แรงอธิษฐานนำเธอย้อนสู่อดีต
หากคำสัตย์สาบานของเขารั้งมิให้เธอจาก
เรื่องนี้เคยเขียนไว้เมื่อปี 2559 นะคะขอบคุณสำหรับทุกคำแนะนำติชมค่ะ เรื่องนี้มีจำหน่ายในรูปแบบ E-book เพียงอย่างเดียว ต้องขอโทษด้วยที่ไม่สะดวกพิมพ์จำหน่ายค่ะ แต่ถ้าสำนักพิมพ์ติดต่อมาก็ยินดีนะคะ (ฝันๆๆๆ5555)
กราบขอบพระคุณที่เมตตา รักคุณหลวงสุรเดช คุณหลวงดำรง แม่ขวัญ และคุณหนูวรรณสิรินะคะ
ผู้เขียนเองก็รักและภูมิใจในนิยายเรื่องนี้มาก เพราะเป็นเรื่องที่เขียนยากหนักหนาสาหัสพอดู (แต่เราก็ยังอยากจะเขียนเรื่อยๆ สัญญาว่าจะพยายามให้หนักขึ้นค่ะ ^^)
ปล.เหตุการณ์ทั้งหมดในนิยายเป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นจากจินตนาการของผู้เขียนเท่านั้น อาจมีบางส่วนของเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์จริง เช่น การสร้างโรงเรียนแห่งแรกที่พิษณุโลก หากมีข้อแนะนำทักท้วงเพิ่มเติมสามารถคอมเม้นท์แจ้งได้นะคะ ยินดีที่จะแก้ไขให้ถูกต้องตามความเป็นจริงที่สุดค่ะ ^^
ปล.2 ข้อมูลใดที่เป็นข้อมูลจริงในประวัติศาสตร์ นักเขียนจะโน้ตหนังสืออ้างอิงไว้นะคะ เผื่อใครสนใจอยากศึกษาเพิ่มเติมจะได้ไปตามหาหนังสืออ่านกันได้ ^^
ขอบคุณอีกครั้งสำหรับการติดตามนะคะ...รักคนอ่านเสมอ
ด้วยรัก #ประดับยศ
๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐
แนะนำตัวละคร
นายพันตำรวจตรีหลวงสุรเดชพิทักษ์ชน
รับราชการตำรวจ “กรมกองตระเวนหัวเมือง” ซึ่งต่อมารัชกาลที่ ๕ ทรงมีพระบรมราชโองการจัดรูปแบบการปกครองประเทศเป็น “กระทรวงต่าง ๆ” กรมกองตระเวน จึงถูกจัดมารวมอยู่ใน “กระทรวงนครบาล” วันที่ ๑ เมษายน พ.ศ.๒๔๓๕
เป็น "กระทรวงนครบาล" ทำหน้าที่จับกุมโจรผู้ร้ายแล้วส่งให้อำเภอไต่สวนทำสำนวนฟ้อง ณ ศาลอาญาประจำจังหวัดนั้นๆ เป็นชายรูปร่างสูงกำยำ เนื่องจากผ่านการฝึกทหารมาด้วย แม้จะสูงไม่ถึง 180 ซม. แต่ก็จัดได้ว่าสูงเกินมาตรฐานชายไทยในยุคนั้น ครอบครัวเป็นทหารมาหลายชั่วอายุคน บิดามารดาคาดหวังว่าจะให้กลับมารับราชการจึงส่งไปเรียนที่ยุโรป พอกลับมาก็เข้ารับราชการแต่เลือกที่จะทำสายมหาดไทย
ขวัญชีวี
หัวหน้าแผนกประชาสัมพันธ์สาวแห่งบริษัท HM Logistic ที่จู่ๆได้รับอุบัติเหตุในห้องทำงานของประธานบริษัทผู้ก่อตั้งและต้นตระกูล “หาญวานิช” หญิงสาวสลบไป และเมื่อฟื้นขึ้นมาอีกที เธอก็พบว่าตัวเองไม่ได้อยู่ใน พ.ศ. 2559 อีกแล้ว แต่กลับย้อนหลังไปถึง 120 ปี ในยุคที่สยามยังคงมีระบบทาส ไพร่ และเจ้าขุนมูลนาย
และที่สำคัญคือ...เธอฟื้นขึ้นมาเพื่อพบกับความจริงว่า ตัวเองกำลังจะถูกพาไปขายเป็นทาส!
หลวงดำรงกิจวานิช
รับราชการในกรมไปรษณีย์โทรเลข สังกัด กระทรวงโยธาธิการ และตระกูลทางฝั่งมารดายังเปิดกิจการเดินเรือ(เรือเมล์ หรือเรือยนต์ และเรือกลไฟขนาดเล็กซึ่งในสมัยรัชกาลที่ห้าได้มีการนำมาใช้ในกิจการค้าขายการเดินทาง) ที่สามารถฝากส่งของหรือจดหมายจากหัวเมืองในมณฑลไปยังบางกอกอีกด้วย ก่อนจะถูกย้ายให้ไปช่วยราชการกรมรถไฟ ซึ่งเพิ่งเริ่มดำเนินการก่อสร้างและต้องการผู้มีความรู้ไปช่วยในการประสานงานในการสำรวจเส้นทางและ โดยในปี 2439 ได้มีการสร้างรถไฟสายแรกเสร็จ คือสายกรุงเทพฯ-อยุธยา นอกจากนี้ รัชกาลที่ห้ายังโปรดให้สร้างสถานีแต่ละหัวเมืองต่อจากชุมสายอยุธยาคือ บางปะอิน กรุงเก่า (ตามเส้นแม่น้ำป่าสัก) พระพุทธบาทลพบุรี นครสวรรค์ อุตรดิตถ์ แพร่ ลำปาง ลำพูน จนไปสิ้นสุดถึงเชียงใหม่
แม่หญิงชมมะนาด
ลูกสาวคนเดียวของเจ้าคุณศักดิเดชและคุณหญิงเพ็ญ ที่งามจนคนลือไปทั่วมณฑลพิษณุโลก หากชะตาชีวิตกลับต้องพลิกผันเมื่อได้พบเจอกับขวัญชีวี ที่มาพร้อมกับภาระหน้าที่อันสำคัญยิ่งสำหรับเธอและทุกคนในตระกูล
“ พิศพักตร์ผ่องพักตร์ดังจันทร พิศขนงโก่งงอนดังคันศิลป์
พิศเนตรดั่งเนตรมฤคิน พิศทนต์ดั่งนิลอันเรียบ
พิศโอษฐ์ดั่งหนึ่งจะแย้มสรวล พิศนวลดังสีมณีฉาย
พิศปรางดั่งปรางทองพราย พิศกรรณคล้ายกลีบบุษบง”
(บทชมโฉมนางสีดาจากเรื่องรามเกียรติ์)