองเห็นใบหน้าเขารางๆจากแสงเทียนสลัวๆ เขามีผิวสีแทนดูสุขภาพดี คิ้วหนาตาโต จมูกโด่งและปากกว้าง ดูแมนมากๆ
“ ลูกรักของพ่อ ! เจ้าทำพ่อกลัวแทบแย่ ! โชคดีที่สวรรค์อวยพรให้เรา หลับไปนานขนาดนี้
หิวใช่ไหมล่ะ ? อีกเดี๋ยวซุปไก่ของโปรดเจ้าก็จะเสร็จแล้วนะ ”
หยูไห่สังเกตสีหน้าอาการของลูกสาวอย่างละเอียด เธอดูดีกว่าเมื่อเช้ามาก เขาจึงช่วยพยุงให้เธอลุกขึ้นนั่งอย่างดีใจและเอาหมอนรองหลังเธอเอาไว้ให้พิง
หยูเสี่ยวเฉาปากกระตุกอย่างช่วยไม่ได้เมื่อได้ยินเขาพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนราวกับกำลังหลอกล่อเด็ก เธออายุ 29 ปีแล้ว พอถูกทำเหมือนเป็นเด็กน้อยแบบนี้ก็เลยรู้สึกอึดอัด
หยูเสี่ยวเฉาตอบอย่างสุภาพว่า “ ข้ากินไข่กับโจ๊กไปแล้วคะ ให้ท่านแม่กับน้องกินซุปไก่เถอะ ร่างกายท่านแม่อ่อนแอต้องบำรุงเยอะๆ น้องก็ยังเด็กแถมต้องเจอเรื่องน่ากลัวอีก...... ”
หยูไห่ใช้มือที่ใหญ่จนเหมือนใบพัดลูบหัวของลูกสาวอย่างอ่อนโยนโดยเลี่ยงไม่ให้โดนแผลของเธอ เขาฉีกยิ้มจนเห็นฟัน “ เฉาเอ้อร์ของเราโตรู้เรื่องแล้วนะ รู้ด้วยว่าต้องดูแลแม่กับน้องยังไง แต่ไม่ต้องห่วงหรอกลูก เรามีพอสำหรับทุกคน เดี๋ยวพ่อจะเอาที่เหลืออุ่นไว้บนเตา ตอนเจ้าหิวจะได้กินได้เลย ”
หยูเสี่ยวเหลียนได้ยินเข้าก็เดินทำปากยื่นเข้ามา “ ท่านพ่อหยุดหลอกเราซะทีเถอะ ! ตอนที่ท่านพ่อเข้าบ้านมาพร้อมไก่ฟ้า พวกห้องตะวันออกมองกันตาเป็นมันเลย แค่ท่านพี่ไห่สือคนเดียวก็ซัดไปครึ่งตัวแล้ว พอถึงตาเราถ้ายังเหลือเศษซากมาบ้างก็ถือว่าโชคดีแล้วล่ะ ! ”
“ ถ้าหมด เดี๋ยวพรุ่งนี้พ่อไปล่ามาให้อีกก็ได้ ! ” หยูไห่ยิ้มให้อย่างใจดี
“ ไม่ต้อง...... ” หยูเสี่ยวเหลียนพี่สาวฝาแฝดของเธอแอบกรอกตา “ ถ้าจับมาอีก คิดว่าเราจะได้กินอีกเหรอ ท่านพ่อไม่เห็นสีหน้าของท่านย่าตอนที่เราต้องจ่ายค่ารักษา ท่านย่าต้องหาทางชดเชยที่เสียไปแน่ๆ แถมยังจะให้ได้เพิ่มเป็นสองเท่าอีกด้วย ”
“ หยุดเลย ! เป็นเด็กเป็นเล็กพูดจาต่อว่าผู้ใหญ่แบบนี้ได้ยังไงกัน ? ” หยูไห่ดุด้วยเสียงอ่อนโยน หลังจากนั้นเขาก็หันไปยิ้มให้เสี่ยวเฉา “ ไม่ต้องห่วง พ่อจะไปคอยดูเตาไว้ให้ ต่อให้ไม่มีใครในครอบครัวนี้ได้กิน เฉาเอ้อร์จะต้องได้กิน ”
หยูเสี่ยวเหลียนแลบลิ้นใส่ด้านหลังของเขา แล้วยิ้มให้น้องสาว “ ท่านพ่อเราอะไรๆก็ดีไปหมด แต่จะดีกว่านี้ถ้ารู้จักเด็ดขาดซะบ้าง ท่านย่ากดขี่พวกเรา ท่านพ่อก็ยังทำตัวเป็นลูกชายที่ดีอยู่ได้ ส่วนท่านแม่เราก็ใจดีเกินไป...... ”
หยูเสี่ยวเฉาเพิ่งมาเกิดใหม่ที่นี่จึงยังไม่เข้าใจสถานการณ์ของครอบครัวนี้ดีนัก เธอได้แต่ฟังยิ้มๆ พอเธอก้มหน้าลงและเห็นหินสีรุ้งบนข้อมือ เธอก็รีบถามว่า “ อ่า......เสี่ยวเหลียน ช่วยเอาน้ำมาให้หน่อยได้ไหม ? มีเลือดเปื้อนบนหินนี่...... ”
ก็นะ เธอเคยชินกับการเป็นลูกคนโตในชาติก่อน ดังนั้นจะให้เรียกเด็ก 8 ขวบว่า ‘ พี่สาว ’ มันก็ยากไปสักหน่อย