หากคนอย่างใต้เท้าโม่มีรัศมีแห่งความเมตตา ในใต้หล้าคงไร้คนอาฆาตพยาบาทแล้ว
"ฮูหยินน้อยเชิญเจ้าค่ะ"
"ท่านพ่อเรียกหาด้วยเรื่องใด เจ้ารู้หรือไม่"
"ฮูหยินน้อยจะถามบ่าวได้อย่างไรเจ้าคะ ท่านน่าจะรู้ดีมากกว่าบ่าว ว่านายท่านเรียกหาฮูหยินน้อยด้วยเรื่องใด"
เสียงปิดประตูเรือนดังพร้อมสิ้นเสียงซื่อซิ่นสาวใช้ข้างกายเจ้าของเรือน ดวงตาของอีกฝ่ายที่มองมายังนาง ฉายแววไม่เป็นมิตรอย่างเห็นได้ชัด ทว่าหนี่ซวงย่อมเข้าใจว่าเป็นเพราะเหตุใด
แต่ทั้งหมดเป็นความผิดของนางเมื่อใด ในเมื่อผู้ที่กำหนดมิใช่นาง
"มาฝนหมึก"
เสียงทุ้มต่ำจากด้านในเรียกสติหญิงสาวให้กลับมาอยู่กับตัว จำต้องเดินเข้าไปยังมุมโต๊ะทำงานที่เจ้าของเสียงเรียกนั่งอยู่ ก่อนมือเรียวจะหยิบแท่งหมึกที่ฝนค้างไว้ขึ้นมาทำหน้าที่ประจำ
"ได้ดูรายชื่อแล้วหรือยัง"
"ยังไม่ได้ดูเจ้าค่ะ ช่วงสายซวงเอ๋อร์นอนพักผ่อน ตื่นมาก็พอดีกับเถ้าแก่เนี้ยอวิ๋นมาวัดตัว พอเสร็จท่านพ่อก็เรียกมาที่นี้ แต่ถึงไม่ได้ดูอย่างไรซวงเอ๋อร์เชื่อว่าท่านพ่อต้องจัดการทุกอย่างได้ดีอยู่แล้วเจ้าค่ะ"
ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นจากหนังสือที่เขียนอยู่ เพื่อมองเจ้าของคำพูด ทั้งที่ใบหน้าสวยกำลังคลี่รอยยิ้มหวานอยู่เบื้องหน้า แต่เขากลับไม่รู้สึกถึงความจริงใจในคำพูดของนางสักเพียงนิด
"ก็ดี"
เสียงเย็นที่ตอบรับทำให้หนี่ซวงไม่กล้าต่อความยาวกับอีกฝ่ายอีก ทั้งเขาก็ไม่เอ่ยปากพูดสิ่งใดกับนางอีกเช่นกัน ทำให้ภายในห้องกว้างมีเพียงเสียงแท่งหมึกฝนกับฐานเท่านั้น พาให้หญิงสาวรู้สึกเย็นยะเยือกไม่ต่างจากยืนตากหิมะอยู่ด้านนอกห้อง
และเพราะอีกฝ่ายไม่ยอมพูดหรือสั่งอันใดต่อ ทำให้ร่างบางต้องยืนจนปวดขาปวดน่องไปหมด กว่าเขาจะเลิกเขียนเอกสารบนโต๊ะ แล้วหันกลับมาสนใจนางที่แทบจะเก็บสีหน้าไม่พอใจไว้ไม่อยู่
"ทำไม ยืนแค่นี้หมดแรงแล้ว"
"ไม่เจ้าค่ะ ยืนทั้งคืนซวงเอ๋อร์ก็ยังไหว"
"ดี คืนนี้เจ้าจะได้ยืนสมใจ" มุมปากหยักปรากฏรอยยิ้มมีเลศนัย ก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูง จนศีรษะมนหญิงสาวอยู่แค่เพียงหน้าอกเขาเท่านั้น
หลังสิ้นเสียงของชายหนุ่ม หนี่ซวงรู้สึกได้ว่าบรรยากาศรอบกายเหมือนจะยิ่งเย็นยะเยือกมากขึ้น ทำให้นางยืนตัวแข็งก้าวเท้าเดินตามร่างหนาไม่ออก
หญิงสาวรู้สึกเหมือนพูดบางอย่างผิดไป แต่ไม่รู้ว่าเป็นตรงไหนกัน
กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว