นิยายไบเซ็กชวลเกย์ ปล้ำฟัดกันหวาดเสียวทั้งเรื่อง มีพระเอก นายเอกและนางเอกครบ
ไม่อยากรักกลับรัก ไม่รู้จะวางเธอไว้ที่ไหนในเมื่อเธอ... เป็นส่วนเกินของเรา แต่เราก็ขาดเธอไม่ได้
.
“ทรมาน...”
มีเพียงคำพูดสั้นๆ กับท่าทางเหมือนอยากจะชักดิ้นชักงอของหนุ่มหล่อเท่านั้น
“อะไรกัน ทิ้งฉันไปหาผู้ชายที่ตัวเองแอบรักเขาอยู่ข้างเดียว นึกว่าสมหวังแฮปปี้เอนดิ้งกันไปแล้ว ฉันอุตส่าห์บินจากเกาหลีเพื่อมาดูหน้านาย”
คนพูดเป็นหนุ่มเกาหลีที่รูปร่างหน้าตาตี่ผิวขาวตัวสูงตามมาตรฐานชายชาวเกาหลี
“หมดมารความรักแล้วฉันได้แฮปปี้เอนดิ้งชัวร์ แต่ว่า... ตั้งแต่เกิดมาฉันไม่เคยรู้สึกตายอดตายอยากเพราะอยากได้ผู้หญิงขนาดนี้ โอ๊ย... มันทรมานจะตายให้ได้ มยอง... ฉันควรจะจัดการกับความรู้สึกตัวเองยังไงดี”
“ผู้หญิง?”
ขึ้นเสียงสูงทวนคำพูดเหมือนเป็นคำถามย้ำ มยองรู้สึกงุนงงกับชายหนุ่มรูปหล่อผู้นั่งอยู่ต่อหน้า ราวกับเจอเรื่องแปลกประหลาดที่คาดไม่ถึง
“คีมกล้าบ้าไปแล้วฉันไม่อยากจะเชื่อ พวกเราไม่กินหญิง นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับนาย”
นัยน์ตาโตคมเฉียบสีนิลส่องแสงประกายพร่างพรายดุจดวงดาวหมื่นล้านดวงเผลอเหม่อลอยชั่วครู่ ค่อยเปลี่ยนจุดมองลงพื้น เปลือกตาของเขาสองชั้นขนตานั้นยาวมากเรียงตรงลงมาราวม่านพรางนัยน์ตาดำคู่งาม
มโนภาพฉายชัดยังคงตราตรึงอยู่ในสมองของชายหนุ่มใบหน้าหล่อมีออร่าเชิญชวนสายตาให้นึกเสน่หาคราแรกได้พบเจอ
กลีบปากสีธรรมชาติออกแดงงามความหนาเท่ากันทั้งล่างทั้งบนขยับกล่าวถ้อยคำรำลึกถึงเหตุการณ์ที่เพิ่งผ่านพ้นมาเมื่อเร็วๆ นี้
“ความรู้สึกทรมานนี้มันเริ่มต้นตั้งแต่แรกรู้จักกับผู้หญิงคนนั้น...”
o-.- -.- -.- -.- -.- -.- -.- -.- -.-o
ห้องสตูดิโอของบริษัทโมโนโมเดลลิ่ง
“อุ๊ยตายนั่นหนุ่มหน้าใหม่เข้ามาสมัครนายแบบ กำลังจะทดสอบความสามารถ ขอดูหน่อยนะคิม”
กระเทยผู้จัดการบอกกล่าวกับสาวสวยนางแบบในสังกัดของตน
เธอผู้มีใบหน้าอ่อนเยาว์ราวเด็กสาววัยม.ต้น เพิ่งได้เป็นนางแบบใหม่หมาดคนล่าสุดของบริษัท ก้าวเข้าห้องสตูดิโอพร้อมก้มโค้งทำความเคารพเจ้าของห้องและเจ้าของบริษัทเป็นเชิงขออนุญาตเข้ามาดูงาน
“พี่ม้อย พี่จอย”
ดวงตามีแววแจ่มใสเบิกโตช่างน่าตื่นเต้นดูเดียงสามองตรงเบื้องหน้ายังหนุ่มหล่อ... ไม่กระพริบตา เผลอๆ เธออาจไม่แม้กระทั่งหายใจหรือลืมหายใจไปเลยด้วยซ้ำ
หนุ่มหล่อยืนร้องเพลงหน้าไมค์ โดยได้รับกีตาร์ที่เตรียมไว้ให้สำหรับผู้มาทดสอบความสามารถอยู่แล้ว
เนื้อเพลงภาษาอังกฤษออกสำเนียงฟังชัด สำหรับผู้ที่เรียนจบมาจากโรงเรียนนานาชาติย่อมฟังความหมายเข้าใจ ว่าเนื้อเพลงพรรณนาเกี่ยวกับความรักที่ไม่ต้องการอกหักหากผิดพลาดสิ่งใดไปจึงมาง้อขอโทษ เพราะไม่อยากจะจากกันไปไกล
สาวสวยนางแบบล่าสุดเป็นคนแรกที่ปรบมือให้หนุ่มหล่อหลังเพลงจบลงทันที
ก่อนที่ทุกคนจะปรบมือตามเธอ
ส่วนสาวสวยหน้าเด็กไม่ชายตาแลมองใครนอกจากใบหน้าหนุ่มหล่อ และพุ่งปราดเข้าไปยืนใกล้
“เสียงเพราะจังเลย Amazing your voice so good”
เธอพูดภาษาอังกฤษกับเขาด้วยไม่แน่ใจว่าเขาจะคล่องในการฟังการพูดภาษาไทยหรือยัง
“ขอบคุณมากครับ”
“ต๊ายพูดไทยชัด หล่อก็หล่อ รับเลยค่าพี่ม้อยพี่จอย”
กระเทยผู้จัดการกล่าวชื่นชม และช่วยเชียร์ให้หนุ่มหล่อได้มีอนาคตในไกลในฐานะนายแบบ
สบตากันใกล้ๆ จากที่กำลังตื่นเต้นกับการเป็นเป้าสายตาของทุกคนมายังไม่เท่ากับได้สบสายตาเธอ
ดวงตาสุกสกาววาวแววแจ่มใส กระพริบตาแต่ละทีไม่ต่างกับพลิกเหลี่ยมเพชรและเธอสวย...
รู้สึกเธอมองหน้าเขาราวกับได้เจอเทพบุตรหล่อเลิศที่สุดเหนือจักรวาล
ในตอนนั้นหัวใจมันเต้นระทึกอย่างนึกไม่ถึง ข้างในหัวอกของคนหล่อมันจะระเบิด
สายตาเธอลดระดับจากสบตา ไล่มองลงมาตั้งแต่ดั้งจมูกใหญ่ปลายจมูกโด่งเด่นเป็นรูปสลักเสลาสวยงามและมองกลีบปากของเขา ไม่ใช่แค่มองเฉยๆ ยังเผยอเปิดปากเหมือนว่าเธอเองตื่นเต้นเช่นกันเมื่อแรกเจอหน้าเขา
เขาเผลอลิ้นเลียริมฝีปากตนเองที่แห้งผาก รู้สึกอยากจะจูบลงตรงปากสาวตาแป๋วหน้าตาน่ารักตรงหน้า!
“คิมหันต์! อย่าเข้าใกล้ผู้ชาย อ่อยไม่เลือกที่ไม่ได้นะต่อไปเธอจะดังต้องรู้จักวางตัว ...มานี่”
เธอโดนผู้จัดการคว้าข้อมือดึงให้ออกห่างกายผู้ชายดังกล่าว
แต่เธอดึงแขนกลับและแข็งขืนตัวเองไว้หันหน้าไปเถียงผู้จัดการทันที
“ฉันไม่ได้อ่อยนะ ฉันไม่รู้เรื่องอะไรเรียกว่าอ่อย”
แรงดึงตัวกลับของเธอเมื่อผู้จัดการร่างใหญ่ปล่อยข้อมือเธอทำให้เธอเสียหลักเซไปทางด้านหลัง หัวไหล่เธอไปแนบชิดติดตัวตรงกลางระหว่างร่องอกชายหนุ่มที่ใส่เชิ้ตเปิดอก และไหล่เปลือยจากการใส่สายเดี่ยวของเธอทำให้ผิวเนื้อติดเหงื่อที่ซึมออกมาจากร่องอกชาย ให้รู้สึกถึงความเหนอะหนะและชุ่มชื้น
ส่วนตัวเขารู้สึกถึงผิวเนื้อนุ่มนิ่มและหอมกรุ่นอุ่นไอร้อนระอุของสาวสวย
ขณะที่เธอหันมาเงยหน้าขึ้นสบตาเขาอีกครั้งมองอย่างคนละเมออยู่ในระยะแนบชิดติดตัวกัน
“แน่ะยิ่งว่าเหมือนยิ่งยุ ยังเข้าไปซบอกผู้ชายอีก ไวไฟกะจะกินให้ได้ใช่มะ ร้ายนักนะคิม”
คำพูดเหล่านั้นปลุกสติสาวสวยที่ไม่รู้เรื่อง และไม่ได้มีเจตนาดังคำกล่าวหาต้องหันขวัญไปเอ่ยเถียงทันทีทันควัน
“ไม่ใช่นะพี่แม้นมาด”
เถียงได้แค่นั้นกลับโดนผู้จัดการกระชากข้อมือเธอ แล้วดึงลากพานางแบบในสังกัดออกไปนอกห้องด้วยกัน
o-.- -.- -.- -.- -.- -.- -.- -.- -.-o
ห้องสตูดิโอ
หลังทุกคนกลับกันไปหมดแล้ว รองประธานสาวใหญ่วัยสี่สิบอัพพูดคุยกันกับประธาน
ทั้งสองเป็นอดีตนางแบบหุ่นดีและเคยเป็นเอเจนซี่จากบริษัทโมเดลลิ่งที่ประสบความสำเร็จ แล้วแยกตัวออกมาร่วมหุ้นทำธุรกิจของตัวเอง
“เสียงดีแบบนี้ทำให้นึกถึงฟ้าฝนของเราเลยนะ น่าจะส่งไปค่ายเพลงดังอย่าง...”
ชม้อยให้ความเห็นค้างไว้เมื่อถูกพูดแซงในทันที
“ไม่ใช่ค่ายนั้น ฉันมีความคิดดีๆ น่าจะส่งไปค่ายเพลงน้องใหม่ที่มีแววรุ่งมาแรงแห่งปี ได้ข่าววงในว่าจะฟอร์มวงบอยแบนด์ที่มีสมาชิกเจ็ดคน คัดเลือกเอาเฉพาะคนที่เลิศเลอเพอร์เฟ็กต์ทั้งรูปหล่อเสียงดีมีความสามารถ”
จอยวลีกล่าวกับรองประธาน แล้วเปิดดูรูปถ่ายหนุ่มหล่อในคอมพิวเตอร์
“คนที่ฟ้าฝนแนะนำมานี่เป็นเพื่อนรุ่นพี่อายุยี่สิบสี่มากกว่าฟ้าฝนหนึ่งปี ลูกครึ่งเกาหลีเหมือนกัน ต่างกันตรงถือสัญชาติเกาหลี ชื่อ คีมกล้า นามสกุลคิม ส่วนสูง 179 พอๆ กับฟ้าฝนที่สูง 178 ดูผอมบางกว่าฟ้าฝนเล็กน้อย ผิวไม่ขาวกระจ่างใสเท่าฟ้าฝน แต่สีผิวนวลผ่องใสไม่มีสิวแถมฟันสวย รูปอ้าปากนี่เห็นลิ้นแดงเชียว ฉันว่าเขาดูมีเสน่ห์อย่างประหลาดล่ะ หน้าสดตอนไม่แต่งหน้ายังหล่อคมซะขนาดนี้ ถ้าได้แต่งหน้าจะออกมายังไงน้อ...”
o-.- -.- -.- -.- -.- -.- -.- -.- -.-o
คอนโดใหญ่ใจกลางกรุงเทพฯ ที่มีรถไฟฟ้าวิ่งผ่าน
ห้องลักชัวรี่สำหรับผู้มีอันจะกินขนาดสองห้องนอน มีพื้นที่ใช้สอยไม่น้อยกว่าเจ็ดสิบห้าตารางเมตร
ฟ้าฝน กิตติพัฒน์ ผู้เป็นเจ้าของห้องนั่งอยู่ยังโซฟายาว
จุดเด่นบนใบหน้าคือดั้งจมูกโด่งใหญ่ได้รูปกำลังพอเหมาะเจาะ เรียวปากเกือบบางข้างบนและริมฝีปากหนาข้างล่างช่างงามอิ่มยามแย้มยิ้ม หันหน้ามามองเมื่อได้ยินเสียงคนเปิดประตูห้องเข้ามา
คีมกล้าอ้อมไปด้านหลังโซฟาแล้วโอบกอดคอหนุ่มรุ่นน้อง เป็นนิสัยที่น่ารักของเขาที่มักชอบปฏิบัติต่อผู้ที่เขารัก
“ผลการสมัครนายแบบผ่านไหมครับพี่คีม”
“มือชั้นนี้แล้วผ่านแน่นอนครับฝน ได้งานแรกเลย”
“ผมเดาว่าคงจะเป็นงานถ่ายแฟชั่นคอลเลคชั่นฤดูหนาวกับนางแบบหน้าใหม่ใช่ไหมครับ”
“ใช่... ทำไมเดาแม่นอย่างนี้ล่ะ”
“ผมเพิ่งปฏิเสธงานนั้นไป”
ดวงตากลมโตเหมือนดวงตากระต่ายที่มักฉายแววสดใส ค่อยเริ่มหมองหม่นลงหลังฟ้าฝนบอกกล่าวถ้อยคำนั้น
“ไม่ชอบถ่ายคู่กับนางแบบคนนั้นเหรอ”
คาดเดาไปและอยากซักถามด้วยสนใจใคร่รู้ ถึงต้องลงนั่งข้างเคียงกายกันอยากฟังให้มันชัดเจน
“เปล่าหรอกมีเรื่องเข้าใจผิดที่ผมคิดไปเอง เธอบอกผมเสมอว่าเธอเหมือนแค่ลูกหมาตัวน้อยชอบแหงนมองเครื่องบินบนฟ้า ไม่มีหวังไขว่คว้ามาครอบครอง ผมนึกว่าหมายถึงผม แต่มันดันไม่ใช่...”
ฟ้าฝนส่ายหน้าฝืนยิ้มออกมา แต่ภายในดวงตาคมกลมโตคลอไปด้วยหยาดน้ำตา
เห็นอย่างนี้จะให้คีมกล้าเดาเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้
“เธอหักอกฝนล่ะสิ”
อีกฝ่ายส่ายหน้าปฏิเสธ
“ไม่หรอกครับ ไม่มีอะไรมาก บอกแล้วไงผมคิดไปเอง มันไม่มีอะไรมาตั้งแต่แรก เธอเป็นเด็กดีมีความกตัญญูต่อพ่อแม่และผู้มีพระคุณ ผมคือผู้มีพระคุณต่อเธอเคยช่วยเหลือเธอทุกอย่าง เป็นคนที่เธอนับถือเสมือนพี่ชาย เธอกำลังจะหาเงินมาคืนผมที่เคยช่วยเงินค่าผ่อนบ้านของพ่อแม่เธอ เธอถึงต้องไปทำงานที่เธอไม่ชอบเลย”
“งานนางแบบนะเหรอเธอไม่ชอบ”
คีมกล้าถึงกับเลิกคิ้ว
“ผมเคยคิดเสมอว่าผู้หญิงมักชอบงานสวยงามแสนสบายอนาคตไกล อาจได้เจอใครที่ดีมีฐานะคู่ควรเป็นคู่ครอง อาจจะได้แต่งงานกับผู้ชายรวยและสบายไปตลอดชาติ”
แล้วหันมองคนข้างกายเจ้าน้ำตาท่าทางราวกับคนอกหัก
“ฝนแอบรักสาวคนนั้นใช่ไหมล่ะ”
“ไม่ใช่ครับ ไม่มีอะไรเลย จริงๆ เธอก็เหมือนน้องสาวคนหนึ่ง”
“โกหก ฝนปฏิเสธไม่ถ่ายแบบคู่ด้วยเพราะอกหัก ยังทำใจไม่ได้ใช่ไหมล่ะ”
“บอกว่าไม่ใช่ก็ไม่ใช่สิครับพี่คีม เลิกพูดเซ้าซี้ว่าผมอกหักสักที รูปหล่อพ่อรวยอย่างผม ผู้หญิงรอต่อแถวจองคิวสมัครเป็นแฟนมากมาย ไม่มีวันที่ผมจะอกหักเด็ดขาด ขนาดพี่คีมยังหลงรักผมถึงต้องบินมาอยู่เมืองไทยรักเมืองไทย เพราะที่นี่มีผมอยู่ใช่ไหมล่ะ”
ถึงตอนนี้คีมกล้าพูดไม่ออก อมยิ้มแก้มปริ ...เขิน
“ไม่ต้องกังวลแล้วครับ ต่อไปผมคงจะไม่รักผู้หญิงคนไหนอีกแล้ว ผมจะมีแต่พี่คีมที่รักผมคนเดียว พี่คีมรักผมคนเดียวแน่เหรอ”
“แน่สิ ผมเลิกแฟนเก่าหมดแล้วเพื่อมาคบกับฝนคนเดียว ไม่คิดว่าฝนจะเลือกผม แต่ก่อนนั้นรู้สึกมาตลอดเหมือนมีมารความรักเป็นอุปสรรคกั้นขวางไว้ ไม่นึกว่าวันหนึ่งมารความรักจะหมดไปได้เอง ดีใจชะมัด”
คีมกล้ากอดเอวคนรักและซบศีรษะแนบชิดเบียดแก้มชื่นอกชื่นใจ
“พี่คีมคิดว่าผู้หญิงเป็นมารความรักหรือครับ”
“ใช่... เพราะเมื่อก่อนฝนปฏิเสธผมตลอด บอกเสมอว่ามีผู้หญิงที่รักกันอยู่และฝนไม่ใช่เกย์ แต่วันนี้กลับหันมาชอบผู้ชายด้วยกันได้”
“พี่คิมครับ ผมขอร้องไว้อย่าง”
“หืม? อะไรล่ะ”
“อย่าคิดว่าคิมหันต์เป็นมารความรักระหว่างเรา กรุณาอย่าเกลียดเธอ ถ้าได้ร่วมงานกันได้รู้จักเธอดีแล้วพี่คีมจะรู้ว่าเธอดีมาก ไม่สมควรที่พี่คีมจะคิดว่าเธอเป็นนางมาร”
คีมกล้าฟังดูแล้ว ถ้าให้เดาความในใจของฟ้าฝนไม่ว่าอย่างไรก็คงหลงรักผู้หญิงที่ชื่อคิมหันต์คนนั้นแน่ เขาจึงต้องการความชัดเจนด้วยคำถามนี้
“ตอบผมให้หายข้องใจหน่อยได้ไหม เมื่อก่อนฝนเคยรักอยู่กับผู้หญิงคนไหน เธอชื่ออะไร”
“อ๋อ...”
เสียงอ๋อนั้นยาวมากสักนาที เหมือนกำลังคำนวณหรือพยายามสรรหาคำตอบ ซึ่งมันน่าจะรู้ดีอยู่แก่ใจจนสามารถตอบได้ในเสี้ยวนาที มีหรือคนเราจะไม่รู้ใจตัวเองว่าหลงรักใครอยู่
“เธอชื่อ... นภัสสร”
“เธอเป็นใคร แล้วทำไมถึงเลิกกันล่ะ”
“เบื่อ... หยุดซักถามสักทีครับพี่คีม”
เมื่อนั้นคีมกล้าจึงจำใจต้องปิดปากตัวเองลง
o-.- -.- -.- -.- -.- -.- -.- -.- -.-o
.