รถสองคันไล่บี้กันมาบนถนนเส้นหนึ่งในค่ำคืนที่ท้องฟ้าไร้แสงดาว เสียงล้อบดถนน เสียงเครื่องยนต์แผดกล้าท่ามกลางความมืดและเงียบ ฟังราวเสียงมฤตยูแห่งความตาย
มองเผินๆ เหมือนพวกวัยรุ่นที่ใช้ถนนสาธารณะประลองความเร็ว แต่ความจริงแล้ว หลายต่อหลายครั้งที่รถคันหน้าพยายามเร่งความเร็วหนี แต่หนีไปได้ไม่กี่ล้อหมุน รถคันหลังก็ตามทันและพุ่งเข้าชนท้าย สร้างความเสียหายให้มากขึ้นเรื่อยๆ
เมื่อมาถึงจุดที่มีเกาะกลางถนน รถคันหน้าก็ตัดสินใจเบี่ยงเข้าเลนสวนแบบกะทันหัน รถคันหลังเบี่ยงตามไม่ทัน จึงจำต้องขับในเลนปกติและตีคู่คนละฟากถนนไป
ใกล้ถึงจุดสิ้นสุดของเกาะกลางถนน มีทางแยกเลี้ยวขวา รถคันแรกตัดสินใจเลี้ยวเข้าไป แต่จู่ๆ รถก็ดับ!
เจ้าของรถซึ่งเป็นหญิงสาววัยยี่สิบตอนกลาง มีสีหน้าตื่นตกใจ ขณะเดียวกันก็ได้ยินเสียงคำรามของรถอีกคัน เสียงคำรามที่เหมือนจะเยาะเย้ยว่า แกหนีฉันไม่พ้นหรอก!
หญิงสาวหันไปมองด้านหลัง ก็เห็นว่ารถคันนั้นกำลังจะเลี้ยวมาเลนนี้แล้ว มือไม้หล่อนยิ่งสั่น ใจยิ่งเต้นแรง เหงื่อแตกพลั่ก
ทำยังไงดี?
หนีออกจากรถ!
คิดได้ดังนั้น หล่อนก็เปิดประตูทันที แต่หล่อนตัดสินใจช้าไป รถคันนั้นพุ่งเข้ามาชนรถหล่อนจากด้านหลังเต็มแรง!
ชายหนุ่มวัยประมาณสามสิบ ร่างสูงใหญ่ ผิวเข้ม หน้าตาคมคายวิ่งเร็วๆ มาตามทางเดินในโรงพยาบาล จุดหมายคือห้องฉุกเฉิน
เมื่อไปถึง เขาก็กรากไปที่หน้าประตู มองผ่านกระจกใส ก็เห็นว่าหมอและพยาบาลกำลังพยายามช่วยชีวิตผู้หญิงสองคนเอาไว้ ตามตัวผู้หญิงทั้งสองคนนั้นเต็มไปด้วยเลือด
“ขอโทษครับ คุณอัคนีใช่มั้ยครับ” เจ้าหน้าที่ตำรวจซึ่งเมื่อครู่นี้นั่งอยู่บริเวณที่นั่งรอเดินเข้าไปทัก
“ครับ ผมอัคนี” เขาหันมาตอบ “เกิดอะไรขึ้นครับ คุณตำรวจ”
“เชิญทางนี้ครับ” นายตำรวจหนุ่มผายมือไปทางเก้าอี้ที่วางเรียงราย
“รถทั้งสองคันเสียหายหนักมาก ผู้บาดเจ็บทั้งสองคนโดนกระจกบาดใบหน้าได้รับความเสียหาย และในตัวของผู้บาดเจ็บทั้งสองคนก็ไม่พบหลักฐานที่บ่งชี้ว่าใครเป็นใคร ผมเช็คจากทะเบียนรถจึงรู้ว่าผู้บาดเจ็บคนหนึ่งชื่อ วิรัลยา วณิชพิพัฒน์” เมื่อนั่งลงเรียบร้อยแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจก็เริ่มต้นสอบปากคำ “ส่วนรถอีกคัน เป็นชื่อของคุณ อัคนี รุทธวณิชย์”
“ครับ คนที่ขับรถของผมคือญานีน วณิชพิพัฒน์ ภรรยาของผม”
“ครับ จากนามสกุลที่คุณบอก แสดงว่าทั้งสองคนเป็นพี่น้องกัน” จดชื่อผู้บาดเจ็บอีกรายเรียบร้อยแล้ว นายตำรวจก็เงยหน้ามาถามต่อ
“ใช่ครับ เป็นพี่น้องกัน แต่คนละแม่”
“ทั้งสองคนไม่ได้อยู่บ้านเดียวกันใช่มั้ยครับ”
“ครับ ก่อนหน้านี้ ยิหวา ผมหมายถึงญานีนน่ะ อยู่บ้านคุณยายของเธอ ส่วนหนึ่ง เอ่อ วิรัลยาอยู่กับคุณพ่อและแม่ของเธอที่บ้านอีกหลัง พอแต่งงาน ยิหวาย้ายมาอยู่บ้านผมครับ”
“คุณพ่อของคุณวิรัลยาและคุณญานีนคือ คุณวิญญู วณิชพิพัฒน์ ซึ่งเป็นคุณพ่อบุญธรรมของคุณด้วย ข้อมูลผมถูกต้องใช่มั้ยครับ”
“ถูกต้องครับ แต่ตอนนี้คุณพ่อประชุมงานอยู่ที่ญี่ปุ่น”
“ครับ ผมติดต่อท่านไปแล้ว ท่านกำลังหาเที่ยวบินกลับเมืองไทย...เอ่อ...คุณอัคนี คุณเป็นสามีคุณญานีน แสดงว่าคุณต้องรู้ปัญหาระหว่างพวกเธอใช่มั้ยครับ”
“คุณพูดอย่างนี้หมายความว่ายังไง” อัคนีทำหน้างง
“ตอบคำถามผมมาก่อนครับ”
“ก็...พวกเธอไม่ถูกกันตั้งแต่เด็กแล้วละครับ เพราะถูกสอนให้เกลียดกัน ก็เป็นมาจนโต แต่ก็ไม่ได้ทำอะไรกันรุนแรงนะครับ...ตกลง มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่”
“ผู้เห็นเหตุการณ์เล่าว่า รถคันสีแดงพยายามจะชนคันสีขาวหลายครั้ง...และครั้งสุดท้ายก็สำเร็จ”
คราวนี้อัคนีนิ่งอึ้งไป สีหน้ามีทั้งไม่อยากเชื่อและไม่อยากให้เป็นจริง
รถสีแดงคือวิรัลยา คันขาวคือญานีน
วิรัลยา...จะทำอย่างนั้นจริงๆ หรือ
ขณะที่นายตำรวจเอ่ยต่อไปว่า
“และผมได้ค้นข้อมูลเกี่ยวกับคุณวิรัลยา เลยทำให้ทราบว่า คุณวิรัลยาเคยเป็นคนรักของคุณมาก่อน ก่อนที่คุณจะแต่งงานกับคุณญานีน”
“นี่คุณจะพูดอะไร” อัคนีเสียงเข้มขึ้นมา
“ผมแค่พยายามวิเคราะห์สถานการณ์เท่านั้นครับ เป็นไปได้มั้ยครับว่า เหตุการณ์ครั้งนี้เกิดจากความหึงหวง...”
“เป็นไปไม่ได้ ถึงจะโกรธผมโกรธยิหวา แต่หนึ่งจะไม่มีวันฆ่าใครแน่นอน มันต้องมีการเข้าใจผิด” อัคนีเอ่ยแทรกตั้งแต่นายตำรวจยังพูดไม่จบ
ระหว่างนั้นเอง ประตูห้องฉุกเฉินก็เลื่อนเปิดออก พยาบาลสาวเดินออกมาสีหน้าร้อนรน
“ขอเชิญญาติคนไข้หน่อยค่ะ”
“มีอะไรหรือครับคุณพยาบาล ผมเป็นสามีของญานีนและเป็นพี่ชายของวิรัลยา”
“งั้นดีเลยค่ะ เราเจอปัญหาอย่างหนึ่งค่ะ คนเจ็บมีหุ่นกับหน้าตาที่คล้ายกันมาก ตอนนี้เราไม่มีเวลามากพอที่จะตรวจหาตัวตน ต้องทำการรักษาอย่างเร่งด่วน คุณจำได้ใช่มั้ยคะว่า ใครเป็นใคร”
“จำได้ครับ ผมแยกเธอสองคนได้”
“ถ้างั้นเชิญทางนี้เลย”
เมื่อมาถึงห้องด้านใน อัคนีพบว่า คนเจ็บทั้งสองได้รับการพันแผลบนใบหน้าเรียบร้อยแล้ว แต่ตามตัวยังมีเลือดและร่องรอยแผลอย่างอื่น
“สามีของหนึ่งในคนไข้ค่ะ คุณหมอ” พยาบาลสาวรายงานนายแพทย์หนุ่ม ซึ่งฝ่ายนั้นเหลือบมองเขาเพียงแวบเดียวก็เอ่ย
“คนนี้...” หมอชี้ไปที่หญิงสาวบนเตียงที่อยู่ใกล้เขา ซึ่งอยู่ในชุดกางเกงขายาวเนื้อนุ่ม เสื้อยืดแขนสั้นพอดีตัว “นอกจากใบหน้าที่ถูกกระจกบาดแล้ว ก็ไม่พบส่วนอื่นแตกหัก แต่หมอต้องเอ็กซเรย์ดูทั้งหมดอีกที...ส่วนคนนี้...” หมอชี้ไปที่หญิงสาวอีกเตียงอยู่ในชุดแสคลูกไม้สีครีม “ใบหน้าถูกกระจกบาดเหมือนกัน แต่โชคร้ายหน่อย แขนซ้ายหัก...ทีนี้คำถามคือ คนไหนคือภรรยาของคุณ”
อัคนีมองทั้งคู่สลับกันไปมาอย่างพิจารณา พวกเธอมีหุ่น สีผิว ทรงผม และสีผมเหมือนกันมากจริงๆ พอใบหน้าถูกพันเอาไว้อย่างนี้ก็แยกไม่ออกจริงๆ ว่าใครเป็นใคร ขนาดเขาที่ใกล้ชิดทั้งคู่มาตั้งแต่เด็กยังชักไม่แน่ใจ
“เรามีเวลาไม่มากนักนะ คุณ เราต้องให้เลือดผู้หญิงคนนี้” คุณหมอหมายถึงผู้หญิงในชุดสีครีม
“ครับ...” อัคนีหยิบมือขวาของผู้หญิงใส่กางเกงขายาวขึ้นมาดู แล้ววางลง จากนั้นก็ทำอย่างเดียวกันกับผู้หญิงอีกเตียง แล้วชี้ “คนนี้ครับ ภรรยาผม ชุดแสคนี้ผมซื้อให้เธอ และเธอก็สวมแหวนแต่งงานของผมอยู่”
“คุณแน่ใจนะ”
“แน่ใจครับ...” ชายหนุ่มตอบเสียงหนักแน่น
“ภรรยาคุณเลือดกรุ๊ปอะไร”
“โอครับ วิรัลยาก็โอนะครับ ถ้าเผื่อหมอจำเป็นจะต้องให้เลือดเธอ”
“ขอบคุณครับ เอาละ ตอนนี้คุณออกไปกรอกประวัติผู้ป่วยให้ผมด้วย ทั้งสองคนเลยนะ...”
อัคนีรับคำ ตายังมองที่ร่างภรรยาด้วยความรักความเป็นห่วงสุดหัวใจ เช่นเดียวกับยามมองไปที่ผู้หญิงอีกคน แม้ไม่มีความรักฉันหนุ่มสาวให้ แต่เขาก็รักหล่อนและเป็นห่วงหล่อนมากเช่นกัน
ครู่ต่อมา อัคนีก็เดินมึนๆ ออกจากห้องฉุกเฉิน ตั้งใจจะไปกรอกประวัติของหญิงสาวทั้งสอง ตอนนั้นเองที่ผู้หญิงสองคนกำลังเดินเร็วๆ ตรงมา สีหน้าตื่นตกใจและร้อนรนไม่แพ้เขา
คนแรกเป็นสาวสวยวัยยี่สิบตอนกลางในชุดกาวน์...ดมิสา ลูกพี่ลูกน้องของญานีน ซึ่งเป็นกุมารแพทย์อยู่ในโรงพยาบาลแห่งนี้
คนที่สอง เป็นหญิงกลางคน ร่างผอมบาง ท่าทางสง่า...วารุณ มารดาของวิรัลยา