เพียงคำรัก

บทที่ 4...1/2

ต่อจากตอนที่แล้ว...


ดูเหมือนร่างกายที่พยายามเดินออกมาจากห้องประธานใหญ่ ด้วยการบังคับให้เดินด้วยความมั่นคงอยู่นั้น มันชักจะเริ่มเป๋จนถึงขั้นอ่อนยวบยาบลงพื้นได้ทุกขณะจิตเลยทีเดียว รุ้งแก้วยังคงรู้สึกมึนงงกับเหตุการณ์ที่มันกำลังเกิดขึ้นกับเธออยู่ในตอนนี้ อยากจะร้องไห้ระบายความคับแค้นในใจ แต่น้ำตาเจ้ากรรมมันกลับไม่ยอมไหลออกมาให้เห็นสักหยด ภายในสมองของเธอยังคงงุนงงจนไม่อาจจับต้นชนปลายได้ถูก ยิ่งยามเมื่อสายตากลมโตที่มักซ้อนแววหวานเหลือบชำเลืองขึ้นมองดูรอบตัว ตอนเธอรู้สึกเหมือนกำลังมีคนจับจ้องมา...

ทันทีที่ปะทะเข้ากับสายตาหลายคู่เหล่านั้น อาการมือเท้าเย็นมันก็เข้าจู่โจมเธอทันที...

หัวคิ้วที่วาดไว้สวยงามขมวดเข้าหากันมุ่น...

อย่าบอกนะว่า พนักงานพวกนี้ก็เห็นคลิปบ้าๆนั่นเข้าแล้วเหมือนกัน...

รุ้งแก้วใจหายวาบ กำมือเข้าหากันจนแน่น ภายในโพรงอกมันรู้สึกอึดอัดจนไม่สามารถหายใจออกมาได้สะดวกเหมือนเก่า เหงื่อบริเวณหน้าผากผุดพรายทั้งที่อากาศภายในตึกสูงระฟ้าแห่งนี้แสนจะเย็นเฉียบ...

ไม่รู้ไอ้คลิปน่าอดสู่นั่นเกิดขึ้นได้อย่างไร ใครเป็นคนอัด แล้วส่งลงโซเซียล...

มีแวบหนึ่งรุ้งแก้วนึกถึงใบหน้าคมคาย ชายหนุ่มซึ่งร่วมชะตากรรมในคลิปวีดีโอเดียวกันกับเธอ...

แต่ก็ไม่น่าใช่...แดนดินคงไม่คิดทำลายบ่อเงินบ่อทองของตัวเอง ด้วยวิธีการต่ำช้า...

หรือว่าจะเป็นฝีมือของ...แววตาสลดวาวแสงเรืองรอง ความเกลียดชังทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น ก่อนจะไหววูบลงกะทันหันตอนหูเจ้ากรรมดันได้ยินเสียงซุบซิบหลังบานประตูห้องโถงใหญ่ พนักงานกลุ่มนี้คงไม่ทันมองว่าเธอกำลังเดินมานั่นเอง...

“เสียดายหน้าตากับชาติตระกูลนะ สูงเสียเปล่าแต่ชอบทำตัวต้ำต่ำ...”

“นั่นสิ...ไม่คิดว่าจะมีนิสัยชอบโชว์...”

“ก็เรื่องแบบนี้...มันคงน่าตื่นเต้นเร้าใจดีไม่หยอก...”

“พูดเหมือนเคนทำมาก่อน...”

“บ้า...ถึงฉันไม่สวยเท่าคุณรุ้ง แต่ฉันก็มียางอายนะยะ...”

สิ้นเสียงซุบซิบคือเสียงหัวเราะครื้นเครง...

รุ้งแก้วสูดลมหายใจลึก ต้องใช้พลังใจอย่างยิ่งยวดในการฉุดรั้งตนเองไม่ให้เดินเข้าไปจัดการพวกปากไม่มีหูรูดหลังประตูนั้น ถึงยังไงซะ...ตอนนี้เธอเองก็ยังไม่รู้ต้นสายปลายเหตุที่มาที่ไปของคลิปบัดสีที่ตนเล่นเป็นนางเอกของเรื่องแน่ชัด เลยจำต้องเดินเลี่ยงมาอีกทาง ตัดสินใจไม่เดินเข้าลิฟต์ ทว่าเปลี่ยนทิศทางเดินย้อนกลับไปยังบันไดหนีไฟแทน เร่งจังหวะการเดินแต่ละย่างก้าวให้เร็วเท่าที่ขาทั้งสองข้างมันจะเอื้ออำนวย ตอนนี้เธอรู้สึกอ่อนล้าทั้งกายทั้งใจเหลือเกิน...

ในทุกย่างก้าว หูเธอยังคงได้ยินเสียงก่นดาตามมาหลอกหลอน คล้ายเสมือนคมมี กีดลงเฉือนก้อนเนื้อหัวใจเธอออกทีละชิ้น...

“แกมันเกิดมาเพื่อทำลายความสุขของฉัน”

“แกมันเกิดมาเพื่อทำให้ฉันอกแตกตาย!”

“แกมันเป็นนังตัวซวย สร้างแต่ปัญหา...”

“ต่อไปนี้แกไม่ใช่ลูกของฉัน...”

“จะไปตายที่ไหนก็ไป...เพราะฉันจะไม่ยอมยกอะไรให้คนอย่างแกสักบาทเดียว”

ถ้อยคำมากมายพรั่งพรูออกจากปากของผู้ให้กำเนิด รุจีคงทั้งโกรธทั้งผิดหวัง ดังนั้นนางจึงไม่อาจยับยั้งอารมณ์ของตัวเองเอาไว้ได้ รุ้งแก้วเองยังคงมึนงงกับคลิปดังกล่าว ทั้งภาพถ่ายทั้งภาพเคลื่อนไหว ชัดเจนเสียจนเธอไม่อาจปฏิเสธได้...ว่านั่นไม่ใช่ตนเอง...

หญิงสาวเลยทำได้เพียงปล่อยให้น้ำตาหยดแล้วหยดเล่าไหลอาบสองข้างแก้ม จนเมื่อสิ้นสุดคำผรุสวาทของผู้ให้กำเนิด ฟางเส้นสุดท้ายจึงถูกสะบั้นขาดด้วยน้ำมือของเธอเอง...

ก่อนเจ้าตัวจะระเบิดอารมณ์สุดท้ายใส่มารดา...

“คิดว่าหนูอยากได้เงินของแม่นักหรือไง...เชิญแม่เก็บไว้บำรุงบำเรอผัวใหม่ของแม่ กับลูกสาวคนดีของแม่เถอะ หนูไม่เห็นอยากจะได้สักบาทเดียว...”

เพลี้ยะ!

คนระเบิดอารมณ์ถึงกับใบหน้าหันทันที

“ต่อจากนี้แกไม่ใช่ลูกของฉัน...ดูสิต่อจากนี้ ฉันจะตัดก้อนเลือดก้อนเดียวไม่ได้ ให้มันรู้กันไป” ผลลัพธ์ต่อมาคือเธอถูกไล่ตะเพิดออกจากบริษัทชนิดไม่ไว้หน้า...

จนกระทั่งเธอฝืนเดินมาจนถึงชั้นซึ่งเป็นที่ตั้งห้องทำงานของตัวเองได้สำเร็จ กระบอกตาชักเริ่มร้อนผ่าวจนเกินยับยั้งมันเอาไว้อีกต่อไป จะโทษใครได้ ตัวเธอทำตัวเองทั้งนั้น...

“ว้าย!คุณรุ้ง...”

ดาหวั่นกรีดเสียงร้องลั่นไปทั้งชั้น ทันเห็นร่างอวบกระโจนเข้ารับร่างอ่อนปวกเปียกของผู้เป็นเจ้านายไว้ได้ทันก่อนมันจะทรุดฮวบลงกับพื้น...

และเสียงกรีดร้องนั้น เป็นเหตุให้พนักงานหลายคนต่างชะโงกหน้าออกมาเมียงมองด้วยความอยากรู้อยากเห็น ข่าวฉาวประเภทนี้ยิ่งเดินทางได้เร็วกว่าจรวด บ้างมองด้วยสายตาสมเพช บ้างมองด้วยความซะใจ...


รีวิวจากผู้อ่าน

กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว