บทนำ
หากรักคือทางแห่งฝัน ทุกวันใจฝันใฝ่หา
ก้าวเดินบนเส้นทางกามา วันข้างหน้าพาให้ใจหวั่นไหว
ใจนั้นมีหนึ่งเดียว ยังเทียวหามาเป็นสอง
หากใจมีสองใจครอบครอง สองใจใครคิดคิดว่าดี
หนึ่งใจพาให้ผูกพัน อีกหนึ่งนั้นพาให้ฉันคลายเหงา
โอหัวใจเรา เศร้าปนน้ำตา
(เครดิตเพลง ขุนแผน พิมพิลาไลย โดยศิลปินมาลีฮวนน่า)
ชายทุ่งบ้านดงเศรษฐี ใต้ต้นตาลสูงใหญ่ทะมึน มีแคร่ไม้วางอยู่สำหรับเป็นที่พักเหนื่อยยามขึ้นจากนา พิมทองสาวงามของบ้าน นั่งชะเง้อคอรอคอยใครบางคนใจจดใจจ่อ
“แม่พิมจ๋า”
“อุ๊ย! พี่ทัพ” พิมทองสะดุ้ง ผุดลุกจากแคร่ไม้ หันไปมองชายที่บุกรุกความเป็นส่วนตัวด้วยความกริ่งเกรงที่ตนเองก็บอกไม่ถูก ว่าทำไมถึงต้องรู้สึกเช่นนั้นด้วย
“ไม่ได้เจอกันนาน คิดถึง” น้ำเสียงนุ่มทอดอ่อน ขัดกับใบหน้าดุ คร้ามคม โครงหน้าเหี้ยมราวกับโจร แต่ละมุนละไม อ่อนโยน ยามจ้องมองหญิงสาวที่หมายปองหลงรัก ไอ้ทัพจ้องมองดวงหน้างดงามแน่วนิ่งอย่างไม่เกรงใจ
ความนัยที่อีกฝ่ายตั้งใจสื่อให้รู้ หาใช่ความคิดถึงธรรมดาเฉกเช่นคนรู้จักกัน ทำให้พิมทองใจเต้น รู้สึกขลาดกลัวระคนอึดอัดขณะยกมือไหว้ทักทาย
“ฉันไหว้จ้ะพี่ พี่ทัพมีธุระแถวนี้หรือจ๊ะ”
“พี่เพิ่งกลับจากหัวเมือง มีของฝากมาให้แม่พิมด้วย”
“ฉันรับไว้ไม่ได้ดอกจ้ะ” พิมทองส่ายหน้า รู้จุดประสงค์นั้นจึงปฏิเสธ
“รับไว้เถิด อย่าให้พี่เสียน้ำใจ มีของแม่น้าและสไบทองด้วย ฝากบอกว่าพี่ค่อยไปเยี่ยมวันหลัง”
“อุ๊ย!”
ไอ้ทัพดึงมือนุ่มมากุมไว้ ฉวยโอกาสที่หญิงสาวตกตะลึง นวดที่อุ้งมือเบาๆ ก่อนจะยกขึ้นจูบ แล้วยัดเยียดของฝากให้
พิมทองตัวแข็งทื่อ ดวงตากลมโตเบิกกว้าง ใบหน้าแดงก่ำ ทั้งโกรธและอับอาย ไม่คิดว่าไอ้ทัพจะไร้ความยำเกรง กระทำการล่วงเกินเธอเช่นนี้
“ฉันกลับล่ะ หายมานาน เกรงแม่จะเป็นห่วง” หญิงสาวได้สติ กระชากมือกลับด้วยความไม่พอใจ
พิมทองหันหลังเดินกลับเรือนด้วยใจที่เต้นระทึก หวาดกลัว แล้วก็ชะงัก เมื่อเสียงของไอ้ทัพดังขึ้นด้านหลังราวกับเขาเดินตามมา หญิงสาวแทบไม่กล้าหายใจ กลัวจะโดนล่วงเกินเอาอีก
“ไอ้แผนไปราชการอีกหลายวันกว่าจะกลับ มันฝากพี่ให้มาบอกแม่พิมเช่นกันว่าคิดถึง” ไอ้ทัพพูดกับแผ่นหลังบอบบาง ลำคอระหงตั้งตรงนั้นไม่ได้หันกลับมามองสักนิด แต่ไอ้หนุ่มไม่ถือสา
โกรธ... คือความรู้สึกรุนแรงที่แผ่ออกมาจากร่างเล็กขณะก้าวเท้าเร็วๆ จากไป ไม่โกรธก็แปลกไปล่ะ หึๆๆ ไอ้ทัพมองมือตนเองที่มีโอกาสได้จับมือนุ่ม เขายกขึ้นดมด้วยสีหน้าชื่นมื่นราวกับว่ามีกลิ่นของเธอติดอยู่
แม่พิมจ๋า อกพี่แทบแตกเมื่อต้องรอคอยวันแล้ววันเล่า รอคอยที่จะสู่สมภิรมย์รัก เห็นทีพี่จะนิ่งเฉยต่อไปอีกไม่ได้แล้ว
พิมทองเอามือกุมหน้าอกที่เต้นระรัวจนรู้สึกเจ็บ ขณะเดินแกมวิ่งหนีกลับเรือน คิดไปเองว่าเสียงหัวเราะนั้นดังไล่หลังตามมาติดๆ
“วิ่งหนีอะไรมาพี่พิม”
“อุ๊ย!”
“เอ๊ะ ฉันพูดแค่นี้ทำไมต้องสะดุ้ง ว่าไงล่ะ วิ่งหนีอะไรมา”
“เป็นเด็ก อย่ายุ่งเรื่องผู้ใหญ่”
“เรื่องผู้ใหญ่ของพี่คงเป็นเรื่องพี่ทัพ พี่ทัพมาเยือนใช่หรือไม่”
“เอ๊ะ! สไบทอง จะรู้มากเกินเด็กไปแล้วนะ” พิมทองขึ้นเสียงใส่น้องสาวด้วยความหงุดหงิด
“พี่อย่าทำเป็นแม่หน่อยเลย เราห่างกันแค่สองปี ฉันแค่เกิดหลัง ก็เลยกลายเป็นเด็กของพี่กับแม่ ไม่ยุติธรรมสักนิด” เด็กสาวทำปากยื่นหน้างอ
“เข้าใจแล้วก็อย่าพูดมาก”
“พี่อารมณ์เสีย โดนพี่ทัพเกี้ยวมาอีกล่ะสิ”
“นังสไบ”
“เอาล่ะๆ ไม่ล้อก็ได้ ไปเข้าครัวกันเถอะ”
“ไม่ต้อง พี่ทำคนเดียวได้ จะไปไหนก็ไปเถอะ”
“ไม่เอาหรอก ไม่อยากฟังแม่บ่น”
“พี่เตือนไว้ก่อนนะ เอ็งห้ามพูดมาก”
“จ้า”
พิมทองเหม่อลอย ใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว รู้สึกไม่สบายใจอย่างบอกไม่ถูกตั้งแต่ได้เห็นหน้าไอ้ทัพมาเยือนที่บ้านดงเศรษฐี
“เป็นอะไรของเอ็งวะนังพิม”
“ใช่ พี่พิมเป็นอะไร ตักข้าวเข้าปากก็ถอนใจเฮือกๆ กินเหมือนแมวดม เอาแต่นั่งเหม่อลอย”
“เปล่าจ้ะเปล่า” พิมทองก้มหน้าก้มตาตักข้าวเข้าปาก
“คิดถึงพี่แผนล่ะสิ ชิ... ป่านนี้นอนกอดสาวบ้านไหนอยู่ก็ไม่รู้ นะแม่นะ” สไบทองหาลูกคู่ร่วมผสมโรง
“แม่สไบ เวลากินข้าวเขาให้พูดมากหรือไร ลูกสาวบ้านนี้แม่สอนไม่รู้จักจำ”
“นิดเดียวเองแม่” สไบทองโดนปรามด้วยสายตาและวาจา จำต้องเงียบเสียง
“กินข้าวเสร็จคุยกับแม่ก่อนนะแม่พิม”
“จ้ะแม่”
สไบทองเงี่ยหูฟังแม่กับพี่สาวคุยกันเบาๆ แล้วรีบกินข้าว เพราะอยากรู้ว่าแม่จะพูดเรื่องไอ้แผนหรือเปล่า ชิ... ผู้ชายเจ้าชู้
สไบทองพอกแป้งหน้าขาว กลิ่นหอมน้ำอบน้ำปรุงลอยฟุ้งไปทั่วเรือน เด็กสาวคาดผ้าแถบผืนเดียวไม่ต่างจากพี่สาว ขณะนอนเอ้เต หนุนตักแม่ไม่ยอมห่าง
“นังนี่ ไปนอนไป๊”
“ไม่จ้ะ ฉันจะนอนพร้อมแม่”
นางสีไพลถอนหายใจ ยอมแพ้บุตรสาวคนเล็ก
“แม่มีอะไรจะพูดกับฉันหรือจ๊ะ”
“เรื่องพ่อทัพ”
“ฉันยืนยันคำเดิมจ้ะแม่”
“ไม่คิดอีกทีหรือลูก นะ... คิดอีกหน่อย”
“แม่ก็รู้ว่าฉันมีคนรักแล้ว”
“หลับหูหลับตารักเข้าไปเถอะ ผู้ชายเจ้าชู้อย่างพี่แผน”
“ทำไมเอ็งชอบกล่าวหาพี่แผนนัก ฮึ... นังสไบ”
“ฉันพูดเรื่องจริง ไม่ได้กล่าวหา ใครๆ ก็รู้กันทั้งนั้น มีแต่พี่หลับหูหลับตารัก หลงรูปพี่แผน พี่ทัพเสียอีกแสนดี พี่กลับไม่แยแส”
“แม่สไบ เอ็งเป็นน้องนะ ให้มันน้อยๆ หน่อย”
“ฉันพูดเรื่องจริงนี่จ๊ะแม่”
นางสีไพลพูดน้อยกว่าสไบทองผู้เป็นบุตรสาวเสียด้วยซ้ำ แค่เตือนสติสั้นๆ เหมือนกับทุกครั้งว่า
ออกเรือนไปแล้ว ถ้าไม่เป็นดั่งใจหมาย มันจะหน้าชื่นอกตรมนะลูก เราเป็นหญิง จะต่อกรกับผู้ชายที่ได้ชื่อว่าผัวนั้นไม่ได้หรอก ก่อนจะออกเรือนไปคิดให้ดีๆ ไตร่ตรองให้รอบคอบ อย่าให้ความรักปิดหูปิดตาจนหลงผิด
“จริงเท็จอย่างไรก็ไม่สมควร เอ็งเป็นน้อง ไม่สมควรพูดจาก้าวร้าวกับพี่ มันไม่งาม”
“ฉันสงสารพี่ทัพนี่จ๊ะแม่ เสียดายพี่พิมด้วย ไม่น่าตกไปเป็นของผู้ชายหลายใจพรรค์อย่างนั้น”
“เอ๊ะ นังนี่ ที่แม่พูดไม่ฟังรึไง ใช่เรื่องของเด็กอย่างเอ็งหรือไม่”
“ฉันโตเป็นสาวแล้วนะแม่ ห่างกับพี่พิมแค่สองปีเอง”
“ตรงไหนที่ว่าโตเป็นสาว แม่ไม่เห็นสักนิด ทโมนก็เท่านั้น ไม่งามนอกงามในเหมือนแม่พิม”
“ตรงไหนแม่ ฉันรึออกจะเรียบร้อย”
“แต่ละวันเอ็งแอบไปทำอะไรมาบ้าง คิดว่าแม่ไม่รู้รึ”
“ก็...” สไบทองจนถ้อยคำจะเถียง
“แม่พิมไปนอนเถอะ พรุ่งนี้แม่จะบอกพ่อทัพให้ ว่าเอ็งยังยืนยันคำเดิม”
“จ้ะแม่”
สไบทองลุกขึ้นนั่ง จะตามพี่สาวไปก็ต้องชะงัก
“เดี๋ยว แม่สไบ”