ซูเจียวเป็นหญิงสาวอายุเพียงแค่ 30 กว่าปี ในยุค 2000 เธอกลับมีร่างกายอย่างกับคนอายุ50-60ปีไปแล้ว ตลอดเวลาเธอใช้ชีวิตมาอย่างลำบากมาก ตอนเธอยังเด็กเธอทำงานอย่างหนักมาก ถูกพวกญาติๆผู้ใหญ่ในบ้านใช้งานยิ่งว่าคนทาสสมัยก่อน ข้าวปลาอาหารก็แทบไม่ให้เธอกิน ในแต่ละวันซูเจียวและพี่สาวจะได้กินแค่น้ำข้าวเท่านนั้น เพื่อประทังชีวิตในแต่ละวัน เธอทำงานหนักและกินข้าวน้อยมากๆ ทำให้เธอเป็นโรคขาดสารอาหารอย่างรุนแรงและเป็นโรคกระเพาะขั้นรุนแรง
ซูเจียว นอนร้องไห้คิดถึงพี่สาวของเธอ ไม่นานเธอก็เผลอหลับไป ในการหลับครั้งนี้ซูเจียวได้ฝันเห็นพี่สาวและเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในชีวิตที่เธอผ่านมา
ในฝัน ซูเจียวเห็นเด็กผู้หญิงอายุ 6 ขวบ กำลังยืนร้องไห้อยู่หน้าหลุมศพพ่อแม่ มีพี่สาวค่อยกอดปลอบอยู่ข้างๆทั้งๆที่ตัวเองก็กำลังร้องไห้อยู่เหมือนกัน
เด็กที่เธอเห็นเป็นเธอในอดีตในปี 1975 และเป็นวันที่เธอไม่เคยลืมเลือน เป็นวันที่เธอและพี่สาวได้สูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักอย่างพ่อกับแม่ไป เธอและพี่สาวนอกจากเสียใจแล้ว ยังเป็นอีกวันที่ทำให้ชีวิตของเธอและพี่สาวเปลี่ยนไปอย่างยากที่จะหวนกลับ
ในตอนนี้ สองพี่น้องทำได้แค่ยืนกอดกันร้องไห้อย่างเสียใจ พวกญาติพี่น้องของพ่อ ต่างกำลังถกเถียงกัน แต่ละคนไม่มีใครต้องการรับเลี้ยงเธอและพี่สาว สิ่งที่พวกเขาต้องการคือบ้านของสองพี่น้องและเงินของครอบครัวซูเจียว“น้องสี่ก็รับเด็กสองคนนั้นไปเลี้ยงสิ แต่ก่อนพี่รองค่อยให้ความช่วยเหลือน้องสี่มาตลอดนิ”อาหญิงสามกล่าวกับอาหญิงสี่
“ทำไมฉันต้องรับตัวภาระมาเลี้ยงด้วย ที่พี่สามบอกว่า พี่รองค่อยช่วยเหลือฉันมันก็จริง แต่ฉันถามหน่อยพี่รองว่าพี่รองได้ช่วยเหลือฉันคนเดียวหรือปล่า พี่สี่พี่กล้าพูดไหมละ ว่าพี่รองไม่เคยช่วยพี่ พวกพี่ทุกคนด้วยใครกล้าพูดบ้างว่าไม่เคยได้รับการช่วยเหลือจากพี่รอง”อาหญิงสี่ถามพี่น้องคนอื่นๆที่เอาแต่เงียบ แต่ละคนที่ต่างมองหน้ากันไปมา ไม่มีใครพูด
ก่อนจะพากันหลบสายตาหรือหันไปมองทางอื่น
“พี่ใหญ่ พี่พูดอะไรบ้างสิ ก็อย่างที่พี่สี่บอกทุกคนได้พี่รองช่วยไว้หมด เอาอย่างนี้ไหม พี่ใหญ่รับหลานซูเจียวและหลานซูเจี้ยนไปเลี้ยงที่บ้าน ส่วนบ้านพี่รองก็ยกให้เป็นของบ้านพี่ใหญ่”อาชายห้ากล่าวเสนอพี่ชายคนโต
“พี่ก็อยากรับหลานมาเลี้ยงแต่เรื่องนี้ ต้องให้พี่สะใภ้ใหญ่ของพวกเธอตัดสินใจ พวกเธอก็รู้ ว่าบ้านพี่เมียเป็นใหญ่”ลุงใหญ่กล่าวกับน้องๆ ที่บ้านเขามีคนถึงห้าคนแล้ว ถ้าเขารับตัวภาระมาเพิ่มข้าวที่บ้าน มีหวังภรรยาตีเขาตาย
“พี่ใหญ่ออกไปตามพี่สะใภ้ใหญ่มาถามเถอะ จะได้รู้”อาชายห้ากล่าวกับลุงใหญ่ พี่น้องทุกคนนั่งประชุมผู้คุยกันอยู่ที่บ้านของพี่รองซูเมิ่ง พ่อของซูเจียว บ้านหลังนี้มีสองห้องน้องพี่น้องทุกคนต้องการจะได้บ้านหลังนี้แต่ไม่อยากรับหลานสาวทั้งสองมาเลี้ยงให้เป็นภาระครอบครัว
“น้องห้า นายก็รู้จักนิสัยพี่สะใภ้ใหญ่ของนายดี เมียฉันไม่ยอมให้ฉันรับเลี้ยงหลานสาวหรอก”ลุงใหญ่กล่าวบอกอาชายห้า
“แล้วจะเอายังไง ในเมื่อไม่มีใครอยากจะเลี้ยงพวกนางเด็กนั้น แต่ทุกคนก็อยากได้สมบัติของพ่อแม่พวกมันกันหมด”อาหญิงสามถามอย่างอารมณ์เสีย
“ถ้าไม่มีใครรับเลี้ยงนางเด็กนั้น บ้านหลังนี้ก็จะไม่มีใครได้ เอาอย่างนี้ดีไหมบ้านหลังนี้เราขายแบ่งเงินกัน ส่วนนางเด็กนั้นพวกเราก็สลับกันไปเลี้ยงคนละเดือน พี่สาวมันตอนนี้อายุ 10 ขวบแล้ว อีกสักสามสี่ปีค่อยหาบ้านสามีให้มัน หาคนที่พร้อมจ่ายเงินแต่งภรรยานะ เงินที่ได้จากการแต่งงานของมัน เราก็เอามาแบ่งกัน ส่วนน้องสาวมันก็หาไปพร้อมกันเลย แค่นี้พวกเราก็ได้เงินสินสอดของเด็กคนพวกนั้นแล้ว”อาชายห้าเสนอความคิดชั่วร้ายให้พี่น้องฟัง ทุกคนมองหน้ากันไปมา ต่างรู้สึกว่าเป็นความคิดที่ไม่เลว เด็กสองคนนั้นหน้าตาดีมาก โตหน่อยคงจะมีคนอยากจะเอาไปเลี้ยงเป็นเมีย คงขายได้หลายหยวนอยู่
“ทำไมต้องรออีกตั้งสามสี่ปี หาตอนนี้ไม่ได้หรือไง ค่อยให้บ้านผัวมันรับไปเลี้ยงดูเอาสิ เราจะมาเสียเวลาเลี้ยงดูพวกมันทำไหม”อาหญิงสี่ถามอย่างไม่เข้าใจ นางต้องการเงินเร็วๆไม่ใช่ต้องมาเลี้ยงพวกมันก่อน
“ไม่ได้ อย่าโง่ไปหน่อยเเลย ถ้าเราเอาพวกนางเด็กสองคนนั้นไปขาย ยกให้ไปเป็นเมียคนอื่น ทั้งที่เราขายบ้านพ่อแม่มัน คนในหมู่บ้านจะคิดยังไง หัวหน้าหมู่บ้านต้องไม่ยอมแน่ๆ เอาตามนี้เถอะก็แค่สามสี่ปีเอง มันไม่ได้นานมากขนาดนั้นไหม คิดถึงเงินที่จะได้หลังจากขายพวกมันสิ
เอาพวกมันสองพี่น้องมาค่อยช่วยงานพวกเราไปก่อนเป็นไง งานหนักๆงานสกปกก็ให้พวกมันทำ หรือไม่รอให้ผ่านไปสักพักก่อนค่อยขายพวกมัน ให้กับพวกที่ต้องการเมียเด็ก เมียใช้แรงงานนอกหมู่บ้าน พอถึงตอนนั้นพวกเราค่อยแอบเอาพวกมันไปขายแลกเงิน จะได้ไม่มีใครเห็นหากใครถามเราก็บอกว่าพวกมันสองพี่น้องหนีตามผู้ชายไปแล้ว เรื่องทุกอย่างก็จบ”อาชายห้าบอกกับพี่น้องคนอื่นๆ สายตาอันชั่วร้ายจ้องมองพี่น้องทุกคนที่นั่งอยู่ตรงหน้า พวกเขาพูดคุยตกลงกันเป็นชั่วโมงถึงได้ขอสรุปออกมา