“ เตรียมตัวหรือยัง ” นิรันดร์ที่กำลังติดกระดุมเสื้อเอ่ยถามลูกชายขึ้นเพราะวันนี้เขาจะต้องพาลูกชายไปคุยกับลูกสาวร้านเพชรเรื่องงานแต่งที่กำลังจะเกิดขึ้นในเร็วๆนี้
“คงต้องพร้อมแล้วแหล่ะครับ” ปริญตอบกลับอย่างกวนประสาท เพราะงานแต่งที่กำลังจะมาถึงเขาไม่ได้เต็มใจที่จะแต่งด้วยซ้ำ “ไปกันเถอะครับไม่อยากรอนาน กลัวว่าที่เจ้าสาวจะขาดใจตายสะก่อน”
“ไอ้ปริญ แกช่วยพูดกับหนูดาดีๆหน่อยได้ไหม ยังไงเขาก็เป็นลูกสาวของเพื่อนฉันนะ” นิรันดร์ต่อว่าลูกชายด้วยความไม่พอใจ ถึงแม้จะรู้อยู่เต็มอกว่าปริญไม่เต็มใจที่จะแต่งงานกับผู้หญิงที่เขาหาให้แต่ยังไงเจ้าตัวก็ไม่สามารถที่จะขัดขืนคำสั่งของขำได้ตลอดหรอก
“ผมแค่พูดเล่นๆจะจริงจังไปทำไมล่ะครับ” เขาพูดแล้วยิ้มเยาะใส่นิรันดร์ ซึ่งตัวของนิรันดร์ก็คงจะทำอะไรไม่ได้นอกจากส่ายหัวอย่างเหนื่อยหน่าย
“สวัสดีค่ะคุณนิรันดร์ คุณจันทร์ฉาย” ฉัตรดาวกล่าวทักทายแขกคนพิเศษของบ้าน
“ผมว่าเข้ามาคุยกันข้างในดีกว่าครับ” วสุผู้เป็นสามีเอ่ยเชิญให้เข้าไปคุยกันข้างใน
พอถึงเวลาอันเหมาะสม ทุกคนในห้องรับแขกอยู่กันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตาเตรียมที่จะคุยกันถึงเรื่องแต่งงาน วันนี้เป็นวันที่ดีทุกคนที่อยู่ตรงนี้ต่างก็ดูมีความสุขซึ่งณรินดาเองก็เป็นเช่นนั้น มีเพียงปริญคนเดียวที่ยังคงทำหน้าบึ้งตึงไม่สบอารมณ์เลย
“งานแต่งผมไปดูฤกธิ์ให้เรียบร้อยแล้วนะครับ วันแต่งงานของลูกเราทั้งสองจะถูกจัดขึ้นในวันที่ 15 กรกฎาคมนี้ โดยสถานที่ที่เราจะใช้จัดงานแต่งก็คือโรงแรมวัชระของคุณพงศกรฎ สินสอดในวันแต่งชุดเครื่องเพชรห้าสิบชุด ทองหนึ่งบาทยี่สิบแท่ง และเงินสดจำนวนห้าสิบล้าน คุณวสุและคุณฉัตรดาวเห็นด้วยไหมคะ” วสุยิ้มออกมาอย่างพออกพอใจเป็นอย่างมาก เพราะลำพังแค่เงินสดเขาก็ไม่มีวันที่จะใช้หมดอยู่แล้ว
“ผมพอใจในค่าสินสอดมากๆครับ สมแล้วที่เป็นครอบครัวมหาเศรษฐีห้าหมื่นล้าน” วสุชมเปาะเพื่อหวังให้ทั้งสองสามีภรรยาคล้อยตามกับคำชม และได้คบเป็นมิตรไมตรีกันต่อไป
ถึงแม้วสุจะเป็นเพื่อนสนิทของนิรันดร์แต่ฐานะทางครอบครัวแม้กระทั่งในสังคมวสุก็ยังดูด้อยค่ากว่าอยู่ดี ครอบครัวของเขาทำธุรกิจขายเพชรพลอยราคาแพงก็จริง แต่ธุรกิจของเขามันก็ยังไม่สามารถทำกำไรได้เยอะเท่าธุรกิจบริพัฒธนฐานนท์เลย
ซึ่งธุรกิจบริพัฒธนฐานนท์เป็นธุรกิจเกี่ยวกับบ้านจัดสรร การโรงแรม และคอนโดอีกมากมายในประเทศ เป็นธุรกิจที่แตกสาขาไปในหลายพื้นที่ทั้งในจังหวัดและต่างจังหวัดและก็พึ่งได้ยินแว่วๆมาว่าครอบครัวนี้ได้วางแพลนที่จะไปขยายสาขาที่ต่างประเทศอีกด้วย
เหตุนี้แหล่ะ วสุจึงต้องเก็บนิรันดร์ไว้เพื่อเป็นเครื่องมือในการแก้ปัญหาเวลาลำบากและลูกสาวของตนก็ต้องทำมันให้ดีด้วย อย่าให้เสียหน้าเด็ดขาด
“ฮ่าๆๆๆ อย่าชมผมให้มากเลยครับ เดี๋ยวตัวผมจะลอยเอา” ทุกคนที่อยู่ในห้องรับแขกต่างหัวเราะชอบใจกับคำหยอกล้อของตัวนิรันดร์ มีแต่ปริญคนเดียวที่รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาโดยอัติโนมัติ
“ผมก็ตัวออกไปข้างนอกนะครับ” เขาไม่ฟังคำห้ามปรามของผู้เป็นแม่ เมื่อดันตัวเองให้ลุกออกจากที่นั่งได้เขาก็รีบเดินออกไปจากที่ตรงนั้นแต่โดยดี
“ต้องขอโทษแทนลูกชายด้วยนะคะที่ทำพฤติกรรมไร้มารยาทใส่แบบนี้ จริงๆที่บ้านก็ไม่เคยเสี้ยมสอนให้ทำตัวแบบนี้เลยนะคะ สงสัยช่วงนี้คงเครียดกับงานมากไปหน่อย” จันทร์ฉายยิ้มกริ่มกลัวอีกฝ่ายจะไม่พอใจ
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ลองหาตัวช่วยสักคนสิคะเผื่อตาปริญจะรู้สึกดีขึ้นบ้าง” ฉัตรดาวชำเรืองตาไปทางณรินดาลูกสาวคนสวยของตน
“จริงด้วยค่ะคุณ” จันทร์ฉายคุยกับสามีเพื่อให้เห็นดีเห็นงามตามไปด้วย
“เอาสิหนูดา ไหนๆก็จะกลายเป็นภรรยาแล้ว ลองเข้าไปเอาอกเอาในมันหน่อยไป ซ้อมไว้ๆเผื่อลูกดก”
“ค่ะ” หญิงสาวค่อยๆโค้งศีรษะลงแล้วเดินค่อมตัวออกไปจากที่ตรงนั้นแต่โดยดี ไม่ใช่แค่พ่อแม่ของเธอหรอกที่ต้องการตัวปริญ
เธอเองก็ต้องการเช่นกัน!