เมียเลี้ยง
บทที่ 1
“มีผู้หญิงคนหนึ่ง มาขอพบคุณว่านค่ะ เธอบอกว่าเป็นเพื่อนกับคุณว่าน ชื่อ ดาววลัย ” นางล้อมเข้ามารายงานเจ้านายถึงข้างใน ที่อาคันตุกะมายืนรออยู่ประตูรั้ว
“เหมือนท่าทางร้อนใจยังไงชอบกล ” นางล้อมตอบแล้ว สังเกตสีหน้าเจ้านาย ที่นางอยู่ดูแลเขาตลอด คุณอภิวานต์เคยผิดหวังความรักมาแล้วครั้งหนึ่ง
“ดาววลัย ” เขาทวนคำชื่อนี้คุ้นและเคยได้ยินมาก่อน ขมวดคิ้ว นั่งกับเก้าอี้หวายตัวโปรดที่บริเวณสวนหลังบ้าน
“ชื่อ ดาววลัยจริงๆหรือ ล้อม ” เขาพูดเหมือนไม่เชื่อ จนนางล้อมต้องอธิบาย
“ล้อมจะต้องมาโกหกคุณว่านทำไมคะ ”
“ฉันอยากแน่ใจ ” นางล้อมเคยพูดเสมอว่า นายจ้างของนางเป็นคนรูปหล่อ หน้าตาสะอาดสะอ้าน จมูกโด่ง เสียเพียงอย่างเดียว ชอบตีสีหน้าเคร่งขรึม ไม่ยิ้ม และเหมือนคนที่ผ่านความระทมทุกข์ในชีวิตบางอย่าง และไม่คิดจะเปิดเผยให้ใครฟัง นี่ล่ะอุปนิสัยนายจ้างของล้อมล่ะ ชอบอยู่คนเดียวเก็บตัวเงียบ และไว้หนวดเคราจนดูเข้ม
นอกจากนั้น ยังมีน้ำเสียงที่กังวาน ทรงพลังดุจคำประกาศิต เธอมีน้องชายอยู่คนหนึ่ง คือ คุณศามิน เพิ่งเดินทางไปต่างประเทศ เมื่ออาทิตย์ก่อนนี้ อายุของคุณศามินเพิ่งจะยี่สิบเอง ไม่จบมหาวิทยาลัยในกรุงเทพ เธอโอนย้ายที่เรียนจากเมืองไทย ไปสหรัฐอเมริกา เธอเป็นลูกหลาน ทายาทของอภิมหาเศรษฐี ตระกูลเศรษฐโภคา
แต่ปัจจุบัน คุณดุลชิต บิดาของทั้งศามิน และคุณอภิวานต์ ได้ตัดสินใจแต่งงานใหม่ เดินทางไปอยู่ที่ประเทศสิงคโปร์ กับภรรยาชาวไทย ชื่อ เพียงตรอง หลังจากที่คุณนายผู้หญิง ลิลวดี เสียชีวิตลงเพราะโรคร้าย ที่คร่าชีวิตเธอไปเมื่อห้าปีที่ผ่านมา คฤหาสน์ใหญ่หลังนี้ จึงตกอยู่ในความครอบครอง ดูแลของคุณอภิวานต์ ทายาทคนโตของอดีตนายหญิงและนายผู้ชาย
“ไปเปิดประตูให้เขาเข้ามา ล้อม ” คำสั่งของเจ้านายหนุ่ม
นางล้อมรีบลุกก้าวไป พอประตูอัลลอยด์ หน้าคฤหาสน์หลังงามตระหง่านทั้งโดดเด่นกว่าหลังใด ในละแวกถนนสายเศรษฐกิจ ที่ดินราคาแพงลิบลิ่ว อย่างถนนสุขุมวิท เปิดออกโดยอัตโนมัติ ประตูรั้วเหล็กที่ทาด้วยสีทองก็ตัดแสงกับดวงอาทิตย์จนเกิดประกายสะท้อนวับวาว
“เข้ามาเถอะ คุณ ว่านเธอรออยู่ข้างใน ขอโทษหน่อยนะเข้าไปนาน ”
“ไม่เป็นไรค่ะ ” หญิงนางนั้นตอบ ท่าทางเธอเจียมตัว และเนื้อตัวดูจะผอมแห้ง
“พักอยู่ที่ไหนล่ะ ”
“แถวรามคำแหงค่ะ ” ดาววลัยเดินตามแม่บ้านของอภิวานต์ นี่คือครั้งแรกที่เหยียบย่าง เมื่อสังเกตดูจากสายตา ก็แน่ใจว่า ดูเหมือนแม่บ้านของที่นี่ไม่อยากจะต้อนรับสักเท่าใด เหมือนจำใจ แต่แกล้งซ่อนความรู้สึก เพราะแม้จะใช้คำถามเรียบๆถามแล้วยิ้มอย่างหวังดี แต่ลึกๆนั้น มันเจือบางสิ่งบางอย่างที่ดูน่ากลัว ดาววลัยรู้สึกได้ดาววลัยจึงนิ่ง หล่อนเคยได้ยินอภิวานต์ พูดถึงแม่บ้านของเขา ว่า เขาอยู่กับแม่บ้านของเขา หลังจากที่คุณหญิงมารดาแท้ๆของเขาเสียชีวิตไป
ดาววลัยเดือดเนื้อร้อนใจ ต้องบากหน้า เข้ามาพึ่งพาเขา เพื่อนเก่าในสมัยที่เรียนมหาวิทยาลัย เจอหน้าเขาแล้ว ดาววลัยดีใจตื้นตัน อยากจะร้องไห้ ชีวิตตอนนี้ของหล่อน เขาจะรู้บ้างไหมหนอ ว่า มันตกอับสุดขีดแค่ไหน สามีที่เป็นลูกชายมหาเศรษฐีตกอับ ก็เหมือนกัน ทวิช ได้ทำร้ายครอบครัวอย่างสาหัสสากรรจ์
เขาจะเอาดาววลัยไปขายที่บ่อน ทั้งๆที่หล่อนกำลังท้องด้วย ท้องลูกคนที่สอง ซึ่งคลอดต่อมา เป็นผู้ชาย ส่วน เด็กหญิงก้านแพร ลูกสาวคนโต ฝากไว้ให้คนข้างบ้านเลี้ยง แล้วจะมารับกลับคืน
จะกล้าบอกกับอภิวานต์ ได้อย่างไรกัน ว่าสามีติดหนี้การพนันฟุตบอล มีมาเฟีย ตามมารบกวนข่มขู่จะฆ่าเขาทิ้ง มันเป็นหนี้กรรมหนี้เวร ที่หล่อนร่วมก่อกับเขาไว้ ดาววลัย เห็นหน้าของอภิวานต์ เหมือนกับพ่อพระมาโปรด
ไหนล่ะ น้องชายของเขา น้องชายใจชั่ว ที่เคยคิดจะทำมิดีมิร้ายกับหล่อนในคราวนั้น หล่อนตั้งใจมาที่นี่แล้ว ต้องข่มความกลัว แม้นึกสั่น ประหม่า อย่าได้เจอกับศามิน ผู้ชายที่มองเห็นผู้หญิงเป็นของเล่นชั่วคราว
ส่วนทวิช เขาไม่ใช่คนแข็งแกร่ง แข็งแรงที่จะปกป้องหล่อนและลูกน้อยได้ เขาอ่อนแอเกินไป ถือว่าหล่อนเลือกคนผิด
“ว่านคะ ดาวขอโทษด้วย ที่มารบกวนคุณ ตอนนี้ดาวหมดหนทางแล้วค่ะ ”
หล่อนยอมรับ ว่าหักความด้านอาย ไปหมดเพื่อพูดกับเขา
“ดาว ” อภิวานต์อุทานออกมาด้วยความรู้สึก สงสารจับใจ ท่าทางของดาววลัยเหมือนคนอ่อนล้ากับชีวิตเต็มที่
“แล้วเจ้าวิช สามีของคุณล่ะ อย่าบอกนะว่า ลายมัน ออกแล้ว แล้วคุณเพิ่งมารู้จักมันดิบดีก็ตอนนี้ ”
ผู้หญิงคนนี้ คือคนที่เขาเคยรักมาก่อน เมื่อครั้งเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัย ดาววลัยเป็นคนสวยและเรียนเก่งด้วย แต่เมื่อเขารู้ว่าเธอมาพลาดพลั้ง เสียทีให้กับทวิชเพื่อนรักของเขา เขาจึงปลีกตัวออกมา
