Snow White and XXX Men
สโนว์ไวท์กับผู้ชายทั้งหมด
บทนำ
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ณ ดินแดนอันไกลโพ้น...ยังมีราชินีผู้งดงามหากแต่มีจิตใจที่โหดร้ายอำมหิต เธอเป็นแม่เลี้ยงของเจ้าหญิงแสนสวยผู้มีนามว่า ‘สโนว์ไวท์’ หญิงสาวผู้งดงามและมีจิตใจอ่อนโยน ดังคำร่ำลือที่กล่าวกันว่า เธอมีริมฝีปากสีแดงเหมือนสีของดอกกุหลาบ เส้นผมดำเงาดั่งไม้มะเกลือ และผิวกายขาวผ่องดั่งหิมะในฤดูหนาว ซึ่งไม่ว่าผู้ใดก็ตามที่ได้พบเห็นสโนว์ไวท์ ต่างก็ตกหลุมรักในความงดงามของเธอด้วยกันทุกคน
ทว่า...การที่มีสโนว์ไวท์อยู่ กลับทำให้ราชินีไม่พอใจเป็นอย่างมาก เพราะก่อนหน้านี้ยามเมื่อเธอเอ่ยถามกระจกวิเศษที่รอบรู้ทุกสิ่งในโลกว่าใครงดงามที่สุดในดินแดนแห่งนี้ กระจกก็มักจะตอบว่า ราชินีนั้นเป็นผู้งดงามที่สุดและไม่อาจหาหญิงสาวคนใดมาเทียบรัศมีความงามได้ แต่ในวันนี้เมื่อเธอเอ่ยถามกระจกวิเศษอีกครั้ง คำตอบที่รับกลับเปลี่ยนไปจากเดิม...
ราชินีผู้เลอโฉมสวมชุดยาวกรุยกาย กระโปรงสีดำดุจดังสีของรัตติกาล บรรจงปักด้วยดิ้นสีทองอร่ามยิ่งขับไล้ให้ใบหน้านั้นยิ่งดูงามสง่า พระนางยืนอยู่ตรงหน้ากระจกบานใหญ่ พร้อมกับเอ่ยถามกระจกวิเศษคู่ใจ โดยหมายมาดว่าคำตอบที่ได้รับจะเป็นที่พึงพอใจเหมือนเช่นครั้งก่อนๆ ที่ผ่านมา
“กระจกวิเศษ จงบอกข้าเถิด ใครงามเลิศในปฐพี”
ทันใดนั้นเอง กระจกเงาบานใหญ่ก็เปล่งแสงออกมา กระจกวิเศษมีลักษณะเป็นกรอบสีทองอร่าม แกะสลักด้วยลวดลายอันวิจิตรตระการตา ก็ค่อยๆ ปรากฏแสงสีขาวสว่างจ้า ก่อนจะฉายให้เห็นภาพของสาวสวยที่บัดนี้มาแทนที่ราชินีผู้ที่เคยครองตำแหน่งหญิงสาวผู้งามเลิศในผืนแผ่นดินนี้
"ก็สโนไวท์น่ะสิ ทั่วทั้งปฐพี ไม่มีใครงามเกิน!"
กระจกผู้รอบรู้ทุกสิ่งก็ส่งเสียงตอบกลับมา เมื่อครั้นราชินีได้ยินเช่นนั้นก็รู้สึกโกรธจัด ใบหน้าที่สวยงามแปรเปลี่ยนเป็นเกรี้ยวกราดกับสิ่งที่กระจกวิเศษกล่าวให้ได้ยิน
“ไม่จริง! เป็นไปไม่ได้ ข้าต่างหากที่งดงามเหนือผู้ใดในแผ่นดินนี้!”
“เมื่อก่อนน่ะใช่ แต่บัดนี้สโนว์ไวท์มีความเลิศเลอ เพอร์เฟค แถมยังอึ๋มเอ็กซ์มากกว่าท่านเป็นไหนๆ”
“ว่าไงนะ...เจ้ากระจกบ้า!”
ราชินีได้ยินเช่นนั้นก็รีบก้มลงไปมองดู พร้อมกับใช้มือสองข้างสำรวจรูปร่างของตนเอง ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามองกระจกวิเศษด้วยอารมณ์ขุ่นมัว
“ข้าพูดเรื่องจริง”
“เจ้าช่างโป้ปดมดเท็จ! ข้าน่ะหรือจะแพ้นังเด็กนั่น แหกตาดูดีๆ แล้วพูดใหม่อีกครั้ง! ว่าข้าผู้นี้ยังคงสวยสง่า และมีรูปร่างที่งดงามเป็นที่หมายตาของชายทั่วทั้งปฐพีเหมือนดั่งเช่นเคยไม่เปลี่ยนแปลง”
“เชื่อข้าสิว่าบัดนี้เด็กสาวที่มีนามว่าสโนว์ไวท์นั้น มีความงามเหนือชั้นกว่าท่านเป็นไหนๆ แถมนางยังใบหน้างดงามดุจดังเทพธิดามาจุติ อีกทั้งเนื้อยังตัวนวลเนียน และมีกลิ่นหอมเย้ายวนใจผู้ชายมากกว่าท่านหลายเท่านัก”
กระจกวิเศษพูดตอกหน้ากลับมา โดยไม่สนใจความรู้สึกของคนฟังเลยแม้แต่น้อย เมื่อราชินีได้ยินดังนั้นก็โกรธจัดอยากจะหยิบแจกันหินอ่อนขว้างใส่ไอ้กระจกปากมาก ให้พังพินาศย่อยยับไปกับตา ถ้าไม่ติดว่ามันเป็นของวิเศษคู่กายที่สามารถมองเห็นทุกสิ่งทุกอย่างในโลกใบนี้
“เช่นนั้นข้าจะไปพิสูจน์ดูให้เห็นกับตา!”
ราชินีเดินออกจากหอคอยด้วยความโมโห นางมุ่งตรงไปหาตัวลูกเลี้ยงของตน เพราะไม่เชื่อว่าเด็กกะโปโลใบหน้าจืดชืดแบบนั้นจะมางดงามเหนือกว่าตนได้
อีกด้านหนึ่ง...สโนว์ไวท์ที่ลอบออกไปจากวัง โดยไม่ให้ราชินีผู้เป็นแม่เลี้ยงพบเห็น โดยเธออ้างกับบรรดาข้ารับใช้คนสนิทว่าจะออกไปเดินเล่นและเก็บดอกไม้ตามประสา ทว่าในความเป็นจริงแล้ว...หญิงสาวผู้งดงามกำลังพลอดรักกับเจ้าชายหนุ่มรูปงาม ท่ามกลางทุ่งดอกไม้สีสันสวยงามและส่งกลิ่นหอมฟุ้ง
“เจ้าชาย...นี่ท่านหอมแก้มข้าจนช้ำไปหมดแล้วนะคะ”
สโนว์ไวท์หัวเราะออกมาพลางย่นคอเข้าหากัน เมื่อถูกเจ้าชาย ‘ฟลอเรียน’ บรรจงมอบจุมพิตที่หวานล้ำยังแก้มนวลก่อนจะละไล้ไปตามลำคอที่ขาวระหงส์ ฟลอเรียนเป็นเจ้าชายของดินแดนใกล้เคียง เขาเป็นชายหนุ่มรูปงาม ผู้มีใบหน้าหล่อเหลาประดุจรูปวาดของจิตรกรเอกเป็นผู้สร้างสรรค์ นัยน์ตาของเขาเป็นสีฟ้าดุจดังสีของท้องนภาที่สดใส ริมฝีปากหยักเหมือนคันศร คิ้วคมเข้มดูรับกันกับเรือนผมสีทอง อีกทั้งยังมีร่างกายกำยำอกผายไหล่ผึ่ง ซึ่งทั้งหมดที่ว่ามานั่น ทำให้สโนว์ไวท์ตกหลุมรักเจ้าชายผู้นี้ตั้งแต่แรกพบ
“ข้าก็แค่อยากจะสำรวจดูให้แน่ใจว่าเจ้าไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆ ก็เท่านั้น”
เจ้าของใบหน้าคมคายคลี่ยิ้มที่แสนจะกระชากใจออกมา ก่อนจะลงมือตรวจสอบเรือนร่างของหญิงสาวด้วยตัวของเขาเอง เพราะก่อนหน้านี้เขาเป็นคนที่ทำให้สโนว์ไวท์หกล้มจากการที่ถูกม้าคู่ใจวิ่งเตลิดเข้าใส่ โชคดีที่เข้ากระตุกบังเหียนเอาไว้ได้ทัน เธอเลยไม่ได้เป็นอะไรมากไปกว่าการตกอกตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น
“แต่ข้าไม่ได้เป็นอะไรจริงๆ นะคะเจ้าชาย”
“จริงรึ แต่ข้าอยากแน่ใจจริงๆ”
ฟลอเรียนมองสบตาเธอ พร้อมกับใช้มือเชยคางหญิงสาวขึ้นมาก่อนจะโน้มตัวลงไปจุมพิตที่ริมฝีปากอิ่มที่เผยอรับรสจูบของเขา
“อืมม...เจ้าชาย”
สโนว์ไวท์ครางออกมาเมื่อเจ้าชายหนุ่มรูปงามสอดลิ้นของเขาเข้าไปพัวพัน และกระหวัดเกี่ยวกับปลายลิ้นเล็กที่หลานล้ำเหมือนรสของผลสตอเบอรี่ เขาจูบเธออย่างเนินนาน ราวกับว่าอยากจะประทับจุมพิตแสนหวานเอาไว้เช่นนี้ตลอดไป แต่เมื่อเห็นว่าหญิงสาวผู้อ่อนต่อโลกมีท่าทีเหมือนกำลังจะขาดอากาศ เขาเลยจำต้องยอมคลายอ้อมกอดออกเพื่อปล่อยตัวเธอชั่วคราว
“ข้าเหมือนว่าจะหายใจไม่ออก”
“อย่างนั้นเรอะ แล้วเจ้าชอบมันไหม?” เจ้าชายถอนริมฝีปากออกแล้วเอ่ยถาม
“ชอบค่ะ รสจูบของท่านช่างหวานล้ำยิ่งนัก”
“เจ้าก็หวานล้ำเช่นเดียวกันสโนว์ไวท์ที่น่ารักของข้า”
ความปรารถนาระหว่างชายหญิงเริ่มก่อตัวขึ้น เมื่อทั้งเขาและเธอต่างก็ตกอยู่ในห้วงแห่งความรักที่ก่อเกิดขึ้นอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว เจ้าชายฟลอเรียนเองก็ตกหลุมรักหญิงสาวแปลกหน้าผู้มีนามว่าสโนว์ไวท์ตั้งแต่แรกที่ได้สบสายตา เขายอมรับว่าเธอเป็นหญิงสาวที่สวยที่สุดเท่าที่เขาจะเคยพบพานมาก่อนหน้านี้
จากนั้นเจ้าชายก็บรรจงจูบเธออีกครั้ง หากครั้งนี้จุมพิตที่นุ่มนวลก่อนหน้านี้ก็พลันแปรเปลี่ยนเป็นเร่าร้อนและดูดดื่มยิ่งกว่าเดิม เจ้าชายหนุ่มใช้ปลายลิ้นอุ่นลุกไล้เกี่ยวพันลิ้นนุ่มของหญิงสาวราวกับกำลังควานหาน้ำหวานจากดอกไม้งาม จากนั้นเขาก็ค่อยๆ ถอนริมฝีปากออกด้วยอารมณ์ที่พลุ่งพล่านจากการตื่นตัว
“เจ้าทำให้ข้าแทบจะอดใจไม่ไหว...”
“อดใจไม่ไหวเรื่องอะไรเหรอคะ?”
ใบหน้าหวานแสร้งทำหน้าฉงน ความจริงเธอรู้อยู่เต็มอกว่าเจ้าชายผู้เปี่ยมล้นไปด้วยเสน่ห์นั้นหมายถึงสิ่งใด แน่นอนว่าเธอเองก็ปรารถนาที่จะให้เขาสานต่อความสัมพันธ์อันแสนวาบหวาม เธอต้องการให้เขามอบสิ่งอื่นที่นอกเหนือจากจุมพิตที่ร้อนแรงให้ต่อจากนี้
“เจ้าอยากจะรู้จริงๆ น่ะเหรอว่าเรื่องอะไร”
สโนว์ไวท์คลี่ยิ้มอย่างเขินอาย ใบหน้าขาวนวลแดงระเรื่อเหมือนผลของเชอรี่ในฤดูหนาว ริมฝีปากเผยอเล็กน้อยยามที่เธอเอ่ยเอื้อนถ้อยคำออกมา คำพูดที่ฟังดูแล้วคล้ายกับคำเชิญชวนที่ทำให้เจ้าชายฟลอเรียนไม่สามารถระงับความปรารถนาที่กำลังประทุขึ้นได้อีกต่อไป
ทันใดนั้นเองเจ้าชายรูปงามก็โน้มตัวเข้าไปหา พร้อมกับใช้จมูกซุกไซร้ไปที่ซอกคอ บรรจงจูบไล้ลงมาตามเนินอก ส่วนมือของเขาก็ค่อยๆ ปลดชุดของหญิงสาวออก จนเปิดเปลือยให้เห็นเนินเนื้อสีขาวบริสุทธิ์เต็มสองตา หน้าอกของหญิงสาววัยแรกแย้มแต่งแต้มไปด้วยปลายยอดสีหวาน กระตุ้นจิตใจให้เจ้าชายหนุ่มแทบจะระงับอารมณ์ไม่ไหวอีกต่อไป
“จะ...เจ้าชาย”
หญิงสาวพยายามเบือนหน้าหนีด้วยความขัดเขิน เมื่อบัดนี้ร่างกายของเธอไร้ซึ่งอาภรณ์ใดๆ มาปกปิด เพราะเจ้าชายฟลอเรียนจัดแจงปลดเปลื้องทุกสิ่งที่เกะกะสายตาออกไปจนหมดสิ้น
“อ่า...สโนว์ไวท์เจ้าช่างงดงามเสียเหลือเกิน”
ความเป็นสุภาพบุรุษหมดสิ้นไป เมื่อเจ้าชายได้ยลโฉมของหญิงสาวแปลกหน้าเต็มสองตา ไฟแห่งความปรารถนาก็ลุกโชนขึ้น เขาบรรจงใช้สองมือลูบไล้บนหน้าอกอวบอิ่ม พร้อมกับใช้นิ้วมือเคล้าคลึงที่ปลายยอดแผ่วเบา
“อ๊าห์...”
หญิงสาวครางออกมากับสัมผัสแปลกใหม่ที่ได้รับ จากนั้นเจ้าชายก็บรรจงจูบไล้จากเนินอกจนไปถึงปลายยอด แล้วตวัดลิ้นเลียยอดสีชมพูที่กำลังแข็งชูชันกับการถูกรุกราน
“อืม...สโนว์ไวท์ เจ้าช่างหอมหวานยิ่งนัก”
“อ่าสส์ เจ้าชาย...”
สโนว์ไวท์กัดฟันครางออกมา ระหว่างนั้นมือข้างซ้ายของฟลอเรียนก็เคล้นคลึงที่เนินเนื้อนุ่มนิ่ม ส่วนมืออีกข้างของเขาก็รุกคืบไปยังต้นขาที่ขาวเนียน ก่อนจะเลื่อนไปยังร่องน้อยของเธอโดยที่หญิงสาวไม่ทันตั้งตัว นิ้วของเขาลูบไล้สัมผัสกลีบนอกอย่างนุ่มนวลก่อนจะแหวกออก เพื่อเข้าไปสัมผัสกับส่วนอ่อนนุ่มด้านใน ที่บัดนี้กำลังฉ่ำเยิ้มด้วยน้ำหวานจากกายสาว
“อ่ะ...อ๊า....”
เธอส่งเสียงครางออกมาเบาๆ เมื่อจู่ๆ นิ้วยาวใหญ่ก็แทรกตัวเข้าไปด้านในส่วนเนื้อที่อ่อนนุ่มที่ไม่เคยมีผู้ใดได้สัมผัสมันมาก่อน คนช่ำชองเย้าหยอกตรงส่วนอ่อนไหว ใช้ปลายนิ้วลากขึ้นลงไปมาอย่างแผ่วเบา ให้เธอคุ้นชินกับสิ่งที่เกิดขึ้นเพื่อเตรียมพร้อมที่จะพบกับสัมผัสที่หนักหน่วงต่อจากนี้
“ข้าจะทำให้เจ้ารู้สึกดี มันจะเป็นความรู้สึกราวกับกำลังร่องลอยอยู่บนสรวงสวรรค์เลยทีเดียว”
คนเจนจัดกระซิบเบาๆ ที่ข้างหูเพื่อปลอบโยน หญิงสาวที่ได้ยินดังนั้นพยักหน้าเล็กน้อย และยอมปล่อยให้เขาเป็นผู้นำพาเธอไปสู่ประตูสวรรค์ตามที่บอก...