มือเรียวบางข้างที่ไม่ถูกปิดทับด้วยผ้าพันแผลแตะระผนังเพื่อพยุงตัวค่อยๆ เดินไปเรื่อยๆ ตามทางโดยไม่นำพากับเสียงปรามของพยาบาลผู้ดูแล จนอีกฝ่ายเป็นฝ่ายอ่อนใจยอมช่วยประคองพาเธอไปยังห้องฉุกเฉินด้านหน้าด้วยความเห็นใจ
“คุณแม่ คุณรส”เสียงเครือร้องเรียกความสนใจให้คนที่กำลังยืนกอดกันร้องให้หันมองมา เพียงเห็นเธอ ร่างท้วมของสตรีสูงวัยในอ้อมแขนของหญิงสาวตรงหน้าก็เดินปรี่มาหา แล้วตวัดมือตบลงบนใบหน้าซีดขาวของเธอทันที..
ฉาด!
“แก แกทำให้ตาติตาย ฮือ ฮือ นังผู้หญิงกาลี ตัวกาลกิณี นังผู้หญิงกินผัว นังตัวซวย ฮือ ฮือ ตาติ แม่บอกแล้วใช่ไหมว่านังผู้หญิงคนนี้เป็นกาลกิณีของบ้านเรา ฮือ ฮือ ตาติ ลูก..ฮึก ฮึก ลูกแม่ ฮือ ฮือ ”ความเจ็บปวดที่ได้รับรวมไปถึงคำผรุสวาทที่ได้ยิน ก็ไม่ได้ทำให้ร่างที่เซคว้างลงไปกองกันพื้นรู้สึกรู้สม นอกจากคำๆ เดียว
“พี่ติตาย พี่ติตายแล้ว ไม่จริง ไม่จริง ไม่จริง”เธอส่ายหน้าด้วยแรงทั้งหมดที่มีทวนคำซ้ำๆ น้ำตาร่วงพรู ไร้เสียงสะอื้นเพราะรู้สึกชาตลอดร่าง
“คุณทำอะไรของคุณน่ะ”พยาบาลสาวที่ช่วยประคองผู้ป่วยมา ตกใจกับเหตุการที่เกิดขึ้นกะทันหันรีบก้มลงช่วยพยุงหญิงสาวให้ลุกขึ้น แล้วหันมาส่งสายตาปรามหญิงสูงวัยที่ทำท่าจะก้มลงมาทำร้ายคนไข้ของเธอซ้ำ
“มันทำให้ลูกฉันตาย เพราะมัน เพราะมันคนเดียว นังตัวซวย เพราะมันคนเดียว โธ่ ตาติ ถ้าลูกเชื่อแม่สักนิดก็ไม่เป็นแบบนี้ ฮือ ฮือ ตาติ ลูกแม่ ฮึก ฮึก”หญิงสูงวัยระเบิดความรู้สึกเศ่ร้าโศกจากการสูญเสียบุตรชายคนโตไปอย่างไม่มีวันกลับ แล้วสะอื้นตัวโยน จนพยาบาลที่ดูแลบริเวณห้องฉุกเฉินอีกคน ต้องรีบมาพาตัวไปนอนพัก ด้วยเป็นห่วงว่านางอาจจะมีอาการช็อกได้ พยาบาลสาวจึงประคองร่างสั่นสะท้านของคนไข้ของเธอให้เดินกลับไปยังห้องพักฟื้นอีกครั้ง หลังจากตรวจรอยบาดแผลใหม่แล้วว่าไม่ทำให้รอยเย็บบาดแผลเดิมปริหรือฉีกแม้จะมีเลือดซึมออกมาจากบาดแผลบ้างก็ตาม หญิงสาวร่างโปร่งที่กอดปลอบมารดาอยู่ก่อนหน้า ทำได้เพียงยืนมองเหตุการณ์ตรงหน้านิ่งด้วยในสมองยังว่างเปล่าขาวโพลน น้ำตากลบดวงตาคู่งามจนแทบไม่เห็นอะไร หัวใจเจ็บร้าวจนปวดปร่ากับการสูญเสียกะทันหันที่เกิดขึ้น จนกระทั่งรู้สึกถึงสัมผัสอุ่นตรงข้อมือเธอจึงหันไปมอง ก่อนจะก้าวเท้าเดินเข้าไปซบหน้าลงกับอกกว้างของเจ้าของมือหนาแล้วสะอื้นให้จนตัวโยน ปิติภัทรกระชับวงแขนโอบแฟนสาวไว้ในอ้อมกอด ในใจหดหู่เกินจะเอ่ยคำปลอบโยนได ตาคมหันมองประตูห้องฉุกเฉิน ก่อนจะเบือนไปยังแยกทางเดินด้านหน้า ที่พยาบาลพาผู้ประสบเหตุที่ยังมีชีวิตอยู่ออกไป แล้วถอนใจยาวเฮือกใหญ่ ในใจนึกสงสารและเห็นใจกับผู้สูญเสีย...ทุกคน
“นังตัวกาลกิณี ออกไปเลยนะ ออกไป ไปให้พ้นนะ ฮือ ฮือ เพราะแก แกทำให้ตาติต้องตายฮือ ฮือ นังผู้หญิงชั่ว ไป ไป๊ ออกไป ออกไปเดี๋ยวนี้นะ”เสียงร่ำให้ด่าทอดังก้องจนทำให้แขกผู้มาร่วมงานหันมองมาเป็นตาเดียว
“ไหมขอโทษค่ะ ไหมขอโทษ ไหมขอโทษ”หญิงสาวใบหน้าซีดเซียว ดวงตาแดงช้ำมีน้ำตาคลอครองกลบตายกมือไหว้ผู้บริภาษเธออย่างรุนแรง พลางกระซิบคำขอโทษซ้ำไปซ้ำมา จนคนมองทนไม่ได้
“พี่ไหมคะ เรากลับกันก่อนเถอะค่ะ”สาวร่างโปร่งที่ประคองร่างบอบบางของพี่สาวเขย่าต้นแขนของผู้เป็นพี่เบาๆ แต่เธอส่ายหน้า เป็นเวลาเดียวกันกับที่ร่างระหงกลมกลึงในชุดดำสนิทคุ้นตาเดินตรงเข้ามาโดยมีร่างสูงของแฟนหนุ่มเดินตามมาด้วย ทำให้ม่านไหมค่อยใจชื้น ดวงตาคู่ช้ำจุดรอยหวัง
“คุณรส”ใบหน้าสวยเฉี่ยวเหลือบมองผู้มีศักดิ์เป็นพี่สะใภ้แวบหนึ่ง ก่อนจะเดินเข้าไปประคองผู้เป็นแม่ที่ยืนจังก้ามองดูสะใภ้ด้วยแววตาเคียดแค้นชิงชัง เจ้าของดวงตาช้ำงงงวย หัวใจกระตุกวูบเมื่อเห็นรอยเกลียดชังในดวงตาคู่สวยของน้องสามี ผู้ที่เคยเป็นมิตรกับเธอเสมอ
“พี่ไหมกลับไปเสียเถอะค่ะ แค่นี้พวกเราก็เสียใจกันมากพออยู่แล้ว”
“คุณรส”ม่านไหมมองเจ้าของเสียงเรียบเย็น ราวไม่เชื่อตา รติรสเพ่งมองวงหน้าซีดเซียวที่ยังมีร่องรอยเขียวช้ำทั่วใบหน้า ก่อนจะมองเลยไปยังผ้าพันแผลรอบศีรษะของอีกฝ่าย ริมฝีปากบางคลี่ยกรอยหยัน ทำให้ความหวังสุดท้ายของม่านไหมพังทลาย
“กลับไปซะเถอะค่ะ”เสียงเย็นคงไล่ซ้ำ
“ออกไป ฉันบอกให้แกออกไป”หญิงร่างท้วมสุดจะสะกดกลั้นความรู้สึก โผนเข้าไปฟาดมือลงบนใบหน้าของหญิงสาวที่เธอเกลียดชังจับใจ แม้จะรู้สึกสาสมใจแต่รติรสก็ต้องรีบเข้าไปคว้าร่างสั่นเทาของมารดาเอาไว้ ก่อนจะก้มมองร่างที่เสียหลักถลาลงกองแทบเท้าด้วยดวงตาวาวโรจน์แล้วเอ่ยไล่เสียงหนักอีกครั้ง
“ไปให้พ้น”ก่อนสาวร่างโปร่งจะประคองมารดาของตนเข้าไปบริเวณด้านใน ท่ามกลางเสียงซุบซิบเซ็งแซ่และสายตาอยากรู้อยากเห็นของคนแทบทั้งงาน
“พี่ไหม เจ็บมากมไหมคะ”ม่านมุกตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นกะทันหัน รีบทรุดลงประคองร่างสั่นสะท้านของพี่สาวไว้ในอ้อมกอดด้วยความสงสารจับใจ เสียงหวานเครือกระซิบวอนผู้เป็นพี่
“กลับบ้านเรากันนะคะพี่ไหม”ม่านไหมเงยใบหน้าที่มีรอยช้ำขึ้นมองน้องสาว แล้วพยายามกลั้นน้ำตาตน ยกมือเย็นเฉียบของตนค่อยๆ ไล้น้ำตาให้อีกฝ่ายอย่างแผ่วเบา ม่านมุกช่วยพยุงพี่สาวให้ลุกขึ้นแล้วประคองร่างที่สั่นด้วยแรงกลั้นสะอื้นให้เดินออกจากบริเวณงาน ท่ามกลางสายตาผู้คนร่วมร้อยรวมถึงสายตาของชายร่างสูงที่มองตามคนทั้งคู่ไปจนลับตา