ยอมรับว่าทำใจยาก เขาเองก็หลงรักดาววลัยเหมือนกัน เคยเกี้ยวจีบหล่อนมาก่อน ทวิช ดาววลัยก็รู้ซึ้งแก่ใจ ทวิชทำลงไป ก็เพราะความรัก ความรักที่ปนกับความใคร่
“ผมรู้ว่า คุณ อึดอัด เอาล่ะ ค่อยๆพูดมาเถอะ ” เขาพูดเหมือนรู้ดี ทุกๆสิ่งเหมือนหนามตำใจเขา พูดไปแล้ว มันยอกแสยงจิตใจของเขาเอง ภาพบาดตาระหว่างทวิชพรอดรักกับดาววลัย แม้วิธีสกปรกชั่วช้าก็ตาม แต่ทั้งสองก็เป็นผัวเมีย ผลผลิตด้วยกัน น่าจะมีหรอก เขาเชื่อแน่ว่า ทวิชกับดาววลัยต้องมีลูกด้วยกัน
เขาทราบข่าวด้วยความสลดใจ ในการทำตัวของดาววลัยในครั้งนั้น เธอตั้งท้องก่อนที่จะเรียนจบ เขาไม่อยากสนใจผู้หญิงคนไหนอีก ดาววลัย เหมือนเป็นรักเดียวและรักครั้งสุดท้ายของเขา มีครอบครัวแล้ว เธอก็ใจดำ ไม่ยอมมาหาเขาเลย บัดนี้กล้าซมซาน มาหาเขา ในสภาพที่เขาคาดเดาออก อยากจะเหยียดเยาะซ้ำเติม หรือพูดถากถาง กระทบประชดใส่ แต่หักห้ามใจตัวเอง
นึกถึงหน้าทวิชทีไร เขาอยากจะต่อยมันให้ซักร้อยหนเหลือเกิน ที่มันทำกับเขา ตอนนี้ เขากับมันไม่คบหา เป็นศัตรู ที่ไม่รู้จักกัน เกลียดขี้หน้ามันที่สุด ตัดขาดจากความเป็นเพื่อน ไอ้ลูกมหาเศรษฐีตกทุกข์ได้ยาก พ่อแม่มัน ก่อหนี้ก่อสินจนล้มละลาย เพราะรวยไม่จริง
คราวนี้มันเหมือนคนแพแตกในชีวิต เคว้งคว้าง ไม่มีอะไรหลงเหลือ ทรัพย์สมบัติในชีวิต ถูกเขาโกงไปหมด ญาติพี่น้องของมันเองแท้ๆ ยังร่วมกับโกงสมบัติของมันไปได้ เหมือนกรรมเวรตามสนองมันแล้ว หมดสิ้นทุกสิ่งทุกอย่าง แล้วนี่ ดาววลัย บากหน้ามาหาเขา จะให้เขา ใจดำยังงั้นหรือ
“ดาวรู้ ว่าคุณ ไม่ให้อภัย คุณวิช แน่ แต่ถึงอย่างไร เขาก็เป็นสามีของดาว มีลูกด้วยกัน ดาวขอร้องให้เห็นแก่ความเป็นเพื่อนเถอะคะ ว่าน ดาวเหลือแต่ลูกเท่านั้นเอง ตอนนี้ ลูกแพร ของดาว ไม่มีใครดูแล วิช เปลี่ยนไปมาก เขาเหมือนกับคนที่ดาว ไม่เคยรู้จักมาก่อน เขาเมามายสะเปะสะปะ เหมือนกับไม่ใช่เป็นผู้เป็นคน ”
เขาอดมองหล่อนไม่ได้ นึกหยัน เมื่อนึกถึงภาพเจ็บแค้นในอดีต
“นี่ คุณจะมาให้ ผมถากถาง เยาะเย้ย หรือยังไง ดาววลัย ที่พวกคุณสองคน รวมหัวกันทำกับผม เมื่อหลายปีก่อนนั่น เอาล่ะ ตอนนี้ผมลืมมันหมดแล้ว คุณรู้ไหม ”
เขาตอบหล่อนด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน แทนที่แค้นเคือง ดาววลัยยิ้มพยักหน้า ถ้าเขาเมตตาหล่อน
“ ขอบคุณนะคะ ว่าน ที่คุณลืม ผู้หญิงในอดีตที่ใจร้ายนิสัยไม่ดีคนนี้ได้ ”
ดาววลัยกล่าวถึงตัวเอง อภิวานต์อดหยันไม่ได้ เมื่อหล่อนพูดคำนี้เหมือนตอกย้ำตัวเอง
“ แต่ ผม ก็ไม่เคย ลืมคุณได้หรอกดาว ”
“ดาวมาขอร้องคุณนะคะ จะถากถาง เยาะเย้ย ดาว เต็มใจ เพราะดาวไม่มีที่ไปแล้ว” เขาเงยหน้าขึ้นมองหล่อน ดาววลัยเหมือนคนตัดช่องน้อย หรือหล่อนกำลังหมดสิ้นทุกสิ่งทุกอย่างจริง
“ อย่าพูดอย่างนั้น สิดาว คุณยังมีบ้าน มีไอ้ผัวชั่วๆคนนั้น ”
เขาซ้ำคำพูดไปทันที เมื่อนึกถึงใบหน้าของทวิช แล้วมันเดือดสุดๆ โทสะพลอยระเบิดด้วย
“ไม่มีแล้วค่ะ ตอนนี้ ดาวไม่มีสามีอีกแล้ว ” ดาววลัยพยายามเข้มแข็ง แต่ก็เผลอน้ำตาไหลร้องไห้ออกมา เขาจะยอมรับดาววลัย มาเป็นแบบเดิม อีกหรือ มันเป็นไปไม่ได้ เขาไม่ชอบผู้หญิง ที่แปดเปื้อนราคีคาวมาก่อน
“ นี่คุณคงไม่หมายความว่า คุณจะเสนอตัวเอง มาเป็นนางบำเรอหรือผู้หญิงสักคนในชีวิตของผมใช่ไหม ” นี่หน้าของหล่อน ด้านอาย ขนาดนี้เชียวหรือ อภิวานต์ เขาชักจะเกลียดและชังหน้าของหล่อนเข้าแล้ว ฟังหล่อนบีบน้ำตาพูด
“ค่ะ ว่านขา ” หล่อนก้มหน้าตอบ
“ แต่ผมไม่ได้รักคุณแล้ว ดาว ก็นับตั้งแต่ วันที่คุณเปลี่ยนใจจากผม ไปให้ไอ้วิชมัน คุณก็ไม่มีค่าอะไรกับผม ”
หล่อนฟังเขา และตกใจ “คุณแน่ใจนะคะ ว่าน ”
“แน่ เสียยิ่งกว่า แช่แป้งเสียอีก ดาววลัย” ฮึ พอหมดสิ้นหนทางแล้ว เธอคิดจะมาขายตัว ให้เขาเลยหรือ
“แล้ว เท่าไหร่ล่ะ ”
“อะไรคะ ” หล่อนถามทั้งที่รู้ตัว ในเมื่อเขามีเหลี่ยมหล่อนก็มีเหมือนกัน
“ อ้าว ก็ค่าตัวของคุณไงล่ะ ฮึ จะเป็นการ ชั่วคราว หรือเป็นถาวรดีล่ะ ถ้าอย่างหลังนี่ ผมต้องจ่ายแพงสินะ ”
หล่อนไม่อับอายขายหน้าเขาแล้ว เพราะที่กล้ามาที่นี่ เพื่อเสนอตัวเอง
“อะไรนะคะ จะซื้อ ตัวดาว น่ะหรือ อ๋อ ถ้าอย่างนั้น ดาวต้องขายขาด ค่ะ ตัว ยี่สิบล้าน แต่คงไม่หรอกค่ะ ”
หล่อนหันมาทางเขาเหมือนขอร้องอธิบายให้ฟัง ไม่อยากให้เขาเข้าใจหล่อนผิด
“ว่านขา ถึงดาวจะเป็นผู้หญิง ที่มีราคีคาวมาก่อน แต่ดาวก็ไม่คิดจะทรยศต่อผัว คุณเองก็เป็นเพื่อนที่ดี ดาวถึงบากหน้ามาหาคุณ และ อย่าคิดอย่างนี้กับดาวเลยนะคะ ” หล่อนหันไปขอร้องเขา ทำให้เขาเงียบ
“ สงสารผู้หญิงที่กระเซอะกระเซิง มาหาคุณบ้างเถอะ โปรดอย่าเหยียบย่ำน้ำใจ คนที่ไม่มีทางจะไป เหมือนฉันเลย ฉันเองรู้ตัวว่าทำผิดต่อคุณ ถือว่าเป็นกรรมเวรของฉัน กรรมน่ะค่ะ ต้องคู่กับเวร ฉันได้ทวิชก็เหมือนกรรมเวรของฉัน ฉันไม่ใฝ่ดีเอง ฉันไม่โทษอะไรทั้งหมด นอกจากตัวเอง ” เมื่อได้ฟัง เสียงของเขาจึงอ่อนลงบ้าง
“ก็แล้ว สิ่งที่คุณบอกว่า จะขาย คุณจะขายอะไรให้ผม ล่ะ ดาววลัย ”
“ขายตัวน่ะสิคะ ” หล่อนทำให้เขา สะดุ้งอีกครั้งแล้ว
“นี่ อย่าทำบ้าๆน่า ดาววลัย และผมเข้าใจจิตใจคุณดี คุณลองทำตัว แบบผู้หญิงที่ผมเคยชื่นชมบูชา เมื่อก่อนนี้ดูซิ อย่าเอาเรื่องคาว เรื่องความใคร่ มาพูดกับผม เพราะ ถ้าผมจะซื้อคุณจริง พอผมได้แล้ว ผมก็จะถีบหัวส่ง คุณไม่รู้หรือไงว่า ผมเคืองแค้น พวกคุณทั้งสองคนแค่ไหน สนใจไหมล่ะ ถ้าอยากเป็นนางบำเรอ ที่หลงตัวเองอย่างวิเศษวิโส ”
หล่อนกลับหัวเราะออกมา แต่ใบหน้าขื่น มันทั้งขม เจ็บปวดไปหมด คล้ายคนจะร้องไห้ แต่ร้องไม่ออก ต้องอดทนพูดกับเขา เพราะวินาทีนี้ หล่อนรู้ว่าหล่อนหน้าด้านมามากพอแล้ว
ที่ห้องนี้เงียบสงบดี มิดชิด ไม่มีคนภายนอกรู้ แม้แต่คนใช้ก็ไม่อาจย่างกรายเข้ามาได้ หล่อนจึงกล้าที่จะสารภาพเปิดโปงใจของตนเองออกมาทั้งหมด ไม่กลัวเขาจะเยาะเย้ยเหยียด เพราะชีวิตของหล่อน มันไม่มีให้ใครจะเยาะเย้ยได้มากกว่านี้อีกแล้ว
“ฉัน ขายแน่ค่ะ ”
“ขายอะไรล่ะ ดาว ขายอย่างที่บอกหรือไง ” น้ำเสียงของเขาเข้มอีกครั้ง อย่างไม่พอใจ
“ไม่ค่ะ ขายลูก ฉันขายลูกคนโต ก็เพื่อจะเลี้ยงลูกอีกคนหนึ่งค่ะ ตอนนี้ฉันตั้งท้อง ลูกชาย ”
ฟังเหตุผลของหล่อน เขารับทราบ
“เท่าไหร่ ” อภิวานต์กลั้นใจถาม ทั้งๆที่รู้สึกสนใจเหมือนกัน ดาววลัยจนตรอก แม้ถึงขนาดจะขายลูกกิน เธอเป็นแม่ประสาอะไรกันแน่ แต่เขาก็จะซื้อ ซื้อเพื่อทำอะไรซักอย่าง ในเมื่อหล่อนเสนอขายเอง ทั้งๆที่เขายังไม่เคยเห็นหน้าเลยก็ตาม เขาจะซื้อ เพื่อกลับไประบายความแค้นเคือง ให้กับอดีตที่พ่อของมันเหยียบย่ำใจต่างหาก เขาคิดเอาไว้เสมอ ถ้าเขาได้ลูกสาวของดาววลัย เขาจะเอาหล่อนไว้เป็นเมีย ดาววลัยเงียบไปอึดใจ หล่อนรู้สึกตื่นเต้น ก่อนจะหลุดปากออกมา
“ สามแสนค่ะ ”
เขาขมวดคิ้ว ก่อนจะตัดสินใจ
“อืม มันก็ไม่เลวนี่ งั้นผมตัดสินใจ ตกลงเลย ”
ดาววลัยยิ้ม “จริงหรือคะ ว่าน ” ท่าทางหล่อนตื่นเต้นและดีใจ พร้อมกันนั้น ก็รู้สึกหดหู่ใจ ในการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ในชีวิตเหมือนกัน ใครว่าหล่อนไม่รักก้านแพรล่ะ ลูกที่เป็นคนโต หล่อนคลอดมาจากท้องของตัวเองแท้ๆ แต่ก็หักห้ามใจ เมื่อตัดสินใจไปแล้ว แต่ก็เพราะเมื่อมีอีกคน หล่อนไม่มีปัญญาเลี้ยง จึงต้องใช้วิธีนี้ ตอนนี้เงินเหลือไม่เกินสามร้อยเอง ถ้าพลาด หล่อนก็หมดหวัง และไม่มีที่จะไปอีกแล้ว
“ฮึ แล้วคุณจะมารับเงินวันไหน หรือ เดี๋ยวนี้เลยก็ได้ ” เขาบอกน้ำเสียงสุขุม
หล่อนยิ่งยินดี “เดี๋ยวนี้ เลยก็ได้ค่ะ ” ดาววลัยพูดด้วยความรู้สึกที่ตื่นเต้น
“ฉันขอครึ่งหนึ่งก่อนค่ะ ว่าน เพราะร้อนเงินมาก แล้วต่อไป คุณ ก็โอนผ่านสมุดบัญชีธนาคารของฉัน นี่ไงคะ หมายเลขบัญชี ”
เธอถ่ายเอกสารเรียบร้อย ยื่นให้เขาตรงหน้า
เขาครุ่นคิดไปเพียงนิด ก่อนตอบว่า
“งั้นก็ได้ ” รับเอาเอกสารของหล่อนมาไว้ในมือ
“งั้น คุณต้องทำสัญญากับผมก่อน ทุกอย่างเลยนะ กันเบี้ยวไง ผมไม่ไว้ใจพวกคุณหรอก ทั้งผัวทั้งเมียนั่นแหละ เพราะมันขายลูกกินได้ อีกหน่อยคงขายตัวหากินทางนี้แหละ ”
เขาเยาะเย้ยสบประมาทหล่อนได้แสบสันยิ่งนัก ดาววลัยเองก็รู้ตัวดีว่า หล่อนกลายเป็นผู้หญิงไม่ดีในสายตาของเขาแล้ว
“ ได้ค่ะ ” หล่อนพยักหน้า
“งั้น ตกลงทำเป็นสัญญานะ มีทนายความของผมช่วยเป็นพยานด้วย เดี๋ยวผม จะโทร.ให้เขามาที่นี่ด่วน จากนั้น คุณจะไปไหนก็ไปเถอะ ห้ามมารบกวนเรื่องเงินกับผมอีก ผมถือว่า ผมซื้อขาดแล้วนะ ราคามิตรภาพในฐานะเพื่อนเก่า ที่ยังเหลือความรักให้คุณบ้าง แต่ว่าลูกของคุณ ผมจะเอาไปฆ่าไปแกงยังไงก็เรื่องของผมนะ ผมมีสิทธิ์เป็นเจ้าของคนเดียวแล้ว ไม่รู้ว่า โตขึ้นมานี่ จะแรดเหมือนแม่มันอีกหรือเปล่า แต่ผมไม่สนใจหรอก เลี้ยงได้ก็จะเลี้ยง ถ้าเลี้ยงไม่ได้ก็จะถีบหัวส่ง ไงล่ะ มันเหมาะสมไหม มันมีคุณค่าไหม กับการที่คุณทำลายลูกของตนเอง โดยเสนอขายให้อย่างถาวร ไปบอกไอ้ผัวน่าโง่ของคุณได้เลยนะดาววลัย ผมเหี้ยมเกรียมพอ ที่จะแก้แค้นมัน เอาลูกของมัน มาเป็นเพื่อนเล่นไง หรือไม่ก็เป็นเครื่องสนองบนเตียงนอน ”
ดาววลัยแทบจะเป็นลมใส่ ไม่นึกว่า เขาจะเป็นคนเช่นนี้ เธอนึกว่าเขาเป็นเทวดานักบุญผู้วิเศษ ที่แท้เขาเป็นคนที่จมอยู่กับความอาฆาตแค้น นี่ไม่รู้หล่อนคิดดีหรือคิดผิด ที่หล่อนจะให้ลูกแพรแก่เขาทั้งชีวิต
“ถ้างั้น ดิฉัน เปลี่ยนใจคะ ว่าน ฉันขอคืนเงินให้คุณ ฉันไม่ยอมให้ลูกเป็นเครื่องมือเติมเชื้อความแค้นของคุณแน่ ”
เขามองไปที่หล่อนพร้อมหยันเยาะใส่
“ฮึ คุณคิดผิดแล้ว ดาววลัย เพราะผมซื้อแล้วน่ะ ผมจะไม่มีทางคืนคุณแน่ ในเมื่อคุณคิดจะขาย ไม่ใช่หรือ ผมก็ทำตัวเป็นผู้ซื้อ น่ะสิ ยุติธรรม ไม่มีใครได้เปรียบเสียเปรียบ กลับไปซะ เมื่อคุณได้เงินส่วนนี้ไปแล้ว ”
เขายิ้มเหี้ยมเกรียม ทำท่าจะไล่หล่อนด้วย หล่อนไม่รู้ว่าจิตใจของเขาสวมสัตว์ซาตานไว้ข้างใน เขาได้ตัดสินใจไปแล้ว
อภิวานต์ครุ่นคิด เรื่องราวในอดีต ที่ห่างหายจากใจเขานานแล้ว การที่มีดาววลัยมาที่นี่อีก เหมือนการจุดเชื้อ ผมไม่นึกเลยว่า อุปนิสัยของผู้หญิงจะเป็นอย่างนี้ เหมือนกันหมด แล้วทำไม ผู้ชายอย่างผม ต้องหลงรักหล่อนมากมายในอดีต ผมถึงกับกำมือแน่น อยากจะทุบระบายไปที่โต๊ะ อนิจจาการ ได้ มา พบกันอีกครั้ง ของเธอ และเขา คือ การที่เธอ มาหยิบยื่น ให้ ข้อเสนอ ขายลูกกิน
ทีแรกคงคิดจะขายตัว คิดหรือว่าผมจะยอมซื้อ ถ้าหากว่าดาววลัยรู้ถึงนิสัยของผมแล้ว ดาววลัยจะไม่กล้าทำอย่างนั้นแน่นอน แล้วเงินที่ได้นี่ ผมคิดแน่ว่า เธอจะต้องไปปรนเปรอไอ้ผัวจนตรอกของเธออย่างแน่นอน นี่ผมไม่นึกเลยว่า ดาววลัยจะหลงรักผู้ชายคนนั้นมากอย่างนี้ อ๋อ ที่บอกว่ายังมีลูกอีกคน มันฟังขึ้นหรือเปล่า ผมไม่รู้หรอกว่าเธอพูดจริงหรือพูดเล่น
“อ้าว คุณว่าน คะ นั่นจะออกไปไหน ” แม่บ้านเก่าแก่คนเดิม ถามผมอีกแล้ว ผมพูดตอบเพียงสั้นๆ
“ มีธุระออกไปข้างนอก อยู่เฝ้าบ้านให้หน่อยนะ แล้วจะรีบกลับ ”
ล้อม แม่บ้านวัยสี่สิบเอ่ยบอกเขาว่า
“ตะกี้นี้ ล้อมเห็นผู้หญิงคนนั้น เอ้อ เพื่อนของคุณว่าน เธอเดินออกไป ร้องไห้ด้วยนะคะ คุณว่าน ไม่รู้เธอเป็นอะไรของเธอ ” แม่บ้านช่างสังเกตพฤติกรรม เอ่ยถามเขาอีก
เขาตอบด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยนิ่ง เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“ไม่เป็นไรหรอกมั๊ง เขาเคืองตาหรือเปล่าล่ะ ล้อม หรือไม่อาจมีฝุ่นผงเข้าตา เขาก็เลยร้องไห้ออกมา ” เขาหาทางแก้กล่าวจนได้ ทั้งๆที่รู้ความจริงว่าเป็นอย่างไร
ล้อม ได้แต่นิ่งมองครุ่นคิด เพราะภาพที่เห็นสาวใหญ่เดาได้ว่า เธอร้องไห้ออกมาจริง ท่าทางมีเรื่องขัด เคืองใจอะไรสักอย่าง แต่ไม่อยากจะยุ่งเรื่อง ของเจ้านาย เดี๋ยวจะถูกตำหนิดุอีก นางควรจะอยู่ในหน้าที่ของตนเองมากกว่าจะก้าวก่ายงานของเขา
“ล้อม เห็นว่า คุณดาว เดินออกไปทางไหน ” เขาถาม
นางชี้ไปให้ “ตรงประตูเล็กคะ ล้อมเป็นคนไปเปิดให้เธอเอง คงจะเดินออกไปปากซอย เพราะในซอยลึกอย่างบ้านคุณว่านนี่ แท็กซี่ไม่ค่อยมีอยู่แล้วนี่คะ ”
“อืมส์ ล้อม ฉันขอบใจมาก ” นางล้อมยืนงงอยู่เช่นเดิม ไม่เข้าใจว่า เจ้านายเอ่ยอะไร แต่เมื่ออภิวานต์ผละจากตรงนี้ไป รีบขึ้นห้องของตนเอง เขาคะเนว่าปากซอยทางเข้าหมู่บ้าน มันไกลพอสมควร
ดาววลัยคงยังไม่ถึงปากทางแน่ ชั่วครู่นี้เพราะอารมณ์โกรธและโมโหหล่อน เขาจึงได้ไล่ตะเพิดให้ออกจากบ้าน นึกไปแล้วก็สงสารหล่อนเหมือนกัน ที่หากต้องเดินตากแดดเปรี้ยงกลับออกไป กว่าจะถึงปากซอย มอเตอร์ไซค์รับจ้างไม่มีเสียด้วย มันเป็นหมู่บ้านของเหล่ามหาเศรษฐีพักอาศัยกัน ส่วนมากจะมีรถส่วนตัวกันทุกหลัง เขารีบคว้าเสื้อผ้าที่ดูดีมีสง่าราศีและสีสันเหมาะกับตัวเขา จากนั้นก็ปลดถอดเสื้อผ้า ที่อยู่กับบ้าน ใส่เสื้อผ้าใหม่เอี่ยมอ่องสะอาดสะอ้าน
เพราะเขาชอบแต่งกายดี ไม่ว่าไปไหนมาไหนก็ตาม แม้เขาจะไม่ชอบยิ้มให้ใคร ดังนั้นเมื่อแต่งกายเสร็จสรรพ มองดูหน้าของตนเองในกระจกและความเรียบร้อยอื่นๆ จากนั้นก็คว้ากระเป๋าสตางค์ ซึ่งมีบัตรเอทีเอ็มกับบัตรประจำตัวประชาชนของเขาเท่านั้น เงินสดอีกเพียงสามพัน ลิ่วเดิน ตรงดิ่งไป ที่ รถด้วยท่าทางรีบเร่ง ขับรถพรวดออกไป
ผมมองเห็นเธอแล้ว ร่างของดาววลัยเดินใกล้จะถึงปากซอย ขณะเดียวกันก็มีแท็กซี่คันหนึ่ง ที่แล่นมาก่อนหน้าผม เธอโบกมือเรียกรถแท็กซี่คันนั้นจอดรับ ตอนนี้ผมไม่มีเวลาอธิบายอะไร บอกกับตัวเองตรงๆ ว่าผมจะต้องตามรถแท็กซี่คันนั้นไป คลาดกันแค่นิดเดียว
บางที ผมนึกฝันถึงฤดูหนาวอันแสนจะโรแมนติก ที่ถนนแทบทุกสายมักจะเต็มไปด้วยใบไม้แห้ง ที่หล่นเกลื่อนกลาดริมถนนหนทางอย่างชมพูพันธ์ทิพย์ แก้ว หรือ ดอกคูน ผมไม่ได้กลับไป ที่บ้านหลังนั้น ที่เคยฝันและวาดหวังเอาไว้เสมอว่า บ้าน ที่จะเป็นเรือนหอ ตั้งอยู่บนถนนผาสุกเขตประเวศ ตอนนั้นคิดว่า น้องชายของผม จะยังอยู่ในเมืองไทย และมีครอบครัว แต่ไม่ใช่ เขา ไปเรียน ต่อ ที่ ต่างประเทศ
ผมหวังเจ้าสาวที่ชื่อ ดาววลัย จะมาเคียงคู่อยู่กับผม แต่คราวนี้ไม่แล้วล่ะ ชีวิตของผม มันก็ไม่ต่างกับโลกที่มันมาถล่มตรงหน้า