“จะรีบไปไหนละพวกถ้ำมอง”
“ว้าย...ปล่อยนะ” เกวลีร้องเสียงหลงเพราะไม่คิดว่าเขาจะเห็นเธอทั้งที่ยืนหลบอยู่หลังพุ่มไม้หนาขนาดนั้น
‘หรือว่าเขาจะรู้ว่าเราตามตั้งแต่แรกแล้ว ซวยละ’
“หึ ทำอะไรไว้ อย่าคิดจะรอดไปได้ง่ายๆ”
ชายหนุ่มสังเกตเห็นแท็กซี่คันหนึ่งขับตามมาตั้งแต่ออกจากบริษัท และเนื่องจากไม่คิดว่าตนและเมทินีจะมีศัตรูที่ไหนความคิดของเขาก็มาหยุดที่คนซื้อดอกไม้ให้สาวในนามของเขา เขาจึงเลือกมาดินเนอร์ที่โรงแรมแห่งนี้เพื่อจะดูว่าเธอจะทำยังไงต่อ แต่ไม่คิดเลยว่าเธอจะกล้าสอดแนมติดตามผลอย่างใกล้ชิดถึงขั้นไปนั่งดู
“ฉันไม่ได้ทำอะไรผิด ที่ทำทั้งหมดนี่มันก็คำสั่งคุณทั้งนั้น”
“เหรอ การที่เธอส่งดอกไม้แล้วแอบอ้างชื่อฉันตามหลักการมันก็ผิดเต็มๆ อยู่แล้วยังจะกล้ามาเถียงอีก คราวหน้าถ้าคิดจะทำอะไรควรจะบอกฉันล่วงหน้าก่อนนะเกวลี”
“ฉะ...” ยังไม่ทันได้แก้ต่างให้ตัวเองเสียงโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้นเสียก่อน เธอจึงหยิบมันออกมาจากกระเป๋าพอเห็นว่าใครโทร.มาก็กดรับสายโดยไม่สนใจคนที่ยืนจ้องเขม็งอยู่ด้วยอารมณ์หงุดหงิดเมื่อจู่ๆ ก็ถูกขัดจังหวะ
“สวัสดีค่ะพี่วุฒิ”
พอได้ยินชื่อเท่านั้นแหละภูมิภัทรก็ขยับเข้าหาพร้อมกับยื่นมือไปดึงมือถือ แต่ด้วยสัญชาตญาณที่ไวเธอจึงเบี่ยงตัวได้ทัน จึงเกิดการยื้อยุดกันขึ้น
“เอะ...คุณจะทำอะไร”
เธอตวัดเสียงถามด้วยน้ำเสียงขุ่นเขียวเมื่อมีแววว่าจะแพ้คนหน้ายักษ์ที่จู่ก็เข้ามาแย่งโทรศัพท์มือถือหนำซ้ำแววตาเขายังเรืองรองเหมือนจะมีไฟพุ่งออกมาจนเธอเกือบลืมคนที่อยู่ปลายสายเสียสนิทหากไม่ได้ยินเสียงเขาอีกครั้ง
“เกิดอะไรขึ้นงาม แล้วนี่อยู่ไหนดึกดื่นแล้วยังไม่อยู่ห้องพักอีกเหรอ”
ทรงวุฒิถามมาตามสายด้วยความเป็นห่วงก่อนจะนิ่งอึ้งไปเพราะไม่ทันคิดว่าจะมีใครแย่งโทรศัพท์ของหญิงสาวแล้วเป็นคนตอบกลับเขามาด้วยน้ำเสียงเข้มจัดแทน
“เรื่องเมียคนอื่นอย่ายุ่งให้มากนักทรงวุฒิ เขาจะทำอะไรอยู่ที่ไหนมันไม่เกี่ยวกับนาย”
“ภูมิภัทร”
“เออ...ฉันเอง ทีนี้นายก็วางไปซะ แล้วไม่ต้องโทร.มาอีก ผัวเมียเขาจะคุยกัน”