เชลยอสูร-ปฐมบทวิริสรา 50%

โดย  มีนามารี รตีคีตา วลีมันตรา

เชลยอสูร

ปฐมบทวิริสรา 50%

ปฐมบทวิริสรา

วิริสรานางเอลฟ์รุ่นเยาว์จากดินแดนบูรพาภพที่มีอายุได้เพียงสิบแปดปีแอบมุดเข้าไปแอบในกองเกวียนของพ่อเฒ่า ที่นำสินค้าบางอย่างไปส่งให้เผ่าเอลฟ์ในดินแดนประจิมภพที่เป็นพันธมิตรกัน

สถานที่นัดหมายคือชายป่าทิศเหนืออีกฟากของสีทันดรที่มีสะพานแก้วมนตราเชื่อมข้ามช่องแคบแบ่งทวีปเอาไว้ เป็นเส้นทางลับที่เอลฟ์สองเผ่าพันธุ์ร่วมกันตรามนต์เอาไว้ ไม่มีผู้ใดมองเห็นเส้นทางนี้ได้นอกจากพวกเอลฟ์

สะพานจะสลายไปเมื่อยามเอฟล์สองฝั่งหยุดบริกรรมมนต์ร่วมกัน

เอลฟ์สาวแรกรุ่นแสนซนอยากเห็นอีกดินแดนจากโพ้นทะเลมากมายนัก ได้แต่มันผ่านหมอกหนาบนยอดเขาสุดเขตดินแดนทวีปเห็นเป็นดินแดนเขียวชอุ่มด้วยพันธุ์ไม้แปลกตาผิดกับดินแดนฟากนี้ ล้วนแต่เป็นดินอดนทีเป็นแก้วผลึกทั้งดอกไม้พืชพันธุ์เป็นแก้วใสเปล่งประกายพรายรุ้งแต่ไร้สีสันจัดจ้านเช่นดินแดนอีกฝั่ง

นางเอลฟ์น้อยแย้มริมฝีปากยิ้มอย่างน่ารัก ดวงเนตรสีพรายรุ้งแววประกายภายในโกดังบนเกวียนมองหาที่ซ่อนตัวเหมาะ ๆ

มีหีบแกะสลักใบโตวางอยู่มุมหนึ่ง ลายแกะสลักหนาทึบเหมาะกับการซ่อนตัว ไว้รอเกวียนเริ่มออกเดินทางค่อยลอบออกมานั่งข้างนอก ชมวิวผ่านรูรับแสงของเกวียนให้สบายใจ

พอถึงทวีปอีกฟากฝั่ง บรรดาเอลฟ์ผู้คุมกองเกวียนก็คงจะเข้ามาขนของออกไป ถึงตอนนั้นวิริสราจะแสดงตัวว่าแอบเข้ามาเที่ยวเล่น ท่านอาเหล่านั้นคงไม่ใจร้ายนัก อย่างน้อยตอนกลับถึงบ้านก็คงแค่ถูกดุว่า หรือขังในห้องสักสามวัน

วิริสราเปิดหีบออก ภายในมีพับแพรพรรณทิพย์ทอจากขนตัวเออร์นี่ เป็นสัตว์ที่ให้ขนมาทอแพรพรรณสูงค่านี้ เบา บาง อบอุ่นในยามหนาว เย็นสบายในยามร้อน ถือเป็นของล้ำค่าอย่างหนึ่งของแดนดิน

ร่างอรชรก้าวเข้าไปในหีบปิดฝา ซุกซ่อนตัวนอนลงบนกองแพรพรรณนุ่มสบาย “อื๊อ สบายจัง ทำไมขบวนยังไม่เดินทางอีก...งีบนิดแล้วกัน”

ตากลมโตงดงามหลับพริ้มเพราทาบขนตายาวสีทองประกายกับแก้มขาวราวหิมะเรื่อ ด้วยสีชมพูอ่อนสวยเหมือนกุหลาบแก้วยามต้องแสงอาทิตย์ยามอุษา

ครืด คราด กึก กึก กัก กัก

ขบวนเกวียนเริ่มออกเดินทาง วิริสรานอนในหีบที่มีพับขนเออร์นี่รองรับร่างจนหนานุ่มสบาย แรงโยกไกวเป็นแปลเห่กล่อมให้เอลฟ์สาวรุ่นเยาว์สุดแสนซุกซนให้หลับลึกขึ้น ลึกขึ้น จนลืมตื่นมาดูว่ายามข้ามสะพานแก้วมนตราเหนือสีทันดรแบ่งสองคาบสมุทรจะตื่นตาเยี่ยงไร

เนิ่นนานเท่าไหร่หาได้ทราบไม่ เกวียนหยุดโยกเอียดอาดแล้ว สรรพสำเนียงเสียงกรีดร้องอย่างเจ็บปวดบวกกับเสียงโลหะกระทบกันปลุกให้วิริสราตื่นขึ้น

อ๊ากกกกกก......เคล้ง เคล้ง ฉึก เควี้ยววว

“เกิดอะไรขึ้น” เอลฟ์สาวแรกรุ่นสำเหนียกถึงลางหายนะอันตรายและกลิ่นเลือดของเผ่าพันธุ์เดียวกันคละคลุ้ง

ร่างบางเปิดหีบออก ในเกวียนนั้นเล่ามืดสนิทเป็นเงาตะคุ่ม เธอปีนออกจากหีบแล้วมองผ่านหน้าต่างเล็ก ๆ ของเกวียนที่ทำเป็นบานซี่เลื่อนด้วยลายฉลักฉลุถี่ยิบ

ท่านอาทั้งหลาย หรือเอลฟ์บุรุษเพศวัยฉกรรจ์อายุตั้งแต่ ร้อยปีถึงสามร้อยปี จำนวนสามสิบสี่สิบกว่าตนกำลังพยายามต่อสู้กับศัตรูลึกลับตัวใหญ่กว่าถึงสองเท่า พวกมันมากันเป็นกองร้อย รูปร่างเหมือนยักษ์สวมชุดเกราะเต็มยศ ผิวหนังเป็นสีเขียวร่างกายปูดโป่งด้วยกล้ามเนื้อใหญ่น่ากลัว

พวกมันไว้ผมกระเซอะกระเซิง บนตัวหัวล้านเลี่ยน บางตนปล่อยผมสยาย บางตนก็ถักเป็นเปียหยาบ ๆ มือหนาใหญ่ยักษ์ถืออาวุธต่าง ๆ กันไปทั้งดาบ หอก ค้อน ลูกตุ้ม เข้าโรมรันกับท่านอาทั้งหลายผู้เป็นเอลฟ์ชนชั้นนักรบ

เมื่อเห็นท่าไม่ดี ท่านอาพากันล่าถอยโดยทิ้งกองเกวียนสมบัติเอาไว้

“ไม่นะ ไม่ ทำยังไงดี ท่านอาทั้งหลาย ข้ายังติดค้างอยู่ในนี้” วิริสราแตกตื่นลนลานอยู่ภายในเกวียน พวกท่านอานักรบพากันล่าแถวไปอย่างรวดเร็วปราดเปรียวโดยมีพวกตัวเขียวประหลาดยักษ์ไล่ตามไปจนแผ่นดินเกิดผงคลีคลุ้ง

รีวิวจากผู้อ่าน

กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว