ดวงชะตาที่ต้องเกิดมาเป็นตัวกาลกิณีของตระกูล หม่าอวิ๋นเซียงไม่เคยต้องการมัน ทว่าสวรรค์กลับใจร้ายปล่อยให้นางแบกรับความไม่เป็นธรรมนี้ไว้ ทุกคนล้วนตราหน้าว่านางไม่สมควรเกิดมา แต่ในเมื่อเกิดมาแล้วต้องยอมแพ้ต่อโชคชะตาหรือ แน่นอนว่านางไม่ยินยอม
เพราะคำทำนายที่มีมาช้านานของตระกูล หม่าอวิ๋นเซียงกลายเป็นตัวกาลกิณีที่ผู้คนในจวนต่างรังเกียจ นางถูกเลี้ยงดูมาโดยสาวใช้ผู้หนึ่ง ทว่าวันหนึ่งพวกเขากลับให้ความสนใจในตัวนางอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน แต่ผู้ใดเลยจะรู้ว่าความรักและความปรานีที่คนสกุลหม่าแสดงออกมานั้นจริงใจเพียงใด นางเพียงต้องการอย่างใช้ชีวิตที่เหลือเงียบๆ เหตุใดพวกเขาจึงไม่ยอมเข้าใจ
******
“ผ้าเช็ดหน้าผืนนี้ หากปักเสร็จแล้วมอบให้ข้าได้หรือไม่” จ้าวจื่อเทียนถามขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย
“คงให้ไม่ได้หรอก” นางปฏิเสธเสียงเรียบ แอบซ้อนรอยยิ้มกริ่มไว้ในใจ
“ทำไมถึงไม่ได้” เขามองนางอย่างไม่เข้าใจ
“ก็ผืนนี้มีเจ้าของแล้ว” นางยังคงตอบอย่างยียวน
“เป็นใคร” น้ำเสียงของเขาเคร่งขรึมขึ้นมาโดยพลัน รู้สึกอึดอัดใจเหมือนจะหายใจไม่ออก หนำซ้ำหัวใจยังปวดแปลบอีกต่างหาก
หม่าอวิ๋นเซียงยิ้มขำอย่างอดไม่ได้ยามเห็นสีหน้ามืดครึ้มราวกับจะสังหารคนได้ของชายหนุ่ม “พี่จื่อเทียน ท่านไม่ต้องรีบร้อนกินน้ำส้มไป ผ้าเช็ดหน้าผืนนี้ข้าปักให้อาเหมยเป็นของขวัญวันเกิดนาง”
สีหน้าของจ้าวจื่อเทียนสดใสขึ้นโดยพลัน กระนั้นก็ยังรู้สึกไม่ชอบใจอยู่ดี เหตุใดเสี่ยวเซียงเซียงของเขาต้องปักผ้าเช็ดหน้าให้ผู้อื่นด้วยเล่า ไหนจะของที่นางทำขายอีก “ข้าแค่ถามเฉยๆ ว่าเป็นผู้ใด ไม่ได้กินน้ำส้มเสียหน่อย”
ครั้นได้ฟังคำแก่ตัวของอีกฝ่ายนางก็อดหัวเราะไม่ได้จริงๆ หม่าอวิ๋นเซียงมองเขาอย่างล้อเลียนพลางเอ่ย “ใช่ๆ ท่านไม่ได้กินน้ำส้ม เป็นข้าปากมากไปเอง”
จ้าวจื่อเทียนแค่นเสียงฮึขึ้นจมูก มองคาดโทษนาง รอก่อนเถิด ถึงเวลานั้นเขาจะสั่งสอนเด็กคนนี้ให้ไม่สามารถลุกจากเตียงได้เลย
ดวงชะตาที่ต้องเกิดมาเป็นตัวกาลกิณีของตระกูล หม่าอวิ๋นเซียงไม่เคยต้องการมัน ทว่าสวรรค์กลับใจร้ายปล่อยให้นางแบกรับความไม่เป็นธรรมนี้ไว้ ทุกคนล้วนตราหน้าว่านางไม่สมควรเกิดมา แต่ในเมื่อเกิดมาแล้วต้องยอมแพ้ต่อโชคชะตาหรือ แน่นอนว่านางไม่ยินยอม
เพราะคำทำนายที่มีมาช้านานของตระกูล หม่าอวิ๋นเซียงกลายเป็นตัวกาลกิณีที่ผู้คนในจวนต่างรังเกียจ นางถูกเลี้ยงดูมาโดยสาวใช้ผู้หนึ่ง ทว่าวันหนึ่งพวกเขากลับให้ความสนใจในตัวนางอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน แต่ผู้ใดเลยจะรู้ว่าความรักและความปรานีที่คนสกุลหม่าแสดงออกมานั้นจริงใจเพียงใด นางเพียงต้องการอย่างใช้ชีวิตที่เหลือเงียบๆ เหตุใดพวกเขาจึงไม่ยอมเข้าใจ
******
“ผ้าเช็ดหน้าผืนนี้ หากปักเสร็จแล้วมอบให้ข้าได้หรือไม่” จ้าวจื่อเทียนถามขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย
“คงให้ไม่ได้หรอก” นางปฏิเสธเสียงเรียบ แอบซ้อนรอยยิ้มกริ่มไว้ในใจ
“ทำไมถึงไม่ได้” เขามองนางอย่างไม่เข้าใจ
“ก็ผืนนี้มีเจ้าของแล้ว” นางยังคงตอบอย่างยียวน
“เป็นใคร” น้ำเสียงของเขาเคร่งขรึมขึ้นมาโดยพลัน รู้สึกอึดอัดใจเหมือนจะหายใจไม่ออก หนำซ้ำหัวใจยังปวดแปลบอีกต่างหาก
หม่าอวิ๋นเซียงยิ้มขำอย่างอดไม่ได้ยามเห็นสีหน้ามืดครึ้มราวกับจะสังหารคนได้ของชายหนุ่ม “พี่จื่อเทียน ท่านไม่ต้องรีบร้อนกินน้ำส้มไป ผ้าเช็ดหน้าผืนนี้ข้าปักให้อาเหมยเป็นของขวัญวันเกิดนาง”
สีหน้าของจ้าวจื่อเทียนสดใสขึ้นโดยพลัน กระนั้นก็ยังรู้สึกไม่ชอบใจอยู่ดี เหตุใดเสี่ยวเซียงเซียงของเขาต้องปักผ้าเช็ดหน้าให้ผู้อื่นด้วยเล่า ไหนจะของที่นางทำขายอีก “ข้าแค่ถามเฉยๆ ว่าเป็นผู้ใด ไม่ได้กินน้ำส้มเสียหน่อย”
ครั้นได้ฟังคำแก่ตัวของอีกฝ่ายนางก็อดหัวเราะไม่ได้จริงๆ หม่าอวิ๋นเซียงมองเขาอย่างล้อเลียนพลางเอ่ย “ใช่ๆ ท่านไม่ได้กินน้ำส้ม เป็นข้าปากมากไปเอง”
จ้าวจื่อเทียนแค่นเสียงฮึขึ้นจมูก มองคาดโทษนาง รอก่อนเถิด ถึงเวลานั้นเขาจะสั่งสอนเด็กคนนี้ให้ไม่สามารถลุกจากเตียงได้เลย
นิยายเรื่องนี้เป็นเพียงจิตนาการของผู้แต่งเท่านั้น ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับบุคคลหรือสถานที่ใด โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
ป.ล. ทุกกำลังใจและคอมเมนต์ของนักอ่านคือกำลังใจของไรท์นะคะ หากชอบผลงานของไรท์อย่าลืมกดหัวใจด้วยน้า เพื่อความสุขเล็กๆ น้อยๆ ของนักหัดเขียนตัวน้อยๆ คนนี้
สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ (ฉบับเพิ่มเติม) พ.ศ. 2558 ห้ามมิให้ผู้ใดทำการคัดลอก ดัดแปลงเนื้อหาบางส่วนหรือทั้งหมด เพื่อผลิตเป็นรูปเล่ม ไฟล์ pdf และ / หรือสร้างฐานข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์เพื่อการใด ๆ เว้นแต่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของลิขสิทธิ์เท่านั้น