ร้อยชู้ หนึ่งดวงใจ-บ้านสิงหาสน์

โดย  มาดามเกรย์

ร้อยชู้ หนึ่งดวงใจ

บ้านสิงหาสน์

พ.ศ. 2478 สามปีหลังการปฏิวัติสยามประเทศโดยคณะราษฎร์

บ้านสิงหาสน์ที่สี่พระยาค่ำคืนนั้นเปิดไฟสว่างไสว เนืองแน่นคึกคักด้วยผู้คนเพราะเป็นวันครบรอบวันเกิดปีที่ห้าสิบห้าของพระยาสีหเดโชผู้เป็นประมุขของตระกูล บุรุษผู้นี้เป็นหนึ่งในคณะราษฎร์ที่ก่อการปฏิวัติรัฐประหารเปลี่ยนแปลงการปกครองจากสมบูรณาญาสิทธิราชย์มาเป็นระบบประชาธิปไตยในปีพ.ศ. 2475 และยังดำรงคงอำนาจในกองทัพอยู่ได้อย่างมั่นคงเพราะคุมกำลังพลสำคัญ และมีบทบาทสำคัญในการปราบกบฏบวรเดช แขกจึงมีตั้งแต่เจ้านายชั้นสูงและนายทหาร รวมทั้งข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ซึ่งต่างทยอยกันเดินทางมาถึงตั้งแต่ย่ำค่ำ

ใกล้เวลารับประทานอาหาร เจ้าคุณพยักหน้าเรียกคุณหญิงและบุตรชายคนรองซึ่งมายืนต้อนรับร่วมกันที่มุขหน้า ชวนเข้าไปด้านในเพื่อนำแขกไปนั่งโต๊ะที่จัดเตรียมไว้ ทว่าเมื่อเข้าไปในห้องโถงซึ่งพนักงานกำลังบริการเครื่องดื่มและอาหารว่างแก่แขกท่ามกลางบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความหรูหราและรื่นเริง กลับต้องชะงักเมื่อหัวหน้าคนรับใช้เข้ามายอบตัวรายงาน

“คุณใหญ่มาขอรับ”

เจ้าคุณตัวแข็งคอแข็งขึ้นมาทันที สีหน้าแช่มชื่นพลันเครียดขึ้ง คำรามดุดันในลำคอ “ไล่มันไป”

เสียงนั้นเบา ไม่น่าจะมีใครอื่นได้ยิน แต่ทุกคนในบริเวณนั้นกลับหันมามองเป็นตาเดียว เจ้าคุณมองตามสายตาแล้วก็เห็นสาเหตุ บุตรชายคนโตที่ท่านไล่ออกจากบ้านเพราะไปได้ผู้หญิงไร้สกุลไม่มีหัวนอนปลายเท้าเป็นเมียนั่นเอง ร่างสูงสง่าที่ถอดแบบเขามาทุกประการยืนเคียงข้างหญิงสาวร่างอรชรอ้อนแอ้น โดดเด่นด้วยดวงหน้าที่งามเจิดแจ่มและผิวขาวผุดผ่อง เบาะในอ้อมแขนของหล่อนรองรับร่างทารกน้อยเพศชายอายุแค่สองเดือนซึ่งเป็นหลานปู่คนแรกของเขา

“กระผมพาดวงใจกับอานนท์มากราบอวยพรคุณพ่อขอรับ”

อนันต์หรือใหญ่กล่าวแล้วทรุดตัวลงกราบแทบเท้าของเจ้าคุณและคุณหญิงมารดา ก่อนจะรับบุตรชายจากมือภรรยาเพื่อเปิดโอกาสให้หล่อนทำอย่างเดียวกัน

ไม่มีการตอบสนองใดๆ นอกจากอาการคอแข็งปึ่งชาจากผู้เป็นบิดา ทว่าชายหนุ่มทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ ขยับเข้าไปใกล้ให้เจ้าคุณได้เห็นหลานปู่ที่สุดแสนจะน่ารักน่าเอ็นดู เจ้าหนูก็ช่างรู้หน้าที่ยิ่งนัก พอสบตาดุๆ ของปู่แทนที่จะตกใจร้องจ้ากลับยิ้มร่าเห็นเหงือกแดงพร้อมกับส่งเสียงเอ๊าะแอ๊ะทักทาย

“นอกจากมาอวยพรคุณพ่อแล้วยังมีข่าวดีมาแจ้ง...ทางกรมจะส่งกระผมไปดูงานและศึกษาต่อที่อังกฤษหนึ่งปี” อนันต์เกริ่นก่อนจะเข้าสู่เรื่องสำคัญที่ทำให้ต้องบากหน้ากลับมาหาบิดาซึ่งประกาศตัดขาดไม่เผาผี “ระหว่างนั้นดวงใจต้องเลี้ยงลูกตามลำพัง เพราะเป็นกำพร้า ไม่มีพ่อแม่ญาติพี่น้อง...”

พระยาสีหเดโชเท่าทันความคิดของบุตรชาย และใจก็อ่อนยวบตั้งแต่สบตาแป๋วแหววของหลานน้อย ทว่าทิฐิทำให้ยืนคอแข็งอยู่เช่นเดิม โชคดีที่คุณหญิงเป็นคนใจดีและมิได้มีลีลาชั้นเชิงมากมายเหมือนสามี พอเห็นลูกหลานมา ถึงไม่ใคร่จะนิยมยินดีในตัวสะใภ้ แต่ก็ใจแข็งวางท่าปั้นปึ่งต่อไปไม่ไหว ตรงรี่เข้าไปช้อนตัวหลานย่าจากมือลูกชายมาชื่นชมโสมนัส แล้วอุ้มเดินอวดแขกทั่วงาน

“ตาอานนท์ หลานย่าคนแรกค่ะ นี่ทางกรมจะส่งพ่อเขาไปดูงานกับเรียนต่อที่อังกฤษ เลยจะรับพ่อคนนี้กับแม่เขามาอยู่ด้วยกันที่นี่เสียเลย ไม่โยเยเลย ดูสิคะ เห็นใครก็ยิ้มให้แล้วชวนคุย แหม เหมือนพ่อเขาตอนอายุเท่ากันไม่มีผิด ก็...เหมือนคุณปู่เขาด้วยนั่นแหละค่ะ”

เจอคุณหญิงรวบรัดตัดความด้วยการประกาศไปทั่วเช่นนี้ จะปฏิเสธหรือขับไล่ไสส่งหลานกับลูกชายลูกสะใภ้กลับไปย่อมเป็นไปไม่ได้ เจ้าคุณแอบดีใจที่ไม่ต้องเสียหน้าที่อ่อนข้อให้ลูกก่อน แต่ไม่วายยักท่าประชดประชัน “แม่แกเจ้าหน้าเจ้าตาอุ้มหลานพาไปอวดทั่วบ้านทั่วเมืองอย่างนี้ คงไม่ต้องบอกนะว่าถึงไม่เต็มใจฉันก็ปฏิเสธเมียกับลูกแกไม่ได้ เห็นแก่ตาดำๆ ของทารกที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวกับความมักง่ายใฝ่ต่ำของพ่อมัน พรุ่งนี้ขนข้าวของมาอยู่บ้านนี้ทั้งสามคน จะให้คนจัดห้องใหม่ให้ ต้องใหญ่กว่าห้องเดิมของแก เพราะเด็กอ่อนข้าวของเครื่องใช้เยอะ ขาดเหลืออะไรก็ขอจากแม่แกละกัน แต่ลองคุณหญิงเป็นคนจัดการ ฉันว่าจะมีแต่เกินมากกว่าขาด”

