สองพ่อลูกกำลังขี่รถจักรยานยนต์กลับจากงานเลี้ยงปัจฉิมของโรงเรียนในเวลาเกือบยี่สิบสามนาฬิกา ซึ่งคนเป็นพ่อมีอาชีพรับราชการครูในโรงเรียนแห่งนั้น บุตรสาวตัวเล็กวัยประมาณ สิบขวบนั่งเกาะเอวพ่อแจ ใบหน้าซบกับแผ่นหลังตาปรือบ่งชัดว่าเป็นอาการของคนง่วงนอน คนเป็นพ่อเอื้อมมือข้างหนึ่งไปด้านหลังเพื่อเกาะลูกสาวเพราะกลัวจะตกจากรถ
“นั่งดี ๆ นะลูก เดี๋ยวจะหล่นลงไป ใกล้จะถึงแล้วนะ”
“เตยง่วงจังเลยพ่อ เมื่อไรจะถึงบ้าน” คนพูดตาปรือแทบลืมไม่ขึ้น สติสัมปชัญญะงุนงงเพราะความง่วงงุนที่ก่อตัว
“อีกนิดเดียวลูก”
คนเป็นพ่อเห็นว่าถนนค่อนข้างโล่ง จึงเร่งความเร็วรถขึ้นอีก แต่ขณะที่กำลังจะเลี้ยวเข้าซอย เด็กหญิงก็ละมือจากเอวเพราะความง่วงจึงผล็อยหลับไป คนเป็นพ่อห่วงลูกว่าจะตกรถ จึงเอื้อมมือไปคว้าลูกโดยอัตโนมัติเลยไม่ทันระวังกับรถที่วิ่งสวนออกมาจากซอยด้วยความเร็วเช่นกัน ทำให้รถของสองพ่อลูกถูกชนกระเด็นไปข้างฟุตปาธ คนเป็นพ่อแน่นิ่งไป
“พ่อ!” เด็กหญิงหายง่วงเป็นปลิดทิ้งเขย่าร่างบิดาพลางร้องไห้ฟูมฟาย
“ช่วยด้วย! ช่วยพ่อหนูด้วย! ช่วยด้วย!” เด็กหญิงกอดร่างบิดาที่หมดสติ บริเวณศีรษะและลำตัวมีเลือดสีแดงฉาน
ไหลทะลักไม่หยุด หลังประสบอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์โดนเฉี่ยวชน ตัวเธอเองก็บาดเจ็บไม่น้อยแต่ยังมีสติห่วงบิดา
“เฮ้ย! รีบไปกันดีกว่าก่อนที่จะมีใครมาเห็น”คนขับรถยนต์หรูส่างเมาแทบจะทันที หันไปบอกเพื่อนที่ทำท่าลังเลจะลงไปดูอาการของสองพ่อลูกเคราะห์ร้ายนั่น
“จะไม่ลงไปดูพวกเขาหน่อยเหรอวะ”
“ลงไปให้โง่สิ ถ้าตายเรื่องใหญ่นะโว้ย เผ่นก่อนดีกว่า”
“แกแน่ใจเหรอวะว่าจะปล่อยสองคนนั่นไว้แบบนี้”
“แน่ใจสิวะหรือแกอยากติดคุก”
อีกฝ่ายจึงชะงักหันมารัดเข็มขัดนิรภัย แล้วคนขับก็พารถทะยานหลบหนีไป ปล่อยให้คนเจ็บผู้น่าสงสารสองพ่อลูกรับชะตากรรมอยู่กลางซอยเปลี่ยวเพียงลำพัง