บทนำ บังเอิญหรือโชคชะตา
ร่างสูงไม่ต่ำกว่าร้อยแปดสิบห้าเซนติเมตรของบุรุษหนุ่มก้าวลงจากรถสปอร์ตยี่ห้อดังตรงดิ่งเข้าไปในร้านอาหารกึ่งบาร์สไตล์ยุโรป เรือนกายสมส่วนในชุดเสื้อเซิ้ตสีขาวแขนยาวที่พับขึ้นจนถึงข้อศอกกับกางเกงขายาวสีดำแบรนด์ดัง เรียกสายตาของใครต่อใครให้หันมามอง โดยเฉพาะสาวน้อยสาวใหญ่ที่นั่งภายในร้านต่างชายตามองอย่างเชิญชวนส่งให้เจ้าของใบหน้าหล่อเหลาดังเทพบุตร ไม่มีใครไม่รู้จัก การิน กาบริเอล แม็คเมอร์สัน เชฟหนุ่มเจ้าของร้านอาหารสไตล์ยุโรปผสมผสานแนวฟิวชั่น และกาสิโนชื่อดัง ที่กระจายตัวอยู่ทั่วมุมโลก โดยเฉพาะลาสเวกัสที่เป็นศูนย์ใหญ่ที่สุดของโลก ลูกชายคนโตของอดีตมาเฟียใหญ่แห่งลาสเวกัส หลายคนคงจะสงสัยไม่น้อยโดยเฉพาะพนักงานสาวหน้าเคาน์เตอร์ที่หันไปถามเพื่อนพนักงานด้วยกันอย่างแปลกใจและไม่อยากจะเชื่อสายตาของตัวเองเลยว่าเจ้าของร้านอาหารสุดหรูจะเข้ามาใช้บริการที่ร้านเล็กๆแบบนี้
“อุ๊ย! เธอ นั่นใช่คุณเชฟมาเฟีย เจ้าของโรงแรมใกล้ๆใช่ไหม เขามาทำอะไรที่นี่”
“ฉันจะรู้ไหมล่ะ เธอไปบอกคุณพอลล่าสิ” พนักงานอีกคนส่ายหน้าพร้อมกับบอกให้เพื่อนไปแจ้งให้กับเจ้าของร้านได้ทราบว่าตอนนี้คุณเชฟมาเฟียชื่อดังมาเยือนถึงร้าน แต่ยังไม่ทันที่พนักงานคนดังกล่าวจะได้ทำตามคำบอก เจ้าของร้านในชุดเกาะอกสีแดงบนร้องเท้าส้นสูงสี่นิ้วก็เดินเข้าไปหยุดตรงหน้าเชฟหนุ่มลูกครึ่งไทย – อเมริกัน
“สวัสดีค่ะ คุณการิน เชิญทางนี้เลยค่ะ”
ชายหนุ่มพยักหน้านิดๆก่อนจะเดินตามเจ้าของร้านไปยังห้องส่วนตัวที่เลขาฯ หนุ่มเป็นคนจัดการให้ ที่เขามาในวันนี้เพราะมีนัดกับผู้หญิงที่เลือกไว้ให้มาทำหน้าที่ภรรยาหลอกๆ
“นันท์นลินยังไม่มาอีกเหรอ” เมื่อเข้ามาในห้องรับรองก็เอ่ยถามอย่างแปลกใจที่ไม่เห็นคนที่นัดไว้ ลูกน้องเป็นคนจัดการหาผู้หญิงมาให้เขา และคนที่เขาเลือกก็เป็นพนักงานของร้านนี้ นันท์นลิน คือคนที่เขาลงความเห็นว่าเหมาะสมกับตำแหน่งนี้ แม้จะด้อยกว่าคนอื่นๆที่ลูกน้องหามาให้ก็ตาม แต่เขาเห็นว่าหล่อนเป็นคนที่ดูเรียบร้อย ไม่มีปากมีเสียง แบบนี้แหละเขาถึงเลือก เพราะไม่อยากที่ต้องมาปวดหัวในภายหลัง ถึงจะกังวลกลัวว่าความลับจะหลุดก็ตาม
“เอ่อ…เชิญคุณการิน นั่งก่อนนะคะ เดี๋ยวพอลล่าโทร.ตามให้ค่ะ”
เจ้าของฉายาคุณเชฟมาเฟียทรุดตัวลงนั่งด้วยใบหน้าเรียบเฉย ไม่บ่งบอกอะไรออกมาทางสีหน้า เห็นแบบนั้นเจ้าของร้านก็เดินออกไปโทร.หาลูกน้องสาวอีกครั้ง หล่อนพยายามโทร.หาตั้งแต่เช้าตรู่แล้ว แต่ก็โทร.ไม่ติด คนฉลาดเป็นกรดอย่างคุณการิน ต้องแอบสงสัยแน่เลยว่าเกิดอะไรขึ้น
เป็นดังคาดการินได้เห็นสีหน้าและท่าทางของเจ้าของร้านก็พอจะเดาออกได้ไม่ยาก ชายหนุ่มล้วงโทรศัพท์เครื่องหรูออกจากกระเป๋ากางเกงมากดโทร.หาลูกน้องคนสนิท เมื่ออีกฝ่ายรับแล้วก็กรอกเสียงสั่งทันที
“วิล นายไปดูที่บ้านของนันท์นลินสิว่าหล่อนอยู่ไหม”
“ครับ” ปลายสายขานรับคำสั่ง แล้วผู้เป็นนายก็กดวางสายทันที
“เธอคงไม่คิดจะเบี้ยวฉันหรอกนะนันท์นลิน” เสียงทุ้มพึมพำเบาๆ ถ้าเป็นแบบนั้นเห็นทีจะต้องมีคนรับผิดชอบ เขาไม่ชอบคนไม่รักษาสัญญาและวันนี้เขาจะไม่ยอมเดินออกไปมือเปล่าแน่ๆ ไม่ว่าอย่างไรคืนนี้เขาต้องมีภรรยาหลอกๆออกไปจากที่นี่ให้ได้
ตู๊ด...ตู๊ด...ตู๊ด...เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เจ้าของกดรับพลางยกขึ้นแนบหู ใบหน้าหล่อเหลาตามแบบฉบับลูกครึ่งบึ้งตึงด้วยความไม่พอใจกับคำตอบที่ได้จากลูกน้องคนสนิท ว่าไม่มีหล่อนอยู่ที่บ้าน
“หาตัวมาให้ได้ ไม่ว่าจะไปซ่อนตัวอยู่ไหนก็ตาม” สั่งจบก็กดวางสายด้วยความหงุดหงิด เมื่อไม่พอใจหรือไม่ได้ดั่งใจ เขาจะหงุดหงิดทุกครั้ง ช่างไม่เข้ากับฉายาของเจ้าตัวที่ได้รับ ว่าเป็นคุณเชฟมาเฟียแสนอบอุ่น เขาเปลี่ยนไปหลังจากที่หญิงสาวที่แอบมีใจได้หมั้นหมายกับน้องชายและงานแต่งจะถูกจัดขึ้นในอีกสามเดือนข้างหน้า ด้วยเหตุนี้ เขาเลยต้องหาผู้หญิงสักคนมาเป็นคนรัก(ปลอมๆ) เพื่อความสบายใจของครอบครัวและที่สำคัญที่สุดมารดาจะได้ไม่บังคับให้เขาแต่งงานกับผู้หญิงที่ท่านหามาให้ รวมไปถึงพวกคนนอกจะได้เลิกวุ่นวายกับเรื่องของเขาเสียที ถึงแม้มันจะยากสักหน่อย เพราะชื่อเสียงของตระกูลแม็คเมอร์สันดังไกลไปทั่วโลก
ก๊อก...ก๊อก...ก๊อก... เสียงเคาะประตูดังขึ้นติดกันสามครั้ง ก่อนที่ประตูจะเปิดออกโดยฝีมือเจ้าของร้านที่เดินหน้าเครียดนำพนักงานเสิร์ฟเข้ามาหยุดตรงหน้าเชฟหนุ่ม
“ดื่มน้ำก่อนนะคะ พอลล่าให้คนไปตามนันท์ที่บ้านแล้วละค่ะ” เจ้าของร้านเอ่ยขึ้นหลังจากที่ลูกน้องวางแก้วน้ำดื่มเย็นๆให้กับแขกหนุ่มวีไอพี ก่อนที่พนักงานจะเดินออกไปจากห้องอย่างรู้หน้าที่
“คุณคิดว่าจะปิดบังผมได้อย่างนั้นเหรอ ตอนนี้นันท์นลินไม่อยู่ที่บ้าน” เอ่ยขึ้นเสียงเย็น จนคนได้ยินหนาวไปถึงสันหลัง
“เอ่อ…” พอลล่าพูดไม่ออก เมื่อลูกน้องสาวทำเรื่องยุ่งยากให้กับหล่อนเสียแล้ว นันท์นลินไม่น่าจะทำแบบนี้เลย ทั้งที่ตอบตกลงและรับค่าจ้างมาครึ่งหนึ่งแล้ว จู่ๆก็มาหายตัวไป เรื่องนี้มันแปลกๆ ลูกน้องสาวของหล่อนไม่ใช่คนนิสัยแบบนี้ มันต้องมีอะไรบ้างอย่างแน่ๆ ตอนนี้หล่อนได้แต่หวังว่าเจ้าของฉายาคุณเชฟมาเฟียจะไม่แจ้งความเอาผิดกับนันท์นลิน เจ้าของร้านนั่งเงียบรอฟังว่าจะทำอย่างไรต่อไป ใครๆก็รู้ว่า มาฟียชื่อดังอย่าง การิน กาบริเอล แม็คเมอร์สัน ไม่มีคำว่าผิดพลาดในพจนานุกรมส่วนตัว
ในขณะที่ด้านในห้องวีไอพีกำลังเกิดบรรยากาศชวนอึดอัด ด้านนอกนั้นร่างอรชรในชุดราตรีสีแดงเกาะอกกำลังเดินผ่านหน้าห้องไปยังเคาน์เตอร์บาร์ที่ห่างไปไม่ไกล
“ขอแรงๆสักแก้วสิ” หญิงสาวเอ่ยสั่งขณะทรุดตัวลงนั่ง บริกรหนุ่มมองใบหน้าสวยสดของคนสั่งอย่างชั่งใจ ก่อนจะตัดสินใจรินวอดก้าเพียวๆใส่แก้วเสิร์ฟให้พร้อมกับเกลือและมะนาว
“แด่เจ้าสาวจอมฉก” มือเล็กหยิบเกลือโรยลงในวอดก้าก่อนจะกระดกรวดเดียว แล้วหยิบมะนาวที่ฝานซีกบีบใส่ปากตามลงไป ใบหน้าสวยบิดเบ้กับความร้อนฉ่าที่ดื่มเข้าไป ถึงจะแรงขนาดไหน เธอก็ไม่หวั่น สั่งออกไปอีกแก้ว คราวนี้พนักงานไม่ลังเล เมื่อเห็นสาวสวยตรงหน้ารู้วิธีดื่มวอดก้าอย่างกับเป็นผู้เชี่ยวชาญในการดื่ม
“แด่เจ้าบ่าวจอมหลอกลวง” หญิงสาวทำเหมือนครั้งแรก คราวนี้แก้วสองมันพุ่งเข้ามาในหัวจนแก้มร้อนผ่าวไปหมด เธอดื่มเป็นแต่ก็ไม่ใช่คอทองแดงหรอก นานๆครั้งถึงจะดื่มด้วยวิธีฮาร์ดคอสุดๆแบบนี้ และครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายที่เธอจะพึ่งเหล้า มันเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีเอาเสียเลย แต่ว่าวันนี้เป็นวันมงคลสมรสของอดีตแฟนกับอดีตเพื่อน ก่อนจะไปร่วมงาน เธอเลยต้องหาอะไรมาทำให้มีความมั่นหน้ากับสิ่งที่เจ้าบ่าวกับเจ้าสาวทำไว้ให้ เธอถูกแฟนหนุ่มที่คบกันมาสองปีกว่ากับเพื่อนรักพากันหักหลัง ด้วยการแอบคบกันแบบลับๆ โดยที่เธอไม่รู้เลยสักนิดเดียว ถ้าเพื่อนสนิทไม่ท้อง เธอก็คงจะเป็นคนโง่ต่อไป ไม่คิดเลยว่าคนที่เธอรักและไว้ใจทั้งสองจะมาทำกับเธอแบบนี้ ความจริงเธอจะไม่ไปก็ได้ แต่เพื่อทำให้ทุกคนรู้ว่า เธอไม่ได้รู้สึกอะไรแล้ว แม้ในใจลึกๆมันก็ยังเจ็บอยู่บ้างก็ตาม แต่หลังจากคืนนี้เป็นต้นไป เธอให้สัญญากับตัวเองแล้วว่า เธอจะลืมทุกอย่างและจะก้าวไปข้างหน้าอย่างมีความสุข ปล่อยความเจ็บปวดกับความเสียใจโยนทิ้งไป กลับมาเป็น ครองขวัญ เผ่าวิภู คนเดิมเพิ่มเติมคือความสตรอง
“รับอีกไหมครับ” บริกรเอ่ยถามเมื่อเห็นสาวสวยเงียบไปพักใหญ่ หญิงสาวพยักหน้าส่งให้ แล้วบริกรก็ทำหน้าที่ของตัวเอง
“แด่ตัวเอง ครองขวัญ” เธอชูแก้วซอตขึ้นก่อนจะกระดกพรวดเดียวหมด เจ้าเครื่องดื่มสีขาวใสสามซอตเล็กเริ่มออกฤทธิ์ เธอเริ่มตาลาย รู้สึกมึนนิดๆ แก้มนวลแดงก่ำ เธอควรจะพอก่อนที่จะเมาจนไปร่วมงานแต่งไม่ได้ มือบางล้วงหยิบแบงก์พันออกจากกระเป๋าตังวางบนเคาน์เตอร์ก่อนจะขยับลุกขึ้น ร่างอรชรถึงกับเซนิดๆ เกือบล้ม แต่มีใครบ้างคนมาประคองไว้เสียก่อน
“ไม่เป็นไรนะครับ”
“เอ่อ...ค่ะ ขอบคุณมากนะคะ” ครองขวัญเอ่ยขอบคุณพลเมืองดีที่ช่วยไม่ให้เธอหน้าทิ่ม สงสัยเธอจะรีบลุกมากเกินไปบวกกับอาการมึนๆด้วย เธอขืนตัวออกจากอ้อมแขนแกร่งอย่างสุภาพ
“ผมว่าคุณนั่งพักสักครู่ดีกว่านะครับ” ชายหนุ่มบอกเป้าหมายใหม่ที่เกิดสะดุดตาเข้าอย่างจัง หลังจากเฝ้ารอลูกน้องรายงานเรื่องหญิงสาวที่ผิดสัญญาอย่างใจเย็นในห้องวีไอพี เมื่อได้คำตอบที่ไม่เป็นที่พอใจ เขาก็ระเบิดลงกับเจ้าของร้าน ก่อนจะออกมาหาเหล้าดื่มดับอารมณ์โมโห ดูเหมือนโชคเข้าข้างเขาเข้าให้แล้ว เมื่อตรงเคาน์เตอร์บาร์มีหญิงสาวแสนสวยที่ดันสะดุดตาของเขา จนต้องเฝ้ามองอย่างไม่อาจจะละสายตาไปได้ ถึงเธอจะดื่มเหล้าอย่างกับผู้หญิงขี้เมาก็เถอะ ในร้านมีเธอนี่แหละที่น่าสนใจเป็นที่สุด
หญิงสาวนั่งลงที่เดิมตามคำแนะนำ ส่วนเขาก็นั่งลงข้างๆ แล้วก็สั่งน้ำส้มคั่นให้กับเธอและบรั่นดีสำหรับตัวเอง
“น้ำส้มคั่นน่าจะทำให้คุณรู้สึกดีขึ้น” เขาบอก ก่อนจะยกแก้วของตัวเองขึ้นดื่มพรวดเดียวจนหมด
“เอ่อ...ขอบคุณค่ะ” ครองขวัญอึกอักเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยขอบคุณอย่างไม่คิดอะไรมาก ตามประสาคนมองโลกในแง่ดี เธอยกแก้วที่บรรจุน้ำส้มขึ้นดื่มจนพร่องแก้ว แล้ววางลงที่เดิม ทั้งเคาน์เตอร์บาร์มีเพียงสองหนุ่มสาวเท่านั้น และทั้งสองต่างก็อยู่ในภวังค์ความคิดของตัวเอง ไม่มีใครยอมพูดอะไรออกมา มีเพียงเสียงเพลงในร้านที่เปิดคลอเบาๆ ก่อนจะเป็นชายหนุ่มที่หันไปมองคนนั่งข้างๆอย่างสงสัยปนแปลกใจ ดูเหมือนว่าเธอจะไม่รู้จักเขา แล้วทำไมก่อนหน้าถึงได้ดื่มอย่างกับน้ำเปล่าแบบนั้น
“ฮื้อๆๆ” จู่ๆ เธอก็ปล่อยโฮออกมาอย่างไม่อายใคร จนเชฟหนุ่มถึงกับหน้าเหวอ ทำอะไรไม่ถูกไปชั่วขณะ
“สงสัยจะอกหักน่ะครับ” บริกรกระซิบบอกเบาๆ ตามที่ได้ตั้งข้อสงสัยไว้ก่อนหน้า จากคำพูดของลูกค้าสาวก็พอจะเดาได้ไม่ยาก
“อกหัก” ชายหนุ่มพึมพำขณะหันไปมองเธออีกครั้ง ‘สวยขนาดนี้ อกหักได้อย่างไรกัน ก็นะ ขนาดหล่อเป็นเทพบุตรอย่างเรา ยังไม่สมหวังในรักเลย’ เขาคิดในใจอย่างขมขื่น ปล่อยให้หญิงสาวร้องไห้ตามต้องการ จนเวลาผ่านไปพอสมควร เธอก็เริ่มควบคุมตัวเองได้ มือใหญ่เลยล้วงหยิบผ้าเช็ดหน้าออกจากกระเป๋าเสื้อยื่นส่งให้
“เอ่อ...ขอบคุณค่ะ” คนอกหักรับผ้าผืนเล็กมาเช็คน้ำตาออกจากใบหน้าก่อนจะสั่งน้ำมูกแรงๆตบท้าย ดวงหน้าสวยเริ่มเห่อแดง เมื่อนึกได้ว่าทำเรื่องน่าอายกับชายหนุ่มแปลกหน้า มือเล็กบิดผ้าเช็ดหน้าในมือแก้เก้อ “เอ่อ…ผ้าเช็ดหน้า…”
“ไม่เป็นไรครับ ผมมีหลายผืน” เสียงทุ้มแทรกขึ้นก่อน หนุ่มลูกครึ่งแย้มยิ้มนิดๆ ว่าแต่เธอเป็นสาวร้อนแรงหรือแค่สาวน้อยไร้เดียงสากันนะ แต่จะแบบไหนก็ช่าง ตอนนี้เขาถูกใจแม่สาวอกหักคนนี้เสียแล้ว การินเริ่มต้นชวนคุย แล้วค่อยๆวนเข้าซักถามประวัติของเธอได้อย่างไม่ยากนัก เมื่อเหล้าเข้าปาก เรื่องราวเกี่ยวกับตัวหญิงสาว ก็ถูกถ่ายทอดออกมาจากปากสาวเจ้า ครองขวัญ เผ่าวิภู อายุยี่สิบหกปี จบการโรงแรม แต่มาดูแลร้านดอกไม้ ต่อจากผู้ให้กำเนิดที่จากโลกไปด้วยอุบัติเหตุ แม่สาวอกหักเพราะโดนแฟนหนุ่มกับเพื่อนสนิทหักหลัง มาหาเหล้าดื่มก่อนไปร่วมงานแต่ง ใช่เลย แบบนี้แหละ เธอคงจะไม่ปฏิเสธความต้องการของเขา คิดได้แบบนั้นชายหนุ่มก็สั่งมาตินี่ให้เธอ ส่วนตัวเองนั่นสั่งเหมือนเดิม
“อย่าเสียใจไปเลยครับ คุณทั้งสาวทั้งสวย หาหนุ่มคนใหม่ได้สบาย ดื่มเพื่อเริ่มต้นใหม่” เขายิ้มมุมปากขณะยกแก้วของตัวเองชูตรงหน้าเธอ
“เอ่อ...ขอบคุณค่ะ” หญิงสาวออกอาการลังเลอีกครั้ง แต่แล้วก็จับก้านแก้วขึ้นชนกับแก้วของเขาเบาๆ ก่อนจะยกดื่มรวดเดียวจนหมด มาตินี่ไหลลงกระเพาะไปผสมกับวอดก้าที่ดื่มไปก่อนหน้า เริ่มสำแดงฤทธิ์อย่างเต็มที่ เธอสะบัดศีรษะไล่ความมึนให้พ้นไป พอรู้สึกดีขึ้นบ้างเล็กน้อยก็เอ่ยขอตัวเสียงยานๆ
“ฉาน ต้องไปแล้ว งานแต่งจะเริ่มแล้ว”
“ผมว่าคุณเมาแล้วละครับ”
“ม่าย...ฉันแค่มึนๆ ยางไม่เมา ขอบคุณมากนะคะ” คนเมาที่ไหนจะยอมรับว่าตัวเองเมา ร่างบางค่อยๆขยับลุกขึ้นพิงพนักเคาน์เตอร์บาร์ เธอยืนนิ่งเพื่อปรับตัว
“อยากได้หนุ่มควงไปเป็นเพื่อนไหมครับ” เขาอาสาขึ้นอย่างคนมีแผน
“คุณว่าอะไรนะคะ” หันไปถามเพราะไม่แน่ใจว่ามึนจนฟังผิดไปหรือเปล่า
“ผมถามว่า อยากได้หนุ่มควงไปงานด้วยไหม พอดีผมว่าง สามารถเป็นคู่ควงให้คุณได้ในคืนนี้”
“เอ่อ…” เธอลังเล แต่จู่ๆคำพูดของญาติสาวก็ดังเข้ามาในหัว ‘ถ้าเป็นฉันนะจะไม่ยอมไปงานแต่งคนเดียวเด็ดขาด ฉันจะหาหนุ่มควงไปด้วย แกลองคิดดูสิว่าเจ้าสาวกับเจ้าบ่าว รวมไปถึงเพื่อนสนิทของยายเจ้าสาวจอมฉก คงจะอึ้งไปตามๆกันแน่เลย’ ก็เข้าท่าดีนะ พวกนั่นจะได้เลิกเมาท์ว่าเธอเป็นคนโง่ ถูกสวมเขาเสียที เธอเขม่นมองเขา จะว่าไปชายหนุ่มพลเมืองดีก็หน้าคุ้นๆ ทั้งยังหน้าตาหล่อเหลา ได้ควงกับเขา คงทำให้เจ้าสาวกับพวกอึ้งไปอย่างที่ญาติสาวแนะนำมาแน่ๆ แต่ว่าดูเหมือนเขาจะใจดีแปลกๆ เพิ่งจะพบหน้ากัน ก็อาสาจะช่วยเสียแล้ว ถึงเธอจะสติเหลือน้อย แต่ไม่ควรจะไว้ใจคนแปลกหน้า สังคมสมัยนี้น่ากลัวจะตาย เพิ่งจะมาคิดได้ ทั้งที่นั่งคุยกับคนแปลกหน้ามาสักพักแล้ว “คือฉันว่า…”
“ก่อนจะตัดสินใจ ให้ผมรายงานตัวให้คุณรู้ก่อนนะครับ” การินแทรกขึ้น อย่างไม่เปิดโอกาสให้เธอได้ปฏิเสธ แล้วชายหนุ่มก็งัดจิตวิทยาการโน้มน้าวใจคนมาใช้กับความกลัวและเป็นกังวลของหญิงสาว เป็นดังคาดครองขวัญคล้อยตามการโน้มน้าวขั้นเทพ จนยอมตกลงและเซ็นสัญญาไปด้วยไม่ทันจะได้คิดเยอะ เหมือนโดนสะกดจิตให้ยอมทำตามคำพูดของเขาอย่างไรอย่างนั้น โชคดีที่ลูกน้องรอบคอบเอาสัญญาแบบยังไม่ระบุชื่อแนบมาให้เขาเผื่อกรณีฉุกเฉินด้วย ไม่งั้นคงต้องใช้วิธีอย่างอื่น
“เราไปกันเถอะครับ” เมื่อได้ในสิ่งที่ตัวเองต้องการเขาก็เอ่ยชวนพร้อมกับหยิบกระเป๋าตังออกจากกระเป๋ากางเกงและหยิบแบงก์พันสามใบวางลงหน้าเคาน์เตอร์ “ที่เหลือทิป”
หญิงสาวพยักหน้าพลางขยับลุกขึ้น มือบางยื่นไปเกาะแขนแกร่ง เมื่อจู่ๆก็รู้สึกหกคะเมตีลังกาไปหมด แล้วร่างกายของเธอก็ล้มลงไปในอ้อมอกของชายหนุ่มที่รอรับไว้ แอลกอฮอล์ที่ผสมปนเปในกระเพราะถูกดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือด เธอเลยน็อกไปเสียเฉยๆ
การินช้อนอุ้มคนเมาออกไปจากร้าน เป้าหมายคือที่พักในร้านอาหารของตัวเอง แม้จะเป็นการกระทำที่เรียกว่าฉวยโอกาสตอนที่หญิงสาวสติเหลือน้อย แต่เขาก็ไม่คิดจะเอาเปรียบเธอสักนิด คนอย่าง การิน กาบริเอล แม็คเมอร์สัน พร้อมจะตอบแทนให้อย่างสมน้ำสมเนื้อเลยทีเดียว