บทนำ
“เอ้า ๆ ..ชนแก้ว ๆ ไม่เมาไม่ต้องกลับนะ วันนี้ฉันเลี้ยงเอ้งง เย้วว”
เสียงชนแก้วดังพอกับๆ เสียงเพื่อนสาวที่หัวเราะเฮฮาดังลั่น หญิงสาวร่างเล็กในชุดเสื้อสายเดี่ยวสีแดง กระดกแอลกอฮอล์เข้าปากไปพรวดเดียว เธอวางแก้วใสลงที่โต๊ะ แล้วลุกขึ้นดีดตัวขึ้น โยกย้าย ส่ายสะโพกเร่าๆ เหมือนโดนน้ำร้อนลวก
จนกลุ่มอื่นๆ ในผับยังต้องหันมามอง แต่หญิงสาวในกลุ่มไม่สนใจเลยว่าใครจะมองพวกเธอยังไง ก็พวกเธอเป็นสาวสายปาร์ตี้นี่น่า
ติ๊ด ๆ ..Z z เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นอีกเป็นรอบที่ 38 แล้วของวันนี้
“เฮ้อ! จะจิกอะไรนักหนานะคุณพ่อ น่าเบื่อจริงๆเลย”
เธอกรอกลูกตากลิ้งไปมา ก่อนตัดสินใจรับสาย
“ว่าไงคะคุณพ่อ”
เธอกรอกเสียงลงไปพยายามทำเสียงให้เป็นปกติ แต่เสียงรอบข้างก็ดังเกินกว่าจะได้ยินเสียงของผู้เป็นพ่อ แต่พอจับใจความได้กับคำสุดท้ายที่ผู้เป็นพ่อพูดผ่านสายโทรศัพท์
“ลูกต้องรีบกลับมาภายใน 3 วัน ตอนนี้ธุรกิจของพ่อกำลังแย่ พ่อต้องการลูกนะเฌอ”
สิ้นเสียงคุณพ่อหญิงสาวกดวางหูโทรศัพท์ ใบหน้าที่ร่าเริงก่อนหน้านี้ จู่ๆ น้ำใสๆจากดวงตาทั้งสองข้างก็ไหลออกมา จนเพื่อนๆเข้ามารุมถามว่าเป็นอะไร เธอได้แต่สั่นหน้าไม่ได้พูดอะไร
ที่สนามบินสุวรรณภูมิ
หญิงสาวสวมแว่นดำอันใหญ่ปิดบังใบหน้าเรียวเล็ก ก้าวผ่านประตูทางออกของผู้โดยสารขาเข้าภายในประเทศ เธอสังเกตเห็นนักข่าวมากมาย เธอพยายามทำตัวให้ปกติที่สุด เดินเบียดเสียดร่างไปกับคนอื่นโดยไม่มีใครจับได้ คนขับรถของที่บ้านรีบเข้ามารับกระเป๋าแล้วลากออกไปเร็ว ๆ
แต่เริ่มมีนักข่าวคนนึงสังเกตเห็น จึงรีบตะโกนบอกคนอื่นๆ วิ่งตามมา
“นั่น ..! นั่น คุณเฌอดาว เร็วๆ”
หญิงสาวรีบก้าวขาขึ้นนั่งในรถหรู คนขับเคลื่อนที่รถคันงามออกไปทันที
เมื่อเข้ามาถึงภายใน คฤหาศน์แสนสวย ผู้เป็นพ่อยืนอ้าแขนต้อนรับลูกสาวเพียงคนเดียว เฌอดาววิ่งเข้าไปสู่อ้อมกอดคนเป็นพ่อ อ้อมกอดนั้นอบอุ่นเสมอ การกอดครั้งนี้เสมือการชาร์ตพลังงานให้พ่อลูกคู่นี้
“คุณพ่อคะ หนูขอโทษค่ะ ที่หนูไม่เคยสนใจอะไรเลย เอาแต่เที่ยวเตร่ สุรุ่ยสุร่าย ถลุงเงินของคุณพ่อไปวัน ๆ หนูไม่รู้จริงๆค่ะว่าจะเป็นแบบนี้ ฮือๆ”
“ไม่เป็นไรหรอกลูก เรายังพอมีเวลา 3 เดือน เขาให้เวลาเรา 3 เดือน” ผู้เป็นพ่อบอก
“เออจริงสิลูก ไปอยู่อเมริกามาตั้งนานไม่เห็นขาวขึ้นเลย” ผู้เป็นพ่อเย้า
“คุณพ่ออ่ะ” ลูกสาวกอดพ่อไป พลางเดินไปด้วยไม่ยอมปล่อยร่างผู้เป็นพ่อ
“หนูจะสู้ค่ะ เราจะต้องเอาโรงแรมทั้งหมด กับบ้านหลังนี้ของเรากลับคืนมาให้ได้ค่ะ ภายใน 3 เดือนใช่มั้ยคะ ที่เรายังพอมีเวลา”