แสงไฟหลากสีส่องประกายวิบวับท่ามกลางบรรยากาศมืดสลัว เสียงเพลงแดนซ์ดังกระหึ่ม หลายสิบชีวิตกำลังออกจังหวะเคลื่อนกายพลิ้วไหวอย่างสนุกสนานอยู่กึ่งกลางผับ บริเวณมุมต่าง ๆ มีกลุ่มคนนั่งกระดกดื่มแอลกอฮอล์รสชาติหวานหอมถูกใจ
ความอึกทึกครึกโครมไม่ได้ทำให้สองร่างที่กำลังนั่งนัวเนียกันอยู่บริเวณโซนวีไอพีสะทกสะท้าน ร่างเล็กในชุดรัดรูปเปิดไหล่สีแสบตาคร่อมทับอยู่บนตักกว้าง มือสากลูบตามผิวเนียนละเอียดอย่างเมามัน สองกลีบปากดูดกลืนเข้าหากันด้วยความกระหายอยาก
จังหวะเข้าด้ายเข้าเข็มมือปริศนาของใครบางคนจิกลงบนผมแพรวพิรินแล้วกระชากแรงจนเธอหงายหลังร่วงจากตักเมธากานต์ไม่เป็นท่า
ปึก
“รดา!”
เมธากานต์ตาถลนเมื่อเห็นภรรยายืนจ้องเขาและคู่กรณี นัยน์ตาชายหนุ่มหวาดหวั่นกลัวใจ เหลือบมองสาวน้อยที่ร่วงไปกองกับพื้นแล้วกลืนน้ำลายลงคออย่างลำบากใจ หากเข้าไปด้วยจะยิ่งเพิ่มเชื้อไฟโกรธของฎีรดามากขึ้น
“อีเด็กตอแหล! หน้าด้าน!”
ฎีรดาตะโกนด่าแพรวพิรินสุดเสียง ปรี่เข้าไปกระชากหัวเด็กสาวรุ่นน้องรอบสอง ฝ่ามือฟาดลงแก้มชมพูหลายฉาดจนเปลี่ยนเป็นสีแดงจัด
บรรยากาศเริ่มมาคุ ทุกคนในผับหยุดกึกพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย สายตาหลายสิบคู่มองยังจุดเกิดเหตุ
“รดา พอ หยุดเถอะ”
ร่างสูงเข้าไปคว้าตัวภรรยาออกมา
“หยุดเหรอ! เหอะ! ไอ้ผัวเลว! แดกไม่เลือก! ของคุณภาพต่ำยังลดตัวไปเกลือกกลั้ว!”
ความเจ็บแค้นแล่นในอก ฎีรดาไม่ได้โกรธเคืองที่สามีแอบซุกเด็กไว้เพราะนิสัยเจ้าชู้ไก่แจ้นั้นแก้ไม่หายเกินเยียวยา แต่เธอผูกใจเจ็บกับคนที่สามีเลือกมาบำเรอความสุขต่างหาก
จะใครก็ได้แต่ทำไมต้องเป็นแพรวพิริน พินิจสิน หญิงที่ขึ้นชื่อว่าสมบัติสาธารณะของบุรุษเพศ เกราะผู้ชายรวย ๆ หวังสบายทางลัด
ล่าสุดแพรวพิรินพึ่งถูกเพื่อนสาวคนสนิทของฎีรดาไล่ตะเพิดออกมาจากคอนโดเพราะไปยุ่งกับสามีเธอ ไม่คิดเลยวันนี้จะได้ข่าวจากนักสืบที่จ้างวานให้สะกดรอยตามเมธากานต์ว่าเด็กใหม่ของเขาเป็นคนเดียวกันกับหญิงแพศยาที่เธอเกลียดชัง
ดวงตาหวานดุจน้ำผึ้งที่ชายใดสบเข้าต้องสยบทุกรายตวัดมองสาวรุ่นพี่
“มองกูทำไม จะตบเรอะ! มาซี้!”
ฎีรดากระฟัดกระเฟียดพุ่งเข้าใส่แพรวพิริน
คนถูกกระทำอยู่ฝ่ายเดียวลุกพรวด ความอดทนขาดสะบั้น รวบจับมือแม่เสือขี้วีนไว้แน่น ออกแรงขยำเนื้อบอบบางจนเป็นรอยเล็บสีช้ำ
“อีแพรว! มึง! โอ๊ยยย!”
ยิ่งด่าแขนยิ่งถูกบิดให้ผิดรูปจนร้าวระบมถึงบั้นเอว
แพรวพิรินกัดฟันไม่เถียงสักคำแต่จ้องหน้าฎีรดาไม่วางตาแล้วออกแรงกระทำใส่อีกหนัก ๆ
“กรี๊ดดด!!”
“แพรว เรื่องนี้พี่ขอ”
สิ้นเสียงทุ้มเปลวไฟในดวงตาสาวน้อยค่อย ๆ มอดดับ สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนคลายมือที่จิกลงบนเนื้ออีกฝ่าย
เมธากานต์รีบแยกสองสาวออกจากกัน รวบเอวภรรยาไว้แน่น
“อีกะหรี่! ที่บ้านมึงไม่มีใครสั่งสอนเหรอถึงได้ทำตัวเหลวแหลกแบบนี้ ยังเรียนอยู่แท้ ๆ ยางอายน่ะมีไหม พ่อแม่มึงคงภูมิใจมากสินะที่ลูกสาวเอา...มาเร่ขาย หิวเงินนักก็ลาออกมานอนแบให้เค้าเอาเป็นอาชีพเลยซี้ เรียนไปทำไมเพราะสมองไม่ได้ใช้งานอยู่แล้ว ใช้แต่...ช่วงล่างทำมาหาแดก เปลืองค่าเทอมเปล่าๆ คิดไปคิดมาก็เวทนาไอ้คนที่มันซื้อมึงกินนะ รสนิยมต้องต่ำเบอร์ไหนถึงเข้ากันได้ กูละแขยงแทน! อีผู้หญิงโสโครก!”
ฎีรดาด่ากราดไม่ยั้ง ระเบิดลูกใหญ่ทนเก็บมานานถูกจุดในตูมเดียว หันมองค้อนหนัก ๆ ใส่สามีอย่างจะกินเลือดกินเนื้อ
“รดา ไม่รู้อะไรก็อย่าพูดมากนัก แพรว พี่ขอโทษนะ”
เห็นสีหน้าสาวน้อยผู้ทำให้หัวใจเต้นรัวตลอดเวลาที่ได้ใช้ร่วมกันเขาอดห่วงไม่ได้
“แคร์มันทำไม แคร์หัวกบาลตัวเองก่อนไหม แหมม! แตะต้องไม่ได้เลยนะ อีแม่นางฟ้าของไอ้พวกใฝ่ต่ำ!”
เมธากานต์ถอนหายใจแรง เอามืออุดปากภรรยาแล้วลากตัวพาออกไป
แพรวพิรินยืนหน้าชา สักพักสลัดหัวไล่ความคิด นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอต้องปะทะคารมกับบรรดาภรรยาถูกกฎหมายของพวกผู้ชายสายเปย์ซึ่งเข้ามาพัวพันในชีวิต หลายสิบครั้งจนนับไม่ถ้วน แต่ยังไม่ชินเสียที
ทุกครั้งถูกด่าประณามมันสะเทือนถึงปมอดีต หากเลือกเกิดได้เธอจะไม่มาเกิดในร่างเส็งเคร็งนี้แน่นอน ความสวยงามใคร ๆ ต่างหมายปองแท้จริงแล้วเป็นเพียงเกราะกำบังความอ่อนแอข้างในที่เธอปกปิดไว้ลึก ๆ แต่อธิบายไปคงไร้ผลน้อยคนนักที่จะเข้าใจและรับฟังกันจริง ๆ
ขาเรียวก้าวเดินออกจากผับหรู ทำเป็นไม่รับรู้กับหลายสายตาที่มองมาอย่างเคลือบแคลงสงสัย เสียงกระซิบกระซาบถึงประเด็นร้อนเมื่อครู่ลอยเข้าหูเป็นระยะ ทำดีที่สุดเธอก็แค่ฝืนยิ้มเหยียดมุมปากราวกับคนไม่รู้ร้อนรู้หนาวแม้ภายในใจนั้นสมเพชตัวเองเหลือคณา
ตึก ตึก ตึก
เสียงฝีเท้าหนักดังจากทางด้านหลัง มือหนาวางลงบนบ่าเล็ก แพรวพิรินสะดุ้งตื่นจากภวังค์
“วิม..”
หันไปกอดร่างสูงแน่นด้วยความว้าเหว่สุดหัวใจ วงหน้างามซุกไหล่อุ่น
“ไม่เป็นไร ๆ”
สุภาพบุรุษรับหน้าที่ปลอบใจทุกสถานการณ์ลูบหัวเล็ก
“เฮ้ย! แพรว ทำไมหน้าแก..”
เห็นสภาพหน้าเพื่อนแล้วชิราชินตาเบิกโพลง ความโกรธแล่นปราด หมัดใหญ่กำแน่น
“ฉันจะไปเอาเรื่องมัน! ถึงแกจะ.. เอ่อ.. ทำแบบนั้นแต่มันก็ไม่มีสิทธิ์มาทำร้ายร่างกายแกเปล่าวะ โมโหชิบ!”
เพื่อนตายเพียงคนเดียวที่เป็นห่วงเป็นใย นอกจากชิราชินแล้วแพรวพิรินก็ไม่มีใครในชีวิต จะยามสุขหรือยามทุกข์หันมองทีไรก็เจอเงาคุ้นตานี้เสมอ จะว่าไปความรักที่เธอได้รับจากเพื่อนชายคนนี้มันอบอุ่นมากกว่าครอบครัวที่แท้จริงด้วยซ้ำ
“ฉันไม่อยากให้พี่เมลำบากใจ ช่างมันเหอะ”
“แกก็แบบนี้ตลอดอะแพรว เฮ้อ ไหนมาดูดิ เจ็บมากไหมเนี่ย ฉันแม่งสงสารแกจริง ๆ”
จับใบหน้าเพื่อนสาวมาสำรวจดูแล้วทำหน้านิ่วคิ้วขมวด
แพรวพิรินยิ้มขำ
“ยังจะมาขำ ฉันบอกแล้วไม่อยากให้แกทำ มันเปลืองตัว นี่ยังมาเจ็บอีก มันคุ้มไหม ฮึ?”
ชายหนุ่มวัยไล่เลี่ยกันบ่นอุบเป็นคุณพ่อจอมดุ
“ขอบใจที่ห่วง มีแกอยู่ข้าง ๆ ก็ดีมากแล้ว ไม่เป็นไรหรอกเดี๋ยวก็หาย”
“แบบนี้ทู้กที”
“แล้วพี่เม.. เค้าว่าไงบ้าง?”
คำถามจี้ใจคนฟัง แพรวพิรินเสมองถนนที่ว่างเปล่าไม่ต่างจากอนาคตตนเองในตอนนี้ ไม่กี่นาทีก่อนหน้าระหว่างยืนรอชิราชินเมธากานต์ส่งข้อความหาเธอยาวเหยียด อ่านแล้วพาใจหวิว แต่เธอเตรียมใจไว้อยู่แล้ว จะกี่ครั้งต่อกี่ครั้งมันก็จบแบบนี้เสมอ เธอเป็นใคร ภรรยาเขาเป็นใคร จะให้มาเลือกหญิงงามเมืองอย่างนี้คงเป็นไปได้ยาก สถานะตัวเองไม่สามารถสนับสนุนให้เขาก้าวหน้าหรือเป็นความภูมิใจได้ มีแต่พึ่งพาเป็นภาระอยู่ร่ำไป ใครจะอยากร่วมชีวิต จริงตามคำด่าทอของฎีรดาทุกประการ
เพื่อทำให้ประสบการณ์การใช้เว็บของคุณดียิ่งขึ้น และเลือกเนื้อหาที่เหมาะสมกับคุณอย่างได้อย่างส่วนตัว ท่านสามารถอ่านนโยบายคุกกี้เพิ่มเติมได้ที่นี่
กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว