ราคีหนี้สวาท

บทที่ 41

บทที่ 5


“คุณพลอยคะ... คุณพลอย”

เสียงเรียกที่ดังขึ้นพร้อมเสียงเคาะประตูด้านนอกทำให้ร่างเล็กบอบบางที่นอนคุดคู้อยู่บนเตียงลืมตาขึ้น พลอยพิชญาค่อย ๆ ขยับตัวเมื่อรู้สึกถึงความอบอุ่นจากแสงแดดที่ลอดเข้ามาทางผนังของกระท่อม

เช้าแล้วหรือนี่...เธอแทบจะไม่รู้ตัวเลยว่าหลับไปตอนไหน เมื่อคืนนี้ช่างทุกข์ทรมานจากความหนาวเหน็บ คนใจหินพาเธอมาปล่อยทิ้งไว้ในกระท่อมริมหาด ซ้ำร้ายไม่มีเสื้อผ้าหรือแม้แต่ผ้าห่มสักผืน ลมทะเลกลางคืนเหน็บหนาวเข้ากระดูก แล้วยังจะความหวาดกลัวที่ต้องอยู่คนเดียวคุกคามความรู้สึก

พลอยพิชญาแข็งใจลุกขึ้นทั้งที่ปวดเมื่อยไปหมดตามแขนขาก่อนเดินตรงไปยังประตูและพบว่า ออรูร่า ยืนคอยอยู่เบื้องนอก หญิงสาววัยสามสิบกว่าในชุดเสื้อเชิ้ตสวมทับด้วยแจ็คเก็ตหนังและสวมกางเกงสีเขียวคล้ายทหารในมือถือถุงพลาสติกยิ้มให้เธอ

“อรุณสวัสดิ์ค่ะ คุณพลอย เพิ่งตื่นหรือคะ?”

“เอ้อ...ค่ะ...” หญิงสาวตอบและยิ้มแหย ๆ

“เบนให้ฉันเอาชุดมาให้คุณค่ะ และให้คุณรีบอาบน้ำแต่งตัว เสร็จแล้วฉันจะพาคุณไปที่ตากปลาค้อดอีกฝั่งของเกาะค่ะ”

“อาบน้ำหรือคะ? แต่ในนี้ฉันไม่เห็นมีห้องน้ำเลยนี่คะ”

“ต้องไปอาบที่บ่อน้ำค่ะ มีบ่อเล็ก ๆ อยู่ใกล้กระท่อม เดี๋ยวฉันจะพาคุณไป”

“คะ...เอ้อ...ค่ะ”

พลอยพิชญาพยักหน้าหงึก ๆ เป็นเชิงรับรู้ขณะที่อีกฝ่ายยังยิ้มให้ ออรูร่ากล่าวต่อว่า

“โชคดีนะคะที่ตอนนี้สกรูวาอยู่ในช่วงฤดูร้อน ถ้าเป็นฤดูหนาวล่ะก็จะลำบากเพราะน้ำริมทะเลจะเป็นน้ำแข็ง อากาศก็หนาวอย่าบอกใครเลยค่ะ”

ภรรยาชาวประมงซึ่งมีใบหน้ากร้านแดดใต้กรอบผมสีบลอนด์เงินกล่าวอย่างอารมณ์ดีและมองหญิงสาวชาวไทยหน้าตาสะสวยและตัวเล็กบอบบางขณะเก็บซ่อนความกังขาไว้ในส่วนลึก เธอพาพลอยพิชญาไปอาบน้ำที่บ่อและให้เสื้อผ้าซึ่งเจ้านายของเธอฝากมาแก่สาวไทยได้สวมใส่

มันเป็นเสื้อเชิ้ตและแจ็คเก็ตมีฮู๊ดตัวใหญ่พร้อมทั้งกางเกงผ้าฝ้ายซึ่งค่อนข้างหลวมกับถุงมือเนื้อหนาอีกหนึ่งคู่ พลอยพิชญาเหมือนตุ๊กตาในชุดใหญ่โพรกที่ต้องเดินตามออรูร่าต้อย ๆ ไปยังอีกฝั่งของเกาะตามคำบัญชาของ เจ้านาย

“ฤดูร้อนเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดเลยล่ะค่ะที่เราจะทำปลาค้อดตากแห้ง มันเป็นสินค้าส่งออกเก่าแก่ที่สุดของนอร์เวย์ เราสืบทอดอาชีพนี้มาตั้งแต่สมัยชาวนอร์ส”

หญิงชาวเกาะอธิบายขณะพาคนของ เจ้านาย เดินเลียบไปตามชายฝั่งท่ามกลางแสงแดดขมุกขมัวแม้อยู่ในฤดูร้อน

“แถวนี้มีวาฬเยอะด้วยใช่ไหมคะ?”

พลอยพิชญาถามขึ้นขณะเดินตามผู้หญิงตัวโตกว่าที่ก้าวยาว ๆ ออรูร่าพยักหน้าหงึก ๆ

“ค่ะ...วาฬมิงก์ ช่วงฤดูร้อนเป็นช่วงฤดูล่าวาฬของพวกผู้ชาย อาจจะจับได้มากถึงสามสิบหรือสี่สิบตัว”

“เขาไม่กลัวกันหรือคะ ออรูร่า”

“ไม่มีอะไรน่ากลัวหรอกนะคะ ก็แค่ล่าวาฬ ปลาที่มันตัวใหญ่กว่าปลาทั่วไปเท่านั้นเอง”

“มันเคยกินชาวประมงเข้าไปบ้างรึเปล่าคะ?”

