-๑-
รักเดียวกำลังจะตายหรือนี่!
เธอหายใจไม่ออก แน่นหน้าอกอย่างกับถูกทับด้วยท่อนซุง! ในความมืด แบบที่ไม่รู้เลยว่าอยู่ไหน เธอพยายามดิ้นทุรนทุราย แต่ก็ไม่อาจหลุดออกจากพันธนาการ และเหมือนว่าตอนนี้ร่างกายกำลังจะหมดแรง
ทว่า... ก่อนลมหายใจเฮือกสุดท้ายจะสิ้นสุด เสียงคล้ายเครื่องยนต์เรือหางยาวกลับดังขึ้นอย่างสะเทือนเลื่อนลั่น!
คร๊อกกกก ...ฟรรรี้...
รักเดียวเบิกตาโพลง สติกลับคืนมาในบัดดล!
“ว๊ายยยย” ที่แท้ยังไม่ตาย ลำแข้งขนาดมหึมาพาดขวางอยู่บนหน้าอกของเธอ รักเดียวใช้มือผลักลำแข้งนั้นออกอย่างรวดเร็ว พร้อมกันในคราวเดียวเงาร่างใหญ่โตบนเตียงก็ทะลึ่งพรวดขึ้น ทั้งเขาและเธอต่างทะยานลงจากเตียง ซึ่งก่อนที่สิ่งใดในห้องจะปรากฏชัด แจกันไม้สักขนาดความสูงเกือบสองฟุตจากบนโต๊ะข้างเตียงก็ถูกฉวยมา
“ตายซะเถอะ! ไอ้โรคจิต” แล้วแจกันก็ถูกเธอยกขึ้นฟาดผางลงไปที่กลางกบาลเขา
คนถูกฟาดเซถลันไปชนกับขอบโต๊ะ เสียงดังปั่ก! พร้อมๆ กับเสียง
“โอ๊ย!” แหกปากโวยวายดังขึ้นกึกก้อง
ผ่านความมืด มือของชายหนุ่มเลื่อนไปกดปุ่มสวิตซ์ไฟบนผนังอย่างคุ้นตำแหน่ง ห้องทั้งห้องจึงสว่างพรึ่บ รักเดียวพบตัวเองในชุดหนัง กางเกงแน่นเปรี๊ยะ สภาพยังเป็นปกติ โชคดีงานปาร์ตี้เมื่อคืนเป็นธีมคาวบอยตะวันตก แต่โชคร้ายก็คือ คนตรงหน้าเธอนี่... มันเป็นใคร?!
“คุณเป็นใคร! มาอยู่ในห้องผมได้ไง”
หญิงสาวอ้าปากค้าง ตกใจกับเจ้าของร่างกำยำในสภาพท่อนบนเปลือยเปล่า ท่อนล่างของเขามีเพียงกางเกงลิงห่อหุ้มสัดส่วนอันแน่นปึ๊ก และที่แน่ๆ เขากำลังมองเขม็งมายังแจกันไม้สักในมือเธอ ...แจกันงั้นหรือ? ห้องเธอมีของแบบนี้เมื่อไหร่กัน!
รักเดียวปล่อยมือทิ้งแจกันทันที พลันเสียงแจกันตกกระทบพื้นก็ทำให้หน้าเธอชาวาบ ก้มมองพื้น ...ฮั่นแน่! พื้นไม้ปาร์เก้สวยเสียด้วย ทดสอบให้แน่ใจ ลองย่ำเท้าลงหนักๆ ไม่มีเสียงกรอบแกรบเหมือนพื้นลามิเนตที่ห้องเธอ เพื่อความแน่ใจยิ่งขึ้นอีก เหลือบไปที่ผนังห้อง เจอะทีวีจอยักษ์ เหมาะแก่การชมถ่ายทอดฟุตบอลพรีเมียร์ลีก ซึ่งเข้าชุดกันดี๊ดีกับวอลเปเปอร์สโมสรแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด
ไม่ใช่ละ!!
แล้วร่างใหญ่โตอย่างกับควายถึกของเขาถลันเข้ามา ตะคอกดุดัน “บอกมานะ เข้ามาทำบ้าอะไรในห้องผม จะเข้ามาขโมยของงั้นเหรอ!”
“ว๊ายยยยย” รักเดียวหลับตาปี๋ตอนเขาตะปบมือลงบนแขนเธอ
“คิดว่าเข้ามาขโมยของแล้วจะหนีรอดไปได้ง่ายๆ เหรอ ไม่รู้ซะแล้วว่าใครเป็นใคร”
“ปละ... เปล่านะ ฉะ... ฉัน ไม่ได้เข้ามาขโมยของ”
“ยังจะมีหน้ามาเถียง”
“ค...คือ คือว่าฉัน... เข้าห้องผิด”
“เข้าห้องผิด!? ข้อแก้ตัวปัญญาอ่อนไปหน่อยไหมแม่คุณ อ้อ! นึกได้แล้ว คุณมันแก๊งสะเดาะกุญแจที่เค้าประกาศเตือนอยู่แน่ๆ ดีล่ะ มานี่เลย จะต้องจับส่งตำรวจ”
ตำรวจเหรอ ไม่นะ “ฉะ.. ฉันไม่ได้เป็นขโมย ฉันเข้าห้องผิด จริงๆ นะ สาบานได้ ปล่อยฉันเถอะ”
“ไม่ต้องมาบีบน้ำตา ผมไม่ใช่ประเภทแพ้น้ำตาผู้หญิงหรอกนะ บอกเลย”
“ก็ฉันไม่ได้เป็นขโมยจริงๆ นี่นา คุณเช็คข้าวของดูสิ มีอะไรสูญหายสักอย่างไหม”
“จะหายหรือไม่หาย ผมไม่สน สนแค่ว่า หัวผมที่แตกเนี่ย คุณจะรับผิดชอบยังไง” ไม่ตะคอกเปล่า หากมือใหญ่ยังเขย่าแรงๆ ลงมาที่แขนเธอ เค้นจะเอาคำตอบ หญิงสาวน้ำตาคลอ
“ฉันไม่ใช่หัวขโมยจริงๆ ขอร้องล่ะ ปล่อยฉันเถอะ ฉันเจ็บ”
“เจ็บเป็นคนเดียวเหรอ แล้วที่ทำหัวผมแตกนี่ คิดว่ามันไม่เจ็บหรือไง”
เสียงเขาโกรธสุดขีด ขืนรออีกนิดเดียว เขาคงขย้ำคอเธอจนแหลกคามือ รักเดียวฉุกคิดแผนได้อย่างหนึ่ง
แล้วทันใดนั้น ร่างเธอล้มระทวย สิ้นสติลงในอ้อมแขนของเขาเสียดื้อๆ
“เอ้ายัยคนนี้ เป็นลมใส่เฉย เธอนี่มันหัวขโมยประเภทไหนกัน” เขาอุ้มร่างปวกเปียกของเธอกลับมาที่เตียง ก่อนตัวเองจะเดินคล้อยหลังไปยังโซนเพนทรี่
รักเดียวค่อยๆ หรี่ตามอง ...ฮะฮ้า! นายควายถึกไปไหนไม่รู้ รอดแล้วงานนี้... รออะไรล่ะ โดดโหยงลงจากเตียง แล้วพุ่งฉิวไปที่ประตู ว่องไวเหมือนติดเทอร์โบ หมุนลูกบิดประตูอย่างเบามือ
เสี้ยวนาทีที่ลูกบิดส่งเสียงแกร๊ก และประตูเปิดผลัวะ ชาวบ้านชาวช่องจากไหนไม่รู้ โผล่หน้ากันเข้ามา แถมยิงคำถามใส่เธอแบบรัวๆ อย่างกับปืนกล
“อ้าว เอ็งนะเองรึ เมียเจ้าภพ” คุณยายผมทรงดอกกระทุ่มเอ่ยขึ้นก่อนใคร
รักเดียวยิ้มอึ้งปนหวาดระแวง
“แม่หนูคนนี้ ต้องใช่นางแบบคนที่ตาภพเล่าให้ฟังแน่ๆ เลยจ้ะแม่” คุณป้าวัยกลางคนหันไปกล่าวกับลุงคนที่ถือชะลอมผลไม้ ท่านทำคิ้วย่น และมองเป๋งมาที่เธอ
“หนูเป็นนางแบบเหรอลูกเหรอ”
รักเดียวยิ้มอ่อน ใช่ก็ตลกละ! ความสูงเท่าหลักกิโล น่องโตเท่าไหกระเทียม นางแบบชุดที่รีไซเคิลจากถุงขยะล่ะก็อาจพอเป็นให้ได้ เธอคิดขำๆ ไม่ทันจะตอบอะไรออกไป คุณยายก็เข้ามาคว้ามือ
“แม่หนูคงจะตกใจใช่ไหมลูก พวกเราเล่นแห่มากันปุบปับ” มืออุ่นของคุณยายลูบลงบนเรือนผมกระเซอะกระเซิงของเธอ “อย่าตกใจเลยจ้ะ พวกเราแค่จะมาทำเซอไพรซ์ตาภพ แล้วตาภพอยู่ไหนล่ะ นี่อย่าบอกนะ ว่ายังนอนไม่ตื่น ไม่ได้เรื่องจริงๆ” ทุกคนพากันส่ายหัว และกวาดตามองหาเจ้าของชื่อ
ภพรักทำแผลให้ตัวเอง เดินกลับออกมาพร้อมด้วยกล่องยาในมือ แต่กลับต้องผงะ
“เจ้าภพ!”
ทั้งคนเรียก และคนโดนเรียก แทบจะส่งเสียงพร้อมเพรียงกัน
“ย่า!”
ภพรักแทบจะตีลังกาแปดตลบกลับเข้าครัว ทว่าไม่มีทางเลือกอื่น เขารีบวางกระปุกยาลงบนเตียง ยกมือขึ้นไหว้ทุกคนด้วยดี ขณะที่ยัยหัวขโมยยืนหัวโด่หน้าซีดอยู่ตรงกลางวง
“แล้วนี่นึกยังไง ถึงได้ยกโขยงกันมา ผมไม่ทันตั้งตัวเลยอ่ะ”
“ยังจะมีหน้ามาถาม! ไหนเอ็งรับปากว่าจะพาเมียกลับไปเยี่ยมบ้าน พวกข้าก็ ร้อ รอ ปีใหม่ก็แล้ว ตรุษจีนก็แล้ว พวกข้าอยากเห็นหน้าเมียเอ็งใจจะขาด” ย่าว่ายาวเหยียด
“ย่าก็เลยให้ข้าพามา” พ่อพูดสำทับ
“ความจริงคือพวกเราได้รับคำเชิญให้มาร่วมงานเลี้ยงอะไรสักอย่าง ที่โรงแรมแถวๆ แม้น้ำเจ้าระยา พ่อเขาเลยอาสาขับรถพามาน่ะจ้ะ” แม่เล่า
“งานเลี้ยงอะไร ถึงได้สำคัญขนาดที่ทำให้ย่ายอมดั้นด้นมากรุงเทพฯ ไหนย่าบอกว่าให้ตายก็ไม่อยากมาที่นี่ไม่ใช่เหรอ” ภพรักถาม
“เพื่อนเก่าสมัยเด็กของย่าเขาน่ะลูก” พ่อทำท่ากระซิบกระซาบ แต่ก็ดังไปทั่วห้อง ที่แท้ก็กิ๊กเก่าของย่า ภพรักคิดขำๆ ในใจ
“แล้วนั่นหัวไปโดนอะไรนะลูก” แม่ท้วงขึ้น เลื่อนมือมาแตะร่องรอยบาดแผลบนศีรษะเขา “โดนผู้ร้ายตีมาล่ะสิ แม่บอกกี่ครั้งแล้ว เลิกเถอะ เป็นตำรวจน่ะ”
ตำรวจ! หัวขโมยสาวได้ยินก็หูผึ่ง หน้าซีดหนักลงไปอีกระดับ
นายตำรวจหนุ่มโบ้ยสายตามาที่จอมโจรสาว
“ก็ยัยคนนี้สิครับ ตีหัวผม”
รักเดียวสะดุ้งเฮือก
นางปราณีผู้เป็นแม่เลยได้แต่ส่ายหน้า เอ่ยระคนขำ “ตาภพเอ๋ย โตจนหมาเลียตูดไม่ถึงแล้วลูก ยังจะทำตัวเป็นเด็กๆ อยู่ได้” ก่อนที่นางจะเลื่อนมือไปลูบหลังหญิงสาว ซึ่งยังยืนอยู่ข้างกายบุตรชาย “มีอะไรก็ค่อยพูดค่อยจากันสิลูก คนเป็นผัวเป็นเมีย”
รักเดียวสำลักน้ำลาย ไอแค่กๆ จะอ้าปากปฏิเสธ ว่าเธอกับนายคนนี้ ไม่ได้เป็นอะไรกัน แต่ไม่ทันเอ่ยอะไรออกมา เขาก็ชิงทะยานเข้ามาดึงเธอออกจากวงกอดของคุณป้า ก่อนจะเอียงหน้าลงมากระซิบ เสียงลอดไรฟันแบบข่มขู่
“ไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้นนะคุณหัวขโมย ถ้าไม่อยากไปนอนในคุก” ว่าเสร็จ ก็หันกลับไปแจกยิ้มใสซื่อ และกล่าวกับทุกคนว่า
“ไม่มีอะไรหรอกครับ เราสองคนชอบเล่นแรงๆ แบบนี้เป็นประจำแหละ”
ภพรักยิ้มแฉ่งให้พ่อแม่และย่า ภาคภูมิใจสุดฤทธิ์ ก็สถานการณ์คับขันแบบนี้ เขายังหัวไว พลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส
“แม่หนูหน้าตาน่ารัก ชื่อแซ่อะไรหรือลูก” มือของย่าลูบลงมาบนผมกระเซิงของเธออย่างอ่อนโยน
“ระ...รัก รักเดียวค่ะ”
นายตำรวจหนุ่มแอบขำในใจ เห็นแม่สาวหัวขโมยอ้อมแอ้มตอบอย่างไม่รู้ชะตากรรม
ย่าผงกศีรษะ รอยยิ้มบานเบ่ง
“ดูสมกันดีกับตาภพ พวกเอ็งสองคนล่ะ เห็นว่าไง” ย่าเอ่ยถามความเห็น พ่อและแม่ต่างพยักคอเห็นพ้อง
“แล้วเอาลูกสาวเขามาอยู่ด้วยแบบนี้ พ่อแม่เขารู้เรื่องรู้ราวหรือยัง ทำอะไรให้มันถูกต้องตามประเพณีนะเจ้าภพ อย่าให้ใครเขามาถอนหงอกข้าได้”
“ผมก็กำลังจะทำให้ถูกต้องอยู่นี่ล่ะครับย่า รอหาจังหวะเหมาะๆ ก่อน เมียใครใครก็รัก ไม่ทำให้เสื่อมเสียหรอกน่า” แล้วแขนล่ำของเขาก็กระหวัดมาโอบไหล่เธอ
“แม่เข้าใจ แต่เรื่องแบบนี้ปล่อยนานไม่ได้นะ เกิดท้องไส้ขึ้นมาฝ่ายหญิงเขาจะเสียหาย”
รักเดียวหน้าร้อน กัดฟันกรอด ... เฮ้อะ! ให้สบโอกาสก่อนเถอะ จะพุ่งหลาวไปที่ประตู แล้ววิ่งไม่คิดชีวิตเลยทีเดียว
“แต่จะว่าก็ว่านะ เจ้าภพ” ย่ากล่าว พร้อมทั้งตบลงมาเบาๆ บนหลังมือหลานชาย
“รีบมีลูกกันสักทีก็ดี ข้าอยากอุ้มเหลน ถ้าบ้านเรามีเด็กเล็กๆ วิ่งเล่น ข้าคงหายเหงา และอยากมีชีวิตอยู่ไปอีกสักสิบ ยี่สิบปี” ย่ายิ้ม ฝันหวาน
รักเดียวจะแกล้งเป็นลม แต่เหมือนมีคนรู้ทัน หมอนั่นหันมาขู่กระซิบ
“ห้ามเป็นลมนะคุณ!” ก่อนหันไปเอ่ยคำมั่น ด้วยน้ำเสียงอันหนักแน่นว่า
“ไว้ผมจัดการคดีนี้เสร็จเมื่อไหร่ เราสองคนจะกลับไปจัดงานแต่งงาน ให้ถูกต้องตามประเพณีแน่ๆ ครับ รับรองว่า ย่าได้อุ้มเหลนสมใจชัวร์... ใช่ไหมจ๊ะที่รัก” แล้วโน้มหน้ารกๆ ที่เต็มไปด้วยหนวดเครารุกรัง ลงมาบนแก้มเธอ จูบจ๊วบ! รักเดียวสะดุ้งโหยง
เสียงหัวเราะอารมณ์ดีของทุกคนที่ลอยฟุ้งไปทั่วห้อง ทำเอาเธอหมดความอดทน เกือบจะลุกพรวดขึ้น
“คือความจริงหนูไม่ใช่...”
แต่นายควายถึกตะครุบมือปิดปากเธอเสียก่อน เหลือไว้เพียงเสียง อุ๊บ! ที่หลุดลอดออกมา
“บอกว่าห้ามพูดไง หรือว่าอยากติดคุก” เขากระซิบ รักเดียวตัวแข็ง ยิ้มแค้นๆ
“ไม่มีอะไรครับ เหน็บกินเท่านั้นเอง เมียผมเขาเป็นแบบนี้บ่อย เดี๋ยวเป็นเหน็บ เดี๋ยวชักกระตุก ดีไม่ดีก็จะเป็นลมบ้าหมู”
นักข่าวสาวกัดฟันแน่น ลมร้อนพวยพุ่งออกจากรูหู
นางประนอมหัวหน้าทัพผงกคอยิ้มตาหยี เห็นหลานชายและหลานสะใภ้หยอกล้อเล่นกันอย่างรักใคร่กลมเกลียว ก็ค่อยรู้สึกเบาใจ
“เอาล่ะ นี่มันยังเช้าอยู่เลย ปล่อยหนุ่มๆ สาวๆ ให้ได้พักผ่อนกันนะพ่อประนพ แม่ปราณี พวกเรากลับที่พักกันได้แล้ว ไหนจะต้องเตรียมตัวไปงานคืนนี้อีก”
ภพรักทำหน้านิ่ว “แต่ว่าจะพักกันยังไงล่ะครับ เล่นมาแบบปุบปับ ผมยังไม่ได้หาแม่บ้านไปทำความสะอาดให้เลย”
“เออน่า เอ็งไม่ต้องห่วง เจ้าองอาจมันช่วยเป็นธุระให้แล้ว”
ภพรักถอนหายใจอย่างเอ็ดหนาระอาใจ เข้าไปเกาะแขนย่า “ย่าครับ ผมบอกแล้วไงว่า อย่าไปรบกวนท่านรอง ย่ากำลังจะทำผมซวยแล้วรู้ไหม”
“เอ็งจะต้องมาซง มาซวยทำไม เจ้าองอาจน่ะ ตอนมันตีนเท่าฝาหอย ข้าเป็นคนแบ่งนมของพ่อเอ็งให้มันกิน เพราะแม่มันหนีไปมีผัวใหม่” ย่าว่า
“ย่า...” ชายหนุ่มลากเสียง ทอดถอนใจ “ย่าพูดเรื่องนี้มาเป็นสิบๆ รอบแล้ว แต่ผมไม่อยากให้ย่าเอาเรื่องนั้นมาเป็นบุญคุณกับผม”
“เอ๊ะ เจ้าภพนี่ยังไง บุญคุณก็ต้องทดแทน แค้นก็ต้องชำระสิวะ” พ่อแทรกขึ้น ย่าผงกหน้า ก่อนจะขนขบวนกันไปที่หน้าประตู แต่ไม่ทันจะเดินพ้นประตู ย่าก็ทำหน้าเหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้
“เอ้อ! ข้าเกือบลืม... นั่นมะม่วงน้ำดอกไม้ที่สวน” ชี้มือไปยังชะลอมผลไม้บนโต๊ะ “ต้นแกร็นๆ คิดว่าจะเลี้ยงไม่โต ที่เอ็งปีนขึ้นไปเขย่ารังมดแดงใส่หัวหนูดอกรักตอนเด็กๆ ไง จำได้ไหมเจ้าภพ ตอนนี้ต้นมันใหญ่โตลูกดก แม่หนูรักเดียวทานเยอะๆ นะจ๊ะ ลูกจะได้ดก เหมือนมะม่วงของย่า” ย่าพูดเพียงแค่นั้น ใบหน้าเหรอหราของนักข่าวสาวก็ร้อนวูบวาบ
“ไม่ต้องห่วงครับ ผมจัดให้เลยครึ่งโหล” นายตำรวจบอก แล้วก็ส่งเสียงหัวเราะอารมณ์ดี
คุณย่าหน้าแฉล้มหัวเราะร่วน น้ำหมากกระเซ็นเป็นสาย ทำเอาทุกคนพลอยส่งเสียงหัวเราะเฮฮาอารมณ์ดี ขี้เล่นกันทั้งตระกูล จะมีก็เพียงแต่รักเดียว ที่กระฟัดกระเฟียดอยู่เงียบๆ ลำพัง
ถึงตอนที่ทุกคนขนโขยงกันกลับออกไป รักเดียวหลุดพ้นจากบทเมียหลอกๆ ของเขาได้สักที ได้เวลาเช็คบิลแล้วสินะ! เธอยกมือขึ้นเท้าสะเอว
“นี่คุณตำรวจ เสียสติรึไง อยู่ดีๆ ให้ฉันกุเรื่องหลอกคนอื่นแบบนั้น”
“คนอื่นที่ไหน นั่นมันย่า แล้วก็พ่อแม่ผม”
“คุณ! ฉันไม่ตลกนะ”
“งั้นเรื่องที่ผมโดนคุณเอาแจกันฟาด จนหัวแตก จะเอาไง!”
รักเดียวถลึงตา อ้าปากจะเถียง แต่ต้องหุบฉับ เพราะคนถือไพ่เหนือกว่า พูดแทรกขึ้นอีก
“หรือให้ผมจับคุณเข้าคุก ข้อหาเป็นหัวขโมย แถมเจตนาทำร้ายร่างกาย”
“เออๆ ถือว่าเราหายกัน” เธอตัดบท
เขายักไหล่อย่างเป็นต่อ
“ผมก็ว่างั้น”
เธอจะเถียงอะไรเขาได้อีกล่ะ
“โอเค ถือว่าเราเจ๊ากัน” พร้อมเดินจ้ำอ้าวไปเปิดประตู
ตอนจะก้าวพ้นประตูห้อง ก็ได้ยินเขาพูดไล่หลังมาทำนองล้อเลียน
“คราวหน้าคราวหลัง อย่างัดประตูเข้าห้องใครไม่ดูตาม้าตาเรือแบบนี้อีกล่ะ ใช่ว่าจะมีผู้ชายที่ทั้งหล่อ และเป็นสุภาพบุรุษแบบผมเยอะแยะถมถืดหรอกนะ ร้อยตำรวจเอกภพรัก ขอเตือนด้วยความปรารถนาดี” ตวัดปลายมือทำท่าตาเบ๊ะแถมให้ด้วย
ชิ! รักเดียวสะบัดหน้าจนคอเคล็ด ก่อนจะเดินลิ่วๆ ออกมาจากห้องของเขา และพุ่งตัวตรงไปที่ลิฟต์
อ้าว! นี่มันชั้นแปด... ปัดโถ่เอ๊ย เมื่อคืนตั้งใจจะกดลิฟต์ชั้นสิบแปดนี่นา?