นี่ขนาดไม่ค่อยเต็มใจอนันต์นึกขำในใจ รีบฉุดภรรยาก้มลงกราบแทบเท้าบิดาอีกครั้ง แต่พอเงยหน้าขึ้นก็เห็นแต่หลังกว้างผึ่งผายของท่านไวๆ ลับหายไปในหมู่แขกที่เข้ามาห้อมล้อมเหมือนดาวล้อมเดือน บิดาของเขาเป็นทหาร เข้มแข็งเด็ดเดี่ยวทั้งในยามบังคับบัญชาทหารและปกครองลูกหลานบริวาร การแต่งงานโดยไม่ได้รับการยินยอมจากท่านก่อนสร้างความขุ่นเคืองให้อย่างที่สุด แต่เขาก็รู้ใจของท่านดีว่าในความเหี้ยมหาญมีความอารีและเที่ยงธรรมซ่อนอยู่ กับอริราชศัตรูที่มาระรานและผู้ใต้บังคับบัญชาที่เหลวไหล เจ้าคุณโรมรันไม่ปรานี แต่หัวใจไม่ใช่เหล็กกล้า ย่อมยากที่จะต้านทานทารกน้อยบริสุทธิ์ไร้เดียงสาผู้เป็นเลือดเนื้อเชื้อไข และไม่รู้อีโหน่อีเหน่อะไรกับการกระทำของพ่อแม่

“คุณพ่อท่านดูดุ แต่ดวงใจว่าที่จริงท่านใจดีนะคะ ตาท่านเวลามองตาหนูดูอ่อนโยนมากเลยค่ะ” ดวงใจแอบกระซิบกับสามี ใบหน้างดงามอ่อนเยาว์พริ้มพรายด้วยรอยยิ้มปลาบปลื้มชื่นชม

อนันต์มองด้วยความเอ็นดู ภรรยาของเขาเป็นหญิงซื่อ ไม่มีความรู้มากนัก และไม่ใช่คนฉลาดปราดเปรียว แต่ก็ไม่ใช่คนโง่เขลา เพียงแต่ธรรมชาติเป็นคนอ่อนโยนมีเมตตา ทำให้มักโอนอ่อนผ่อนตามความต้องการของผู้อื่น หากจะขัดก็คิดหาวิธีผ่อนปรนไม่ให้คู่กรณีขุ่นข้องหมองใจ เพราะมีอุปนิสัยใจคอเช่นนี้ หล่อนจึงเป็นที่เอ็นดูรักใคร่ของคนทั่วไป เขาแน่ใจว่าเมื่อหล่อนย้ายมาอยู่ที่บ้านสิงหาสน์ คงจะเอาชนะใจพ่อแม่และน้องชายของเขาได้ไม่ยาก

“ดีแล้ว ถ้าเธอกับลูกมาอยู่ที่นี่ พี่ก็จะได้ไปเมืองนอกแบบหมดห่วงสบายใจ” ชายหนุ่มถอนใจโล่งอก ประคองเอวภรรยาพาเดินไปหาน้องชายวัยเบญจเพสซึ่งยืนมองยิ้มๆ จากมุมหนึ่งของห้อง แนะนำด้วยน้ำเสียงภาคภูมิ “อาณัติ นี่ดวงใจ พี่สะใภ้ของแก”

อาณัติรับไหว้พี่สะใภ้ซึ่งน่าจะอ่อนกว่าหลายปีพลางส่งสายตาหวานเยิ้มพร้อมกับยิ้มกรุ้มกริ่ม แล้วร่ายบทชมโฉมนางศกุนตลาด้วยเสียงทุ้มนุ่มลึก

“ผิวสินวลละอองอ่อน มะลิซ้อนดูดำไปหมดสิ้น สองเนตรงามกว่ามฤคินทร์ นางนี้เป็นปิ่นโลกา งามโอษฐ์ดังใบไม้อ่อน งามกรดังลายเลขา งามรูปเลอสรรขวัญฟ้า งามยิ่งบุปผาเบ่งบาน”

แม่ลูกอ่อนวัยสิบเจ็ดได้ฟังถึงกับสะเทิ้น หลบตาหน้าแดง อายม้วนอยู่ข้างตัวสามี เกิดมาไม่เคยมีใครเยินยอด้วยบทกวีหวานซึ้งเช่นนี้มาก่อน อนันต์ไม่เคยเกี้ยวพาด้วยวาจา เพียงแต่หลังจากวันแรกที่พบกันเขาก็คอยตามดูแลห่วงใยแบบผู้ใหญ่ที่มีความเอ็นดูเมตตาต่อเด็ก พี่ชายต่อน้องสาว มารู้ว่าเขารู้สึกกับตนมากกว่านั้นก็วันที่เขาสู่ขอหล่อนจากผู้ปกครองซึ่งก็คือหญิงเจ้าของเพิงคนเดิม ก่อนหน้าแม้มีชายหนุ่มแก่หลายคนหมายตา แต่ไม่มีใครหาญกล้าต่อคำ เพราะหญิงที่เลี้ยงดูหล่อนเยี่ยงทาสนั้นปากกล้าด่าเก่ง เมื่อมาเจอสายตาและคารมของชายเจ้าชู้รูปงามอย่างอาณัติเข้า ถึงจะได้ชื่อว่าเป็นน้องชายของสามี แต่หัวใจสาวก็สะท้านหวั่นไหว

ด้านอนันต์เห็นน้องชายจีบเมียต่อหน้าต่อตาแทนที่จะโกรธขึ้งหรือหึงหวง กลับหัวเราะลงคอชอบอกชอบใจ แถมยังฝากฝังสั่งเสีย “เดือนหน้าฉันก็ต้องไปเมืองนอกแล้ว แกอยู่ทางนี้ฝากดูแลลูกเมียฉันด้วยนะนายรอง”

“ได้ครับพี่ใหญ่ ผมจะดูแลให้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะพี่สะใภ้แสนสวยคนนี้ จะไม่ให้มดไต่หรือไรตอมเลยเชียวแหละ” อาณัติรับปากพี่ชาย และตั้งใจจะทำอย่างนั้นจริงๆ ทว่าสบตากับพี่สะใภ้สาวสะพรั่งและสวยหยาดฟ้ามาดินทีไรร่างกายมันก็ลุกพึ่บพั่บอย่างกับไฟเจอน้ำมัน ตื่นเต้นตื่นตัวอย่างที่ไม่เคยเกิดกับผู้หญิงคนไหนมาก่อน นึกเสียดายขึ้นมาครามครันที่พบหล่อนช้าเกินไป ร่ำๆ อยากจะเป็นแมลงริ้นไรไต่ตอมหล่อนจนต้องคอยท่องคาถากำกับใจ...เมียพี่ๆ

อาณัติมัวแต่นึกเสียดายและท่องคาถาห้ามใจตัวเอง ส่วนดวงใจกำลังขวยเขินสะเทิ้นอาย จึงไม่ทันสังเกตเห็นสีหน้าแววตาแปลกๆ ของอนันต์ที่มองท่าทีของทั้งสองอย่างครุ่นคิด ผู้ชายด้วยกันดูก่อน อนันต์รู้ว่าอาณัติถูกตาต้องใจพี่สะใภ้ของตัวเองเข้าแล้ว ส่วนเมียของเขานั้นเห็นสงบหงิมพริ้มเพราอย่างนี้ แท้จริงร้อนแรงราวกับไฟ เมื่อคิดเช่นนั้นแทนที่จะเกิดความหึงหวง ความพอใจกลับวาบขึ้นในแววตา

รีวิวจากผู้อ่าน 1 รีวิว
  • Pa
    เมื่อ 7 ปี 5 เดือนที่แล้ว
    ตามอ่านต่อ
    • อ่านถึง : บ้านสิงหาสน์

กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว