ทุกครั้งที่แหงนหน้าขึ้นมอง หัวใจทั้งดวงปวดร้าวเป็นริ้วๆ อึดอัดทรมานเหมือนยืนอยู่ในที่ที่ขาดแคลนอากาศจะหายใจ แข้งขาสั่นเทา หนาวสะท้านจนต้องยกแขนสองข้างขึ้นกอดตัวเอง แต่แปลกนักหนาสกุนตลาละสายตาจากภาพตรงหน้าไม่ได้ มันเป็นต้นไม้โบราณอายุร่วมร้อยปี สูงตระหง่านเสียดฟ้า แผ่กิ่งก้านน้อยใหญ่ออกรายล้อมลำต้น สวยงามร่มเย็น ทอดเงาทาบดินกินพื้นที่บริเวณกว้าง และที่สำคัญมันก่อให้เกิดอารมณ์สะเทือนใจอยู่ลึกๆ ในอก
“โสม” ร่างเล็กสะดุ้งเฮือก
“กะแล้วว่าต้องอยู่ที่นี่” เด็กสาวเจ้าเนื้อเขม้นมองดวงหน้าสวยเศร้า ทันได้เห็นหยาดน้ำเอ่อคลอในดวงตาสีน้ำตาล เพื่อนสนิทคนนี้มีพฤติกรรมแปลกๆ หล่อนชอบใช้เวลาพักกลางวันอยู่ใต้ต้นไทร ต้นไม้หลังโรงเรียนซึ่งมีรากอากาศห้อยย้อยลงมาเป็นม่านธรรมชาติ บ่อยครั้งหล่อนร้องไห้ สะอึกสะอื้นปิ่มจะขาดใจโดยไร้ต้นสายปลายเหตุ
“ถ้าไทรต้นนี้มันทำให้เธอรู้สึกแย่ เธอก็ควรจะอยู่ห่างๆ จากมัน”
“ไม่ใช่แค่ต้นนี้ ทุกต้น แม้แต่ในรูปถ่าย แม้แต่ในหนังสือ ทุกครั้งที่ได้เห็นเรารู้สึกเหมือน...เหมือนมีใครสักคนรอเราอยู่ รอด้วยความเจ็บปวดขมขื่น บางคืนเราก็ฝัน ฝันเห็นผู้ชายตัวสูงๆ เขายืนหันหลังอยู่ใต้ต้นไทร เราเรียกเขา พอเขาจะหันหน้ามาเราก็ตื่น ตื่นซะทุกที”
“ตื่นซะทุกที! นี่เธอจะบอกว่าเธอฝันถึงผู้ชายคนนั้นมากกว่าหนึ่งครั้ง ฝันซ้ำๆ เรื่องเดิม” เจ้าของเสียงสูงหันซ้ายหันขวาทำตาลอกแลก พอเพื่อนร่วมชั้นพยักหน้ารับขนแขนก็พร้อมใจกันลุกพรึบ บรรยากาศรอบตัวค่อนข้างเงียบ ชวนให้คิดอะไรต่อมิอะไรฟุ้งซ่าน
“แล้วจำได้ไหม ในฝันเธอเรียกเขาว่าอะไร”
“คุณ...คุณอะไรก็ไม่รู้ ชื่อเขาติดอยู่ที่ริมฝีปาก เราพยายามจะนึกแต่นึกยังไงก็นึกไม่ออก”
“ว้า! เสียดายแทน น่าจะได้เห็นหน้า เราว่าเขาต้องเป็นเนื้อคู่เธอแน่ๆ แบบว่าชาติที่แล้วเคยพลัดพรากจากกัน จากทั้งที่ยังรัก ชาตินี้ก็เลย...”
“พอเถอะ” เสียงห้ามแหบแห้ง คำว่าพลัดพรากแสลงหู มันทิ่มแทงใจให้เจ็บปวดถึงจิตวิญญาณ
“เป็นอะไรหรือเปล่า” คนถามแตะบ่าบอบบาง เห็นชัดว่าดวงหน้ารูปไข่เกือบๆ จะไร้สีเลือด
“ไม่เป็นไร แค่รู้สึกหวิวๆ”
“จะเป็นลมหรือเปล่า หาที่นั่งพักก่อนไหม”
“ไม่ละ กลับเข้าห้องเรียนกันดีกว่า อีกสิบนาทีก็หมดเวลาพักเที่ยงแล้ว”
“อ้าว! เวรกรรม!” ยุ้ยหรืออิ่มอนงค์แสดงสีหน้าว่าอยากเขกหัวตัวเอง
“คุยไปคุยมาลืมเลย อาจารย์ลัดดาให้มาตาม เร็วเข้าเถอะ ป่านนี้อาจารย์รอเงกแล้ว”
“อาจารย์อยู่ที่ไหน"
“ห้องพักครู”
ข้อมือบางถูกคว้าหมับ สกุนตลาเดินห่างจากต้นไม้ขนาดใหญ่ตามแรงดึง ก่อนจะถึงเขตอาคารเรียนที่คลาคล่ำไปด้วยนักเรียนชายหญิง หล่อนเหลียวหลังเพื่อมองกลับไปยังทิศทางเก่า เห็นลมแรงพัดกิ่งไทรย้อยเคลื่อนไหวพะเยิบพะยาบ เหมือนมันพยายามจะบอกอะไรแก่หล่อนสักอย่าง อะไรที่เกี่ยวข้องกับชายคนนั้น คนที่หล่อนโหยหาอาวรณ์ทั้งๆ ที่ไม่รู้จัก