บทนำ
เมฆสีเทาลอยต่ำบดบังแสงตะวัน สายลมบางเบาพัดหอบปุยหิมะหมุนวนเป็นเกลียวอยู่ในอากาศ แดดอ่อนๆ ส่องกระทบผิวน้ำใส สะท้อนเห็นดวงหน้างามพิลาสของสตรีผู้หนึ่งยืนอยู่เหนือลำธารน้ำใส เส้นผมสีดำขลับยาวปกคลุมสะโพกอ้อนแอ้น พลิ้วไหวล้อเล่นสายลม นัยน์ตาสีนิลทอดมองภูเขาสูงชันที่อยู่เบื้องหน้า
วันเวลาแห่งความสุขมักจะสั้น สิบกว่าปีที่ใช้ชีวิตอยู่ในจวนเสนาบดีเจิ้ง แม้จะพยายามอยู่อย่างไร้ตัวตน ทำตัวคล้ายเป็นอากาศ ที่ผ่านมานางพยายามจะแสวงหาแต่ความสงบให้ตนเอง หากแต่ก็ไม่เคยได้มันมาโดยง่าย นับวันยิ่งคล้ายขอนไม้ที่ขวางทางน้ำ ขัดตาขัดใจผู้อื่น
ฮุ่ยน่า มองกองหิมะขาวโพลน ทับถมจนเกิดเป็นภูเขาขนาดเล็ก อากาศเริ่มจะหนาวเย็นขึ้นเรื่อยๆ นางในฐานะคุณหนูใหญ่แห่งจวนเสนาบดี ควรสวมอาภรณ์ที่สวยสดงดงาม แน่นอนว่าเนื้อผ้านั้นต้องหนาและนุ่ม แต่เพราะเป็นเพียงบุตรสาวที่มิมีตัวตนพอจะให้บิดาหันมาเหลียวแล อาภรณ์ที่สวมใส่จึงไม่ต่างจากบ่าวผู้หนึ่งในเรือน หากมองดูให้ดีสาวใช้คนสนิทขั้นหนึ่งของฮูหยินใหญ่ ยังสวมอาภรณ์เนื้อดีกว่าคุณหนูตกยากอย่างนางเสียอีก
ผู้อื่นย่างเข้าวัยสิบหกหนาว บิดาหน้าบาน มารดายิ้มกว้างด้วยบุตรสาวถึงวัยออกเรือน หากบุตรสาวบ้านใดงดงามย่อมร่ำลือไปทั่ว หน้าประตูจึงไม่เคยขาดแม่สื่อพากันเข้าทาบทาม เชื่อมสัมพันธ์ผูกด้ายแดงที่ปลายนิ้วนาง
นางล่วงเลยวัยปักปิ่นเข้าสู่วัยออกเรือน ยามนั้นแม้แต่พิธีสู่ความเป็นผู้ใหญ่ยังถูกบิดาละเลย ไม่มีมารดาคอยเกล้าผม ไร้ซึ่งบิดาคอยปักปิ่น คุณหนูใหญ่ของจวนเสนาบดี เป็นแค่บุตรีที่ถูกลืม
แม้จะมีฐานะเป็นคุณหนูใหญ่ มีมารดาเป็นถึงภรรยาเอก อีกทั้งได้สลักชื่อลงในตระกูลเจิ้ง แต่ก็แล้วอย่างไรเล่า! ในเมื่อนางอยู่ในจวนนี้อย่างไร้ตัวตน ไร้ค่านับตั้งแต่มารดาจากไป
นางไม่อาจลืม! ทุกคืนวันที่อาศัยอยู่ในจวนเสนาบดี ถึงจะผ่านมาสิบแปดปีแล้วก็ตาม ยามหลับตาลงคราใดก็มักเห็นภาพเมื่อครั้งมารดาจากไป ทว่ายังไม่ถึงเจ็ดราตรีเสียด้วยซ้ำบุรุษมากรักผู้นั้นไม่คิดจะรั้งรอ รีบยกย่องภรรยารองแต่งตั้งขึ้นเป็นภรรยาเอก นับจากนั้นชีวิตของเด็กสาวในวัยเพียงแปดหนาว ก็ล้มคว่ำไม่เป็นท่า
เรือนที่เคยอาศัยหลับนอนกลับถูกสองแม่ลูกเข้ายึดครอง เด็กน้อยแอบซุกตัวอยู่ข้างเตียงลอบมองสินเดิมของมารดาที่เก็บรักษาไว้เป็นอย่างดี ถูกพวกสุนัขหิวโซแย่งชิงไว้เป็นของตนเองทั้งที่ไม่ใช่
ฮุ่ยน่ามองบิดาด้วยสายตาตัดพ้อ แต่ก็ไม่เห็นสิ่งใดในแววตาคู่นั้นนอกจากความเฉยชา กระทั่งไม่อาจเก็บกักน้ำตาไว้ได้ มันจุกแน่นในอกตีขึ้นผ่านลำคอจนนางอาเจียนโลหิตออกมา สติที่เลือนรางคล้ายม่านหมอกบดบัง เห็นเพียงบ่าวชายร่างใหญ่กำยำยกร่างของนางแบกขึ้นบ่า แล้วโยนลงบนเตียงแคบๆ ในเรือนเก่าที่ทรุดโทรม และเหม็นอับ
ข้างกายมีเพียงมี่ซินที่นั่งตัวสั่นงันงกร่ำไห้อยู่ข้างเตียง สาวใช้ผู้นี้มารดาซื้อมาจากตลาดทาสด้วยวัยเพียงสิบหนาว นับจากวันที่ถูกโยนเข้ามาในเรือนเก่าชีวิตก็ไม่ต่างจากบ่าวคนหนึ่งในเรือน มีสิ่งใดบ้างที่สองนายบ่าวไม่ได้ทำ แม้กระทั่งขโมยอาหารกินให้ตนเองได้อิ่มท้องก็ตาม
ตะวันคล้อยดวงจันทร์สลับขึ้นจากขอบฟ้า สตรีที่มีอายุย่างเข้าสิบแปดหนาวเลยวัยออกเรือนมาหลายปีแต่ยังไม่มีแม่สื่อทาบทาม คาดว่าอีกไม่เกินสองปีนางจะกลายเป็นสาวเทื้อ ไม่คาดคิดจะมีผู้หวังดีช่วยกระพือข่าวเสียใหญ่โต ไม่เช่นนั้นบุตรสาวที่ไร้ตัวตนผู้ใดจะสนใจ น้ำใส่ย่อมมองเห็นก้นบ่อ
สตรีที่ตกเป็นหัวข้อสนทนาก็หาได้สนใจไม่ ปล่อยให้เรื่องทั้งหมดแพร่สะพัดไป แล้วแค่รอให้ฝนตกเพลิงก็จะดับเอง ทว่าผู้ที่นั่งไม่ติดราวกับไฟลนก้นกลับเป็นบุรุษผู้ที่รักหน้าตายิ่งกว่าสิ่งใด เขาคือผู้ที่นางไม่เคยเรียกขานว่าบิดานานร่วมสิบปี
กระทั่งความอดทนของบิดาสิ้นสุดลง จึงออกคำสั่งราวกับสายฟ้าฟาดกลางศีรษะ ขับไล่บุตรสาวที่ไร้ค่าออกจากจวน เนรเทศสู่หมู่บ้านดินแดนทุรกันดารที่มีไว้กักขังบุตร และสตรีที่ไร้ค่าของผู้คนชั้นสูง
และนั่นคือวันแรกของการเริ่มต้นชีวิตใหม่ของนาง ฮุ่ยน่า