ลำนำน้ำค้าง
บทนำ
ร่างเล็กของเด็กหญิงวัยแปดขวบถูกฉุดกระชากอย่างแรงจนแขนเสื้อของเด็กหญิงขาด เด็กหญิงตัวน้อยหวีดร้องสุดเสียง พยายามสะบัดแขนขาที่ถูกเกาะกุมด้วยชายร่างใหญ่หลายคนที่ล้อมตัวนางอยู่ เด็กหญิงสู้แรงชายเหล่านั้นไม่ได้ ร่างของนางถูกยกขึ้นเหนือพื้นแขนสองข้าง ขาสองข้างถูกมือสกปรกจับยกขึ้น แม้น้ำตาไหลอาบแก้มแต่นางยังมองเห็นเปลวเพลิง ผู้คนที่ถูกฆ่าอย่างเหี้ยมโหด บนพื้นนองไปด้วยเลือดสีแดงสด ท้องฟ้าถูกย้อมด้วยสีแดงของเปลวเพลิง
เด็กหญิงหวีดร้องจนเจ็บคอไปหมด ราวกับมีเลือดผสมน้ำลาย เสียงหัวเราะราวกับคนเสียสติดังขึ้นเคล้าเสียงร้องแห่งความเจ็บปวด หมู่บ้านตีนเขาที่เคยสงบสุข มีเสียงร้องเพลง ผู้คนมีแต่รอยยิ้มบนใบหน้า ทว่ายามนี้ หลายคนกระเสือกกระสนดิ้นรนหนีตาย บางกลายเป็นร่างไร้วิญญาณ เสียงหวีดร้องของหญิงสาว ร่างนั้นถูกกระแทกกระทั้น เสื้อผ้าหลุดรุย เปิดเปลือยทรวงอก ใบหน้าเต็มไปด้วยน้ำตาและคราบเลือด
ร่างเล็กถูกเหวี่ยงลงบนโต๊ะตัวหนึ่ง เด็กหญิงเบิกตากว้างเมื่อเห็นว่าชายสองคนจับเรียวขาเล็กแยกออกจากกัน และอีกคนเดินเข้ามาตรงกลางหวางขาและกำลังปลดกางเกงของมันลง เด็กหญิงหวีดร้องจนกระอักโลหิตออกมา แต่พวกมันกลับหัวเราะราวกับนี่เป็นเรื่องสนุก สองแขนของนางถูกตรึงไว้ พยายามใช้เรี่ยวแรงสุดท้ายสะบัดพันธนาการนี้ออก แต่นางทำไม่ได้ เด็กหญิงวัยแปดขวบได้แต่เบิกตากว้างมองชายที่กระชากเสื้อผ้าท่อนล่างของนางออก
นางจ้องดวงตาชายผู้นั้นเขม็ง ความหวาดกลัวทำให้นางไม่อาจคิดหาทางเอาตัวรอดได้ ทว่านางมองเลยไปด้านหลังของชายคนนั้น แสงวาบหนึ่งผ่านมา ศีรษะของชายคนนั้นหลุดออกจากร่างอย่างรวดเร็ว เลือดสีสดพุ่งออกมา คนที่เหลือยังยืนงุนงงกับร่างที่ไร้ศีรษะของสหาย เลือดของคนชั่วกระเด็นใส่ใบหน้าของเด็กน้อย นางหลับตาเพราะเลือดเข้าตา เพียงแวบเดียวนางรู้สึกได้ว่าแขนขาเป็นอิสระ ไม่มีมือมาจับตรึงร่างนาง เด็กหญิงรีบลืมตาขึ้น สิ่งที่เห็นคือร่างไร้ศีรษะของคนเหล่านั้น และบุรุษผู้อยู่หลังอาชาสีดำทมิฬ
ดวงตาคู่นั้นมีสีแดงราวกับโลหิต แววตาเยือกเย็น ไม่แสดงถึงอารมณ์ความรู้สึกใด อาภรณ์สีดำกลืนกินไปกับรัตติกาล มีเพียงกระบี่ในมือที่สีเงินที่หยาดโลหิตไหลย้อยลงพื้นดิน
“องค์ราชัน”
เสียงหนึ่งเรียกขึ้น ทำให้ดวงตาสีโลหิตคู่นั้นมีรอยเคลื่อนไหว ชายผู้ที่เข้ามาใหม่ประสานมือค้อมศีรษะลงเบื้องหน้าชายบนหลังอาชา ทว่าเมื่อเห็นเด็กหญิงตัวนอนเสื้อผ้าหลุดรุยเปิดเผยผิวกาย ชายหนุ่มก็ใจสะท้านด้วยความเวทนา
บุรุษหลังอาชากระตุกบังเหียนในมือ ม้าหันหลังกลับ ชายหนุ่มที่มาที่หลังกำลังจะก้าวเท้าตามไปแต่อดเหลียวมองเด็กหญิงตัวน้อยไม่ได้ เขาฝืนใจหันหลังเดินไปได้ไม่กี่ก้าว เด็กหญิงก็เห็นเขาหมุนตัวหันกลับมาแล้วเดินเร็วๆ มาทางนาง เด็กน้อยตัวแข็งขยับตัวไม่ได้แม้กระทั้งจะกะพริบตาก็ทำไม่ได้ ทว่าอีกฝ่ายปลดผ้าคลุมไหลออกแล้วคลี่คลุมร่างเล็ก ช้อนตัวนางอุ้มแนบอกประหนึ่งนางเป็นลูกนกที่ผลัดตกจากรัง
เด็กหญิงซุกตัวในผ้าคลุมสีดำสนิท ปิดเปลือกตาและเฝ้าหวังว่าเมื่อลืมตาอีกครั้