ออรูร่าหยุดเดิน เธอขมวดคิ้วและดูงง ๆ กับคำถามของสาวไทย แต่เพียงครู่ก็ยิ้มออกมา

“คุณพลอยคงไปได้ยินใครพูดอะไร หรือได้ฟังเรื่องในตำนานเกี่ยวกับน่าน้ำของหมู่เกาะโลโฟเตนมาแน่เลย ฟังไว้ก็ได้ค่ะ เรื่องเล่าหรือตำนานเป็นอะไรที่น่าตื่นเต้น แต่เรื่องบางเรื่องพวกผู้ใหญ่ก็เอาไว้ใช้หลอกเด็กที่ชอบเล่นซุกซน”

หลอกเด็ก...พลอยพิชญานึกโมโหขึ้นมาเมื่อนึกถึงคำพูดของเบน

“ถ้าคุณรู้จักพวกวาฬที่มีชุกชุมในน่านน้ำแถบนี้ แค่คุณว่ายเร็วก็จะไปถึงฝั่ง แต่ถ้าว่ายช้าอาจจะโดนมันทั้งฝูงไล่ล่าและกลืนเข้าไปแทนคริลล์เล็ก ๆ “

ออรูร่าเป็นคนที่นี่และไม่มีท่าทีตื่นกลัวเรื่องอย่างที่เบนเล่าสักนิด คนอะไรเลือดเย็นแถมยังเจ้าเล่ห์เป็นที่สุด

“ไปกันเถอะค่ะ ฉันจะพาคุณไปตามคำสั่งของเบน “

“ออรูร่า” พลอยพิชญารั้งแขนอีกฝ่ายก่อนถาม “บอกฉันหน่อยได้ไหมคะว่า เจ้านายของคุณเป็นใครกันแน่”

“เบนน่ะหรือคะ?” ออรูร่าเงียบไปชั่วอึดใจก่อนตอบ

“เขาเป็นเจ้าของบริษัทแปรรูปอาหารทะเลรายใหญ่ที่มีคุณูปการตอเกาะนี้มากค่ะ บริษัทของเขามีโรงงานแปรรูปอาหารทะเลใหญ่ที่สุดขอนอร์เวย์ เบนรับซื้อเนื้อวาฬซึ่งจริง ๆ รัฐบาลมีการสั่งห้ามล่าในเชิงพาณิช แต่มันก็ยังเป็นสิ่งที่ชาวประมงในหมู่เกาะแถบนี้ทำกันอยู่ เขาช่วยพวกเราค่ะ และฉันจะพาคุณไปในที่ที่ถือได้ว่าเป็นลมหายใจของชาวประมงบนเกาะนี้”

ออรูร่าดึงมือหญิงสาวให้เดินตามไปจนถึงบริเวณที่ทำให้สาวไทยตื่นตะลึง ข้างหน้าของคนทั้งสองมีแผงไม้เรียงรายซึ่งดู ๆ แล้วน่าจะกินเนื้อที่หลายพันตารางเมตร คนงานทั้งหญิงและชายกำลังช่วยกันนำปลาค้อดขึ้นตากบนแผงไม้เหล่านั้นอย่างขะมักเขม้นท่ามกลางแสงแดด

“มาทางนี้เถอะค่ะ”

ออรูร่าดึงมือพลอยพิชญาเข้าไปใกล้ ๆ โดยที่ไม่มีใครหันมาให้ความสนใจหรือสังเกตว่ามีใครใหม่เข้ามา

“เบนให้ฉันพาคุณมาที่นี่เพื่อทำงานค่ะ”

“งานหรือคะ?”

ออรูร่าพยักหน้า “ใช่ค่ะ...ฉันจะสอนให้คุณตากปลาค้อดนะคะ และสิ่งนี้ล่ะค่ะคือสิ่งที่ช่วยต่อลมหายใจของพวกเราชาวประมง สวมถุงมือซีคะ”

พลอยพิชญาทำตามอย่างว่าง่าย เธอสวมถุงมือตามคำแนะนำของสาวชาวเกาะและนำปลาค้อดซึ่งวางกองสูงพะเนินผูกเชือกที่หางรวมกันเป็นคู่ก่อนนำไปแขวนบนแผงไม้

งานที่เธอไม่เคยทำออกจะยากลำบาก เธอต้องใช้เวลาค่อนข้างนานเพื่อเรียนรู้การใช้เชือกผูกหางปลาและเอาขึ้นแขวนอย่างเชื่องช้าทีละคู่ บ่อยครั้งที่หญิงสาวเหลือบมองคนงานผู้ชายตัวโตซึ่งก้มหน้าก้มตาทำงานด้วยความชำนิชำนาญก็ให้รู้สึกทึ่ง

“คนพวกนี้ส่วนใหญ่เป็นคนงานอพยพค่ะ”

รีวิวจากผู้อ่าน
ยังไม่มีรีวิวสำหรับเรื่องนี้

กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว