คุณเชื่อในเรื่องแรงโน้มถ่วงของโลกหรือไม่! ผมเชื่อเพราะขวางก้อนหินไปทีไรมันก็ตกลงน้ำอยู่แบบนั้นทุกที-
แล้วคุณเชื่อเรื่องกฎแห่งกรรมหรือไม่! ผมเริ่มไม่แน่ใจเพราะคนรวยทำอะไรผิดก็ไม่น่าเกลียดโกงกันเห็น ๆ แต่ทุกคนก็พากันลืมได้เร็วจริง ๆ
ผมขอถามคุณเป็นประโยคสุดท้ายว่า “เชื่อเรื่องสัมผัสที่หกหรือไม่” แต่ถ้าให้เดาคุณต้องไม่เชื่อแน่ๆ อย่าทำหน้าสงสัยแบบนั้น เพราะผมกำลังจะบอกว่า “สัมผัสนั้นเกิดขึ้นกับคุณแล้ว”
แสงไฟสลัว ๆ บนท้องถนนที่คลาคล่ำไปด้วยรถยนต์ และเสียงแตรที่ดั่งสนั่นจนแสบแก้วหูสร้างความน่ารำคาญใจให้กับผู้ร่วมชะตากรรมบนท้องถนนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ สี่แยกไฟแดงเป็นเสมือนจุดนัดพบของคนสันดานดิบที่ปลุกคำด่าต่าง ๆ นานาและสิงสาราสัตว์มาไว้ที่ริมฝีปากของตนเอง เฉียว สะบัด ปาดหน้า ย้อนศร หอนตามสี่แยกล้วนการันตีถึงความเมามันในคำด่าที่ระบายอารมณ์ได้ดีในยุคเศรษฐกิจแบบนี้
สายฝนที่โปรยปรายลงมาอย่างมืดฟ้ามัวดินทำให้การจราจรในย่านเมืองหลวงยิ่งติดขัดแออัดไปด้วยมลพิษ เสาสัญญาณไฟที่ดูเหมือนจะเปลี่ยนได้เพียงสีเดียวกลับล้มลงมาอย่างดื้อ ๆ จนทำให้ทุกอย่างยิ่งดูเลวร้ายหนักขึ้นทุกที
สัญญาณไซเรนสว่างไสวมาพร้อมกับเสียงที่ฝ่าฝูงโลหะหุ้มคนเข้ามาได้อย่างน่าอัศจรรย์ องค์กรที่ช่วยเหลือสังคมเกิดขึ้นมาอย่างมากมายต่างอยู่ได้เพราะเงินบริจาคหลายสิบล้านที่พวกมันช่วยกันฟอกจนกลายเป็นสีขาวบริสุทธิ์
ชายร่างกำยำสวมชุดสีส้มสะท้อนแสงเด่นชัดในยามค่ำคืนที่เร่งด่วนแบบนี้ และหวังว่าจะไม่มีรถคันไหนเสยเขาจากด้านหลัง อำนาจการสั่งการดูเหมือนจะเป็นของชายคนนี้ แววตาที่ดุดันช่วยให้คำสั่งนั้นเป็นเหมือนประกาศิตที่ทุกคนต่างต้องทำตาม
“จับมันกลับไปให้ได้ นายเอาพวกเราตายแน่ ๆ” เสียงที่สั่นเครือด้วยความหนาว
“ลูกพี่!!! เราจะจัดการอะไรก่อนดี”
“แกนี่มันโง่จริง ๆ เสาไฟปล่อยเป็นหน้าที่ของข้าเอง พวกแกรีบไปตามหามันให้เจอก่อนที่นายจะรู้เรื่องเข้าไป!!!” เสียงตะหวาดที่ดังขึ้นทำให้เหล่าสมุนโกยกันจนหางจุกตูด
“ขอเครื่องตรวจจับอุณหภูมิหน่อยสิลูกพี่” เสียงอันสั่นเครือปนด้วยเสียงหอบ
“นี่แกยังไม่ไปกันอีกย้อนกลับมาสวรรค์วิมานอะไรกัน เจ้าพวกบ้า!!!” การร้องขอไม่เป็นผลแต่กลับทำให้ชายทั้งสองคนวิ่งกันอย่างหัวซุกหัวซุนลงไปใโพรงหญ้าริมทางด่วน
“นักสืบอย่างเราทำไมมันเกิดมาซวยอย่างนี้วะ อึก!อึก! เมียทิ้ง ลูกหาย อึก!อึก! รถแม่งยังมาติดอีก อึก!อึก! ซวย! ซวย!จริง ๆ จะมีใครในโลกนี้ซวยได้บัดซบแบบนี้อีกหรือเปล่าวะ อึก!อึก!” ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาเมาแล้วขับแบบนี้
“คุณ! คุณเมาแล้วขับ ขอดูใบขับขี่ด้วยครับ” เสียงเคาะกระจกของตำรวจนายหนึ่งดังอยู่นานแต่ก็ไม่มีที่ท่าที่นักสืบวัยกลางคนจะทำตามคำสั่งนั้น
“อะไรกันอีก!!! จะเคาะกระจกทำไม คนจะหลับจะนอน เดี๋ยวสวย เดี๋ยวสวย อึก!อึก!” น้ำเมายังสูบฉีดอยู่ในกระแสเลือด
“อ้าว!!! ไฟเขียวตั้งแต่เมื่อไหร่วะ เหยียบมันสุด ๆ ไปเลย ช้าดีนัก ชนมันตายให้หมดขวางทางอยู่ได้ อึก! อึก!” พูดยังไม่ทันขาดคำฟุบลงคาพวงมาลัยจนเสียงแตรดังสนั่นไปทั่วบริเวณ
“ไอ้ควาย! เอ๊ย!!! เมาแล้วขับเสือกหลับบนถนนอีก ไปนอนตายที่อื่นเลยไป” เสียงด่าประโคมขึ้นอย่างเซ็งแซ่แต่ถูกตอบกลับมาด้วยเสียงกรน
“ช่วยผมด้วย! ช่วยผมที! พวกมันจะฆ่าผม!” เสียงเด็กผู้ชายท่าทางอิดโรยเสื้อผ้าขาดซึมไปด้วยเลือดทาบมือลงที่กระจกรถอย่างทุลักทุเล
“ช่วยผมด้วยครับ! พวกมันจะฆ่าผม!” กำปั้นทุบลงที่กระจกอย่างเต็มแรงแต่เหมือนว่าจะสายเกินไป
“นั่นมันอยู่ตรงนั้น เร็วเข้าต้องจับมันให้ได้” ชายร่างท้วมตะโกนจนดังลั่น
“อึก!อึก! ใครมาเคาะกระจกวะ อึก!อึก! ไฟเขียวแล้วนี่หว่า!” ชายวัยกลางคนเหยียบคันเร่งจนสุดปลายเท้า รถพุ่งกระชากไปข้างหน้าอย่างหวาดเสียว ปล่อยให้ร่างของเด็กน้อยล้มฟุบลงบนถนนอย่างไม่ใยดี
“ปล่อย! ปล่อย! อย่า! อย่า!” มือที่พยายามปัดป้องอย่างร้อนรนแต่พวกมันไม่หยุดเท่านั้นยัดเยียดบางสิ่งบางอย่างให้
“ต้องฉีดมันด้วยไอ้นี่ก่อน จับมันไว้แน่น ๆ”สารเคมีในขวดแก้วถูกสูบขึ้นมาจนเต็มหลอด
เด็กน้อยพยายามดิ้นรนขัดขืนแต่ถูกชายร่างกำยำสองคนกดที่หัวไหล่ไว้จนแน่นราวกับเป็นการจัดฉากว่ามีผู้ได้รับบาดเจ็บจากอุบัติเหตุจนต้องได้รับการปฐมพยาบาลอย่างเร่งด่วนและเป็นจังหวะที่สายฝนเริ่มซาลงการจราจรไหลลื่นไม่เป็นเป้าสายตาให้ใครต่อใครได้สงสัย
สารเคมีเอ่อล้นปลายเข็มฉีดยาและมันถูกบรรจงฉีดลงที่เส้นเลือดใหญ่ของเด็กน้อยอย่างช้า ๆ ดวงตาคู่น้อยปิดลงอย่างสนิท