ดวงตะวันในม่านจันทรา เป็นเรื่องใหม่ในซีรี่ส์ "ลิขิตรักแห่งผืนทราย" มาแล้วค่ะ มาช้าไปนิดแต่ก็มานะคะ
เป็นเรื่องราวของภูตะวัน พี่ชายของหยาดฝน นางเอกในเรื่อง "ดั่งหยาดฝนพรมเม็ดทราย"
เรื่องสุดท้ายของซีรี่ส์นี้ค่ะ มีทั้งหมดสามเรื่องด้วยกัน
หวามรักในฮาเร็ม (ชีครามิล x วิรสา)
ดั่งหยาดฝนพรมเม็ดทราย (ชีคมาคี x หยาดฝน)
ดวงตะวันในม่านจันทรา (ภูตะวัน x ลูน่า)
ฝากกดติดตามนิยายและเพิ่มเข้าชั้นเพื่อจะได้ไม่พลาดทุกการอัปเดตค่ะ
----------------------------------------------------------------------------
ปึก!
“โอ๊ย”
“ข~ขอโทษครับ”
ขณะที่กำลังจะถึงห้องน้ำอยู่รอมร่อก็มีผู้หญิงสวมชุดพื้นเมืองสีเขียวน้ำทะเลมีผ้าคลุมหน้าคลุมผมสีชมพูปกปิดเอาไว้เผยให้เห็นเพียงดวงตากลมโตหวานซึ้งโผล่มาจากไหนไม่รู้ชนเข้ากับร่างใหญ่ของภูตะวันอย่างแรง ชายหนุ่มรีบคว้าร่างอรชรของเธอเอาไว้กล่าวคำขอโทษเป็นภาษาอังกฤษให้อีกฝ่ายที่ไม่ทันได้ระวังตัวทว่าร่างแกร่งของเขาก็ถูกดึงเข้าไปหลบในซอกแคบ ๆ ที่อยู่ไม่ไกลอย่างรวดเร็วจนแทบจะล้มทับกัน
“คุณ...”
“ชู่ว์”
“คุณ…อื้อ”
ภูตะวันที่กำลังจะบอกอีกฝ่ายว่าเธอเหยียบเท้าของเขาต้องเบิกตากว้างเมื่อถูกรั้งลำคอตรงท้ายทอยให้โน้มหน้าลงมาปิดปากให้เงียบด้วยริมฝีปากรูปกระจับจิ้มลิ้มที่เขาทันเห็นเพียงเสี้ยววินาทีเท่านั้นตอนที่หญิงสาวดึงผ้าปิดหน้าขึ้นก่อนจะประกบปากจูบขึ้นมา หญิงสาวนิรนามแนบจูบอันเงอะงะลงบนริมฝีปากหยักบางสีกุหลาบของภูตะวันพลางตลบชุดคลุมสีดำของเขาขึ้นมาคลุมทั้งสองร่างเอาไว้ ความเจ็บที่ถูกเหยียบเท้าหายไปปลิดทิ้ง รู้สึกเบาหวิวราวปุยเมฆที่ลอยคว้างกลางอากาศ
ตุบ ๆ ตุบ ๆ ตุบ ๆ
เสียงหัวใจสองดวงเต้นระบำตุบตับอยู่ในอกของคนทั้งคู่ ภูตะวันได้สติพยายามจะถอนริมฝีปากออกทว่าอีกฝ่ายกลับตรึงท้ายทอยของเขาเอาไว้แน่น ชายหนุ่มรับรู้ถึงอาการมือสั่นตัวสั่นที่แรงขึ้นของคนในอ้อมกอดเมื่อได้ยินเสียงห้าวของกลุ่มชายฉกรรจ์ห้าคนซึ่งคุยกันใกล้ ๆ เขาไม่รู้ว่าพวกนั้นคุยอะไร แต่อาการของคนที่แนบชิดจนร่างแกร่งของเขาแทบระเบิดอยู่นี้สั่นเทาเป็นเจ้าเข้าจึงเดาเอาว่าเจ้าหล่อนน่าจะกำลังหนีกลุ่มผู้ชายพวกนั้นอยู่
“หายไปไหนแล้ว ตามหาให้พบ อย่าให้หลุดหนีไปได้ ไม่เช่นนั้นพวกเจ้าทุกคนหัวหลุดออกจากบ่าแน่ ๆ”
เสียงเหี้ยมของคนที่คาดว่าเป็นหัวหน้าดังขึ้นก่อนที่เสียงฝีเท้าของกลุ่มคนพวกนั้นจะวิ่งห่างออกไป แรงบีบของคนในอ้อมกอดจึงผ่อนคลายลงก่อนที่อีกฝ่ายจะถอนริมฝีปากออกพลางชะโงกหน้าออกไปมองซ้ายมองขวาอย่างระแวดระวังทำให้ทุกส่วนด้านหน้าของร่างกายบดเบียดกับร่างสูงบึกบึนของภูตะวัน
“ฟู่ ไปได้เสียที”
หญิงนิรนามเปิดผ้าคลุมหน้าออกหลังจากดึงตัวเองกลับมา ภูตะวันตัวแข็งทื่อกะพริบตาปริบ ๆ ยืนนิ่งเป็นก้อนหินให้คนแปลกหน้ากอด ดวงตาคู่คมจับจ้องมองใบหน้าหวานที่เกลี้ยงเกลาปราศจากผ้าคลุมหน้าด้วยหัวใจเต้นถี่รัว รู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือนจนสะท้านไปทั้งร่าง
“ช่วยพาเราหนีที”
เสียงหวานเสนาะหูดังขึ้นเมื่อเงยหน้ามาสบสายตาคู่คมของคนในอ้อมกอดที่ยังแนบชิดกันจนแทบจะไม่เหลือช่องว่างให้อากาศลอดผ่านมีเพียงเนื้อผ้าของทั้งสองฝ่ายกางกั้นเอาไว้เพียงเท่านั้นทำให้ทั้งคู่รู้สึกร้อนวูบวาบราวกระแสไฟฟ้าวิ่งผ่านไปทั่วจนจับทิศทางไม่ถูก
“หนีไปไหน?”
คำอ้อนวอนแว่วหวานนั้นทำให้ภูตะวันถึงกับสะดุดลมหายใจของตัวเองถามออกมาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาราวคนละเมอ ถ้าหากหญิงสาวตรงหน้าวิ่งหนีโจรหรือคนร้ายกลุ่มเมื่อครู่จนพลัดหลงกับครอบครัวเขาจะให้ทหารองครักษ์ของชีคมาคีช่วยพาเธอไปส่งที่บ้านหรือจุดที่พลัดหลงกับครอบครัวของเธอ ทว่าชายหนุ่มถึงกับอุทานเสียงดังเมื่อได้ยินคำตอบ
“ไปเป็นเมียท่านก็ได้”
“เมีย!”
ภูตะวันอุทานเสียงหลงเมื่อคนตรงหน้าบอกว่าจะไปเป็นเมียของเขาพลางกวาดตามองทั่วดวงหน้าหวานจนหัวใจที่ยืนหยัดแกร่งกล้าต้านทานทุกอารมณ์ยามอยู่ใกล้ผู้หญิงทุกคนอ่อนยวบทันทีเมื่อสบสายตาคู่สวยซึ้งที่กำลังมีน้ำตาคลอ
ทำไมเขาถึงเห็นแต่ความร้าวรานในดวงตาคู่นี้ ใบหน้าสวยของเธอเหมาะกับรอยยิ้มพิมพ์ใจประดับไว้มากกว่าความโศกเศร้าโศกาเช่นนี้
“อายุเท่าไหร่?”
แม้จะไม่ได้คิดจะเอาคนแปลกหน้าไปเป็นเมียตามที่อีกฝ่ายขอแต่ก็อดที่จะถามไถ่ถึงอายุของเธอไม่ได้
“ท่านถามเราเหรอ?”
“อยู่ด้วยกันสองคนจะให้ไปถามใครครับ?”
ชายหนุ่มยียวนอย่างไม่รู้ตัวจนอีกฝ่ายหน้ายู่ใส่
“ยี่สิบ”
หญิงสาวอ้อมแอ้มตอบพลางก้มหน้างุดบีบมือเข้าหากันแน่นร่างกายเริ่มสั่นเทาขึ้นมาอีกครั้งรู้สึกกังวลและหวาดกลัว หากผู้ชายตรงหน้าปฏิเสธที่จะช่วยเหลือเธอคงต้องหนีไปตายเอาดาบหน้าด้วยตัวเอง ส่วนภูตะวันนั้นเมื่อได้รับคำตอบถึงกับพูดไม่ออกบอกไม่ถูกจึงนิ่งเงียบใบ้รับประทานไปนาน
“เอ่อ ขออภัยเราคงรบกวนท่านมากไป ขอบคุณที่ช่วยเหลือเราเมื่อครู่ ชาตินี้เราจะไม่ลืมพระคุณ”
ลูน่า เงยหน้าขึ้นมาสบตาคู่คมของคนที่ช่วยชีวิตและมอบจูบแรกให้เมื่อครู่อย่างพยายามจะจดจำเครื่องหน้าที่หล่อเหลาจนคนครึ่งประเทศอิจฉาเป็นครังสุดท้าย เธอจะจดจำเขาไปตลอดชีวิต พลางเอ่ยลาก่อนจะรีบผละออกมาและวิ่งหนีกลุ่มชายฉกรรจ์พวกเดิมที่วิ่งวกกลับมาอีกครั้ง
“อยู่ทางนั้นจับตัวมา อย่าให้หนีไปได้ วิ่งเร็วชะมัด”
ภูตะวันหัวใจวูบโหวงเมื่อสาวน้อยดวงตาหวานคนนั้นวิ่งหนีออกไปแบบไม่ทันตั้งตัว เสียงเหี้ยมของชายฉกรรจ์คนเดิมนั้นบาดลึกถึงหัวใจที่ด้านชามานานนับสิบปีของภูตะวันก่อนที่พวกนั้นจะวิ่งผ่านหน้าเขาไปอย่างรวดเร็ว เธอกำลังถูกตามล่าอย่างนั้นเหรอ ทำไมเขาถึงรู้สึกเจ็บตรงอกข้างซ้าย ก้อนเนื้อข้างในกระหน่ำเต้นแทบหลุดออกมานอกอกเมื่อคิดว่าร่างอรชรนั้นถูกจับตรึงและถูกทำร้าย
ชายหนุ่มออกแรงวิ่งตามหลังคนร้ายกลุ่มที่วิ่งตามสาวน้อยที่ทำให้ใจกระตุกสั่นไหวไปอย่างรวดเร็ว ทว่าร่างใหญ่ที่เหนื่อยหอบของเขาต้องหยุดวิ่งรีบโกยลมหายใจเข้าปอดพร้อมกับทรุดกายนั่งเข่าอ่อนหมดแรงเมื่อเขาตามกลุ่มคนร้ายพวกนั้นไม่ทัน ดวงตาคู่คมร้อนผ่าวเมื่อคิดไปว่าหญิงสาวอาจถูกพวกชายฉกรรจ์ลากตัวไปทำไม่ดีไม่ร้ายแล้ว
“โธ่โว้ย”
-----------------------------------------------------------------------------------------------
เปิดเรื่อง วันเสาร์ที่ 5 สิงหาคม 2566
ฝากเอ็นดูพี่ภูตะวันกับหนูลูน่าด้วยนะคะ ขอหัวใจคนละดวงสองดวง คอมเมนต์ทักทายเพื่อเป็นกำลังใจให้นักเขียนตัวน้อยคนนี้มีแรงฮึกเหิมเขียนเรื่องใหม่ ๆ มาให้อ่านเร็ว ๆ ด้วยค่ะ