เดือนหนาว...
" แก วันนี้ฉันเดินผ่านตึกวิศวะมาหนุ่มๆเยอะมาเลยอะแก ใส่ช้อปโคตรเท่อ่า "
เสียงพูดจาพร้อมกับท่าทีสะดีดสะดิ้งของยัยโฟร์เพื่อนฉันที่หล่อนปลื้มผู้ชายคณะนั้นอยู่แล้วพูดขึ้นขณะที่เดินมานั่งม้าหินอ่อนที่มีฉันกับยัยก้อยนั่งอยู่ก่อนแล้ว
" อ๊าก แกผ่านแถวนั้นทำไมไม่ชวนฉันไปด้วย ฉันก็ชอบหนุ่มคณะนั้นนะแก เท่อะโดยเฉพาะพี่ไวน์ปีสี่ที่มีดีกรีเป็นถึงอดีตเดือนคณะ กรี๊ดดด "
ฉันหันไปมองยัยก้อยด้วยท่าทีหน่ายๆที่ทำท่ากรี๊ดกร๊าดเหมือนมีซุปเปอร์สตาร์มายืนอยู่ตรงหน้างั้นแหละ
" พรุ่งนี้เดี๋ยวฉันก็จะไปเดินผ่านอีกอะแก "
ยัยโฟร์พูดพลางทำท่าบิดตัวไปมาด้วยท่าทีเขินอาย
" แกจะผ่านทางนั้นทำไมตึกเราเข้าทางสวนหย่อมง่ายกว่าอีก ไม่ต้องเดินไกลด้วย "
ฉันที่นั่งอ่านหนังสืออยู่ถามขึ้น ก็ตึกคณะที่เราเรียนอยู่เดินจากหน้ามอเข้ามาผ่านสวนหย่อมก็ถึงแล้ว ถ้าเดินจากหน้ามอแล้วตรงไปอีกทางก็ต้องเดินผ่านอีกหลายคณะไหนจะผ่านคณะวิศวะที่ฉันไม่ชอบอีก ที่ลานเกียร์นั่นมีพวกผู้ชายเต็มไปหมดแล้วชอบแหกปากแซวผู้หญิงที่เดินผ่านไปผ่านมา น่ารำคาญจะตาย
" นี่ยัยหนาวแกนี่ไม่รู้อะไรซะแล้ว ที่ยัยโฟร์มันลงทุนเดินไกลเพื่อผ่านคณะวิศวะอะ มันต้องการเดินผ่านลานเกียร์ต่างหาก "
ยัยก้อยหันมาพูดกับฉันก่อนจะหันไปทำท่าระริกระรี้กับยัยโฟร์ต่อ
" เดินผ่านเพื่อ? "
ฉันละสายตาจากหนังสือตรงหน้าก่อนจะเงยหน้ามาถามยัยเพื่อนซี้ทั้งสอง
" โอ๊ยยย คุณเดือนหนาวนี่ช่างไม่รู้อะไรจริงๆ เดี๋ยวเพื่อนก้อยจะเล่าให้เพื่อนหนาวฟังนะค้าา "
" .......... "
" คือเรื่องมันมีอยู่ว่าหากใครก็ตามที่เดินสะดุดลานเกียร์ของคณะวิศวะอะนะ คนๆนั้นจะได้แฟนเรียนคณะนั้นนะสิ อร๊ายยย "
เสียงพูดกรี๊ดกร๊าดของเพื่อนซี้ทั้งสองทำให้ฉันต้องส่ายหัวเล็กน้อยก่อนจะยิ้มๆให้พวกบ้า
" ยัยโฟร์ก็เลยอุตส่าห์เดินผ่านลานเกียร์เพื่อให้ตัวเองสะดุดตั้งแต่ปีหนึ่งจนถึงปีสี่เนี่ยนะ "
ฉันว่ายิ้มๆพลางกลั้นขำเอาไว้ ก็ยัยโฟร์นางเดินผ่านมาตั้งหลายปียังไม่เห็นว่าจะมีสักครั้งที่นางสะดุดลานเกียร์นะสิตลกมั้ยล่ะ
" ยัยหนาววว "
ยัยโฟร์จิ๊ปากใส่ฉันก่อนจะมุ่ยหน้าใส่
" อ่านหนังสือของแกต่อไปเลยยัยหนาว พวกฉันไม่คุยกับแกแล้ว "
ยัยโฟร์ว่างอนๆก่อนจะคุยกับยัยก้อยต่อด้วยท่าทางระริกระรี้ตามเดิมของพวกนาง ไปไกลแล้วเพื่อนฉัน
" แล้วเขายังเล่ากันต่อๆมาอีกนะว่าถ้าใครได้เป็นแฟนกับหนุ่มๆคณะวิศวะอะ ก็จะได้เกียร์มาใส่ อร๊ายยฉันอยากได้อะแก "
ยัยก้อยคุยกับยัยโฟร์ด้วยท่าทางเพ้อฝันของนาง
" ใช่แกได้ใส่เกียร์ ได้ห่มช็อป ปิดจ๊อบด้วยการเป็นเมียวิศวะ อ๊าากก ฉันอยากได้ๆ "
" นี่ยัยโฟร์ฉันไปอ่านกระทู้ในอินเตอร์เน็ตมานะ เขาบอกว่าเกียร์ที่เห็นคนที่เรียนวิศวะเขาใส่กันอะมันโครตสำคัญเลยนะ ต้องใช้ความพยามยามและต้องผ่านความยากลำบากกว่าจะได้มา "
ยัยก้อยว่า
" ใช่ๆแก แล้วฉันก็ไปรู้มานะว่านอกจากเกียร์จะเป็นสัญลักษณ์ของคณะวิศวะแล้ว เกียร์ยังใช้แทนใจของคนในคณะด้วยนะ "
" อ๋อ ที่เขาบอกว่า ใจอยู่ที่เกียร์ เกียร์คือใจ เกียร์อยู่ที่ใด ใจอยู่ที่นั่น ใช่ป่ะฉันเคยได้ยินพวกที่มีแฟนเรียนวิศวะพูดกันบ่อยๆ "
ยัยก้อยเล่าต่อ
" ใช่ๆแก แล้วก็ยังมีอีกนะ ที่ว่ากันว่าหากฝากเกียร์ไว้กับใครก็เหมือนฝากใจไว้กับคนนั้น "
ยัยโฟร์เสริมต่อ
" โอ๊ยแก พูดแล้วก็อยากมีแฟนเรียนวิศวะบ้างเนอะ "
ยัยก้อยเพ้อต่อ
" พวกแกเลิกเพ้อได้แล้วน่า จะถึงเวลาเข้าเรียนอยู่แล้วไปกันเถอะ "
ฉันทำลายบรรยากาศของพวกนางสองคนด้วยการบอกถึงวิชาสุดท้ายที่จะต้องเข้าเรียนในเร็วๆนี้
" เฮ้อไปๆ อาจารย์แม่ด้วยนะคาบนี้ "