โค้งสุดท้ายร้ายก็รัก-4

โดย  มัสยา บุรินทร์

โค้งสุดท้ายร้ายก็รัก

4

“ในที่สุดแกก็มา”

“ในที่สุดแกก็มา” เพื่อนรักกอดกันเมื่อได้เจอกัน คำพูดที่เหมือนกันสื่อความหมายที่ต่างก็เข้าใจกันเป็นอย่างดี สำหรับวิลแล้วคือการมาปรากฎตัวของเอกรินทร์ที่นี่ แต่สำหรับเอกรินทร์แล้วนั่นคือวิลยอมเดินทางมาเมืองไทยในที่สุด หลังจากที่รู้จักกันมาเป็นสิบๆปีที่เอกรินทร์ชวนเขากลับมาเที่ยวตลอด แต่วิลก็บ่ายเบี่ยงทุกครั้ง

“ฉันมีของติดไม้ติดมือมาฝากแกด้วยนะโว้ย” เอกรินทร์พูดอย่างเป็นนัย แต่วิลไม่เข้าใจ แต่เมื่อมองผ่านเพื่อนไปวิลถึงกลับกลอกตา มันก็ดีอยู่หรอกว่าหนุ่มโสดมาพักผ่อนก็ต้องมีสุราเคล้านารี แต่เขามีนารีอยู่แล้วนะสิ...

“ไม่เอา”

“เอ้า! ทำไมละนี่ฉันอุตส่าห์เสียเวลาไปคัดสรรด้วยตัวเองมาเพื่อแกเลยนะ”

“แกก็รู้ว่าฉันไม่นิยมควบสอง”

“เฮ้ย! อีกคนของฉัน”

“ไม่ใช่! ฉันหมายความว่าของฉันนอนอยู่ข้างบนโน้น!”

“เอ้ย! แกไปได้มาจากไหนว๊ะ แกพึ่งขึ้นมาจากเรือเมื่อคืนเองนะ”

“ก็คนนั้นแหละ”

“เฮ้ย!…”

“แกหยุดตกใจสักที” วิลบอกอย่างหมดความอดทนในที่สุด และก่อนเดินกลับเข้าบ้าน เขาบอกให้เอกรินทร์ไปจัดการของติดไม้ติดมือเอาเอง

“ทำแบบนี้น่าสงสารเด็กมันนะ” เอกรินทร์ร้องบอกสายตาเหล่ไปมองของดีที่เขาจ่ายมาไม่น้อย

“งั้นแกก็เอาไปทั้งคู่”

“เหนื่อยตายชัก”

“เรื่องของแก...รำคาญ เตือนไว้ก่อนนะว่าฉันไม่เอา อย่าได้เข้ามายุ่งวุ่นวายกับฉันเด็ดขาด” เอกรินทร์มองตามแผ่นหลังเพื่อนด้วยแววตาฉงนสงสัยเป็นที่สุด เพราะไม่เคยเห็นเพื่อนเป็นแบบนี้มาก่อน ผู้หญิงข้างบนเป็นยังไงกันนะ ชักอยากเห็นแล้ว อยากมากด้วย ผู้หญิงคนนั้นต้องไม่ธรรมดาแน่ๆ ที่ทำให้เพื่อนปฎิเสธหญิงงามตรงหน้าได้

“ทำอะไรของแกว๊ะ”

“ข้าวต้มกุ้ง” วิลตอบกลับแบบปกติ “เผื่อแกด้วย แล้วตกลงเป็นไง”

“ของติดไม้ติอมือใช่มั้ยที่แกหมายถึง”

“เออ” เอกรินทร์ยิ้มแต่ก็ต้องหุบยิ้ม “ฉันไม่ได้เปลี่ยนใจ แค่อยากรู้ว่าข้าวต้มกุ้งมันจะหมดมั้ยเพราะนับพวกเธอไว้ด้วย”

“แกรู้อยู่แล้วนี่หว่า” เอกรินทร์เซ็งกับคนที่รู้ทันเขา ทุกอย่างบนโลกใบนี้นอกจากพ่อและแม่แล้วก็คงจะเป็นเจ้าหมอเนี่ยแหละที่รู้จักเขาดียิ่งกว่าตัวเขารู้จักตัวเองเสียอีก ก็อย่างว่าแหละนะก็เรียกได้ว่าโตมาด้วยกันนี่น่า “เออ ว่าแต่เธอเป็นใครว๊ะ ฉันสนใจเรื่องราวคนที่นอนอยู่ตอนนี้ว๊ะ”

“ก็คนนั้นแหละ”

“คนนั้นหมายถึง คนที่แกอาจจะมีบ้านใหม่เนี่ยนะ เฮ้ย! นี่นอนคุยกันได้แล้วเหรอ”

“ก็ไม่ถึงขนาดนั้น” วิลก้มมองผลงานในหม้อและตักใส่ถ้วยเล็กๆ ส่งให้เอกรินทร์

“เค็มอีกนิด” เอกรินทร์ร้องบอกเมื่อได้ชิมข้าวต้มฝีมือเพื่อน วิลจึงใส่น้ำปลาไปอีกนิดหน่อยก็เป็นอันเสร็จ วิลกับเอกรินทร์จึงนั่งกินไปคุยไปตามปกติ ซึ่งส่วนใหญ่ก็เป็นเรื่องงาน แต่ก็ไม่ซีเรียสจนเกินงาม เพราะทั้งสองตระหนักดีว่ามาพักผ่อน “ว่าแต่แกแน่ใจนะว่าเธอจะไม่มาสร้างปัญหา” เอกรินทร์ยังไม่วายที่จะห่วงเพื่อน

“ไม่แน่ใจอะไรสักอย่าง...” กรี๊ดดดดด แต่การสนทนาก็หยุดชะงัก เมื่อเสียงกรีดร้องดังมากจากหน้าบ้าน ซึ่งพวกเขาคาดเดาตรงกันว่าเป็นของสองสาว ตึกตึกตึก เสียงฝีเท้าทั้งสองคู่วิ่งออกไปทันที พวกเธอชี้นิ้วไปที่ระเบียง วิลเบิกตากว้างอย่างตกใจและรีบวิ่งไปทันที

กรี๊ดดดดดด เสียงกรีดร้องดังลั่นของสองสาว เมื่อเห็นผู้หญิงร่างบางเหมือนจะล่วงจากที่เกาะเกี่ยว อึ้บ! ตุบบบบบ วิลล้มลงพร้อมกับในอ้อมแขนที่มีร่างบางไว้ทันอย่างเฉียดฉิว เธอไม่ได้ล่วงมาจากชั้นสองเสียทีเดียว แต่เธอล่วงมาจากขอบระเบียงด้านล่างความสูงก็ไม่มากแต่ถ้าเขารับเธอไว้ไม่ทันเธอก็ต้องถลอกเปาะเปิกแน่ๆ

เฮ้ยยยย เอกรินทร์ถอนหายใจอย่างโล่งอก เขาพอจะเดาออกว่าเธอมาจากไหน มองสองร่างที่ยังนอนนิ่งบนพื้นหญ้าข้างบ้าน ธมนหลับตาปี๋ในตอนแรก ตอนที่เธอก้าวพลาดซึ่งถ้าไม่ใช่แม่สองนางนั้น เธอก็คงไม่เป็นแบบนี้แน่ๆ ร้องขนาดนั้นใครจะไม่ตกใจ

“เมื่อคืนฉันจัดหนักเกินไปหรือน้อยไป เธอถึงแยกไม่ออกว่าคนปกติเขาเข้าออกกันทางประตู” วิลเอ่ยอย่างใจเย็น ใช่ๆตอนนี้เขาต้องระงับอารมณ์ไว้ ทั้งๆที่เขาอยากจับเธอมัดมือมัดเท้าและฟาดด้วยไม้เรียวให้ตัวเองหายโมโห และกำจัดความโง่และงี่เง่าในตัวเธอออกไปให้หมดด้วยไม้เรียว

“ที่ถามเนี่ย...ถามจริงว่าไม่รู้จริงๆ เหรอ” วิลหลี่ตามองโดยที่ทั้งสองไม่รู้ตัวเลยว่ากำลังนอนคุยกันบนพื้นหญ้าหน้าบ้าน ที่มีผู้ชมถึงสามคนที่มองมาอย่างไม่ละสายตา

“ฉันกินข้าวต้มอิ่มแล้วของหวานก็น่าจะเป็นเธอนะ” ธมนหน้าแดงก่ำและพยายามที่จะลุกขึ้นเมื่อเริ่มได้สติ แต่ก็ทำไม่ได้เมื่อวิลรัดวงแขนแน่น ควับ! และสิ่งเหนือการคาดหมายของธมนและอีกสามคน วิลพลิกตัวขึ้นคร่อมธมนและบดขยี้ริมฝีปากเธอต่อหน้าธารกำนัล

เอกรินทร์เหมือนจะได้สติก่อนใคร เขาจึงลากของติดไม้ติดมือทั้งสองเข้าบ้านไปอย่างรวดเร็ว แม้จะอยากดูต่อแต่ก็ต้องปกป้องเพื่อน...ว่าแต่ปกป้องเรื่องอะไรตอนนี้สมองเขาคิดไม่ออก แต่จะว่าไปเป็นบุญตาจริงๆ ที่เห็นคนถือองค์อย่างเพื่อนจะทำอะไรแบบนี้

อื้มมมม... ธมนเจ็บจนทนต่อไปไม่ไหว เขาตั้งใจให้เธอเจ็บแน่ๆ “ฉันเจ็บ”

“เจ็บแล้วจำให้ได้ด้วย ถ้าต่อไปฉันเห็นเธอทำอะไรแบบนี้อีกละก็...บอกเลยว่าความเจ็บที่ได้ไปเป็นระดับน้ำจิ้มไปเลย” ธมนน้ำตาไหลออกมาทันที ตั้งแต่เล็กจนโตเธอไม่เคยรู้สึกเลยว่าตัวเองจะดูเป็นคนที่ทำอะไรไปก็ผิดไปหมดในทุกๆ อย่างแบบนี้มาก่อน ถ้าจะว่ากันไปแล้วเธอก็คิดไม่ผิดนะเพราะเธอคงผิดจริงๆ ผิดตั้งแต่ที่ลงเรือบ้าลำนั้นแล้ว มันก็ไม่ต่างกับการเดินหลงทางเลือกประตูผิดเลือกเส้นทางผิดตั้งแต่ตอนแรก ซึ่งมันก็ไม่มีทางกลับมาถูกอยู่แล้ว

ควับ! วิลลุกขึ้นและยืนเต็มความสูง แต่เธอก็ยังไม่ยอมลุกขึ้นตามมา ในทางตรงข้ามเธอกลับนอนคุดคู้ตัวโยนตามแรงสะอื้น วิลกลอกตาก่อนที่จะทรุดเข่าโน้มตัวลงมา แต่เมื่อจะเอื้อมมือไปหวังปลอบโยน เขาก็ถูกปัดความเอื้ออาทรนั้นไปอย่างไม่ใยดี

โอ้ย! ธมนร้องเสียงหลงเมื่อถูกเขากระชากแขนให้ลุกขึ้นมาอย่างเร็ว “เข้าไปร้องไห้ต่อข้างใน” วิลพูดพร้อมกับฉุดกระชากกึ่งลากแต่ก็ไม่แรงมาก พอเข้ามาในบ้านเขาก็โอบไหล่เธอให้แนบสนิทชิดกายเขามากขึ้น เพราะตอนนี้ในบ้านไม่ได้มีแค่พวกเขาสองคนแล้วนั้นเอง แต่วิลก็เดินขึ้นชั้นสองไปพร้อมกึ่งบังคับร่างบาง เพื่อพากลับเข้าห้องนอนไม่มองไปยังโต๊ะอาหารที่มีคนสามคนนั่งอยู่ ธมนใช่ว่าจะไม่เห็นคนอื่น แต่เห็นแล้วก็ไม่รู้ว่าจะมีประโยชน์อะไรกับเธอ พวกนั้นก็พวกเดียวกันกับเขา

โอ้ย! “นี่ฉันไม่ใช่ลูกหนี้คุณนะ”

“คิดอะไรอยู่ไม่ทราบ และก็ถูกของเธอ เพราะคนอย่างฉันไม่มีทางมีลูกหนี้”

“คุณไม่มีสิทธิ์์มากักขังฉันไว้แบบนี้”

“ฉันไปกักขังเธอตั้งแต่เมื่อไหร่...ประตูฉันก็ไม่ได้ล็อค โซ่สักเส้นมีมั้ย และข้อมือเธอมีอะไรพันไว้มั้ย” ธมนนิ่งเงียบไปเลยเพราะสิ่งที่เขาพูดมาถูกทุกอย่าง สิ่งเดียวที่กักขังเธอไว้คือร่างกายเขา

“เอ่อ...” ธมนเกิดอาการพูดไม่ออก ไม่ต้องเขาหรอก เธอเองยังรู้สึกว่าตัวเองงี่เง่าขึ้นมาทันที “งั้นไปอาบน้ำก่อนนะ” ธมนหันหลังให้เขาเพื่อจะวิ่งเข้าห้องน้ำ แต่...ควับ! ก็ถูกเขาคว้าแขนรั้งไว้

“อาบด้วยกัน” ควับ! ธมนหันกลับมามองเขาตั้งแต่หัวจรดเท้าสองสามรอบ ดูยังไงเขาก็อาบแล้วนะ “นอนคลุกหญ้ามาเมื่อกี้” เขาพูดเสียงราบเรียบตอบข้อสงสัยทางสายตาของเธอได้อย่างเหลือเชื่อ แต่เมื่อเขาดุนดันผลักเธอเข้าห้องน้ำไปพร้อมกับเขา ธมนก็พร้อมจะกรีดร้อง แต่ก็ช้ากว่าเขาที่เอามือปิดปากเธอไว้อย่างรู้อนาคต หมับ! แล้วมีหรือว่าวิลจะแค่อาบน้ำอย่างเดียวเขาใช้เวลากับร่างกายเธอในห้องน้ำอยู่สองชั่วโมงกว่าจะยอมปล่อยเธอออกมาแต่งตัว แต่ธมนไม่มีเสื้อผ้าของตัวเองเลยสักชิ้นจึงต้องพึ่งพาเสื้อผ้าเขาอีกครั้งต่ออีกครั้ง

แต่เมื่อแต่งตัวเสร็จแล้วธมนไม่ยอมออกจากห้องนอน ซึ่งครั้งนี้วิลไม่อยากบังคับเธอมากนัก เขาจึงยอมที่จะออกมาหาอะไรให้เธอทาน “ออกไปข้างนอกด้วยกันมั้ยว๊ะ” เอกรินทร์เดินเข้ามาถามเพื่อนที่กำลังตักข้าวต้มกุ้งใส่ถ้วย ที่วางอยู่บนถาดที่มีแก้วน้ำอยู่แล้วหนึ่งแก้วไม่บอกก็รู้ว่าเป็นของสุภาพสตรีในห้อง

“วันนี้คงไม่...เอ่อ แกช่วยให้สองสาวนั้นช่วยเลือกเสื้อผ้าผู้หญิงมาให้ฉันสักสามสี่ชุดเอามาให้ครบเลย”

“ของเธอคนข้างใน” วิลพยักหน้า เอกรินทร์ตอบรับอย่างเข้าใจ และไม่ถามรายละเอียดอย่างอื่นเลยตามวิสัยของเพื่อนที่สนิทและเข้าใจกัน แต่... “แล้วถ้าสองสาวถาม ฉันควรตอบว่าไง” วิลรู้ว่าเพื่อนกำลังกวนและแหย่เล่น

“บอกไปว่าฉันมันพวกซาดิสต์”

“ร้ายกาจ” เมื่อพูดคุยแซวกันหอมปากหอมคอแล้วสองเพื่อนก็แยกย้ายกัน

รีวิวจากผู้อ่าน

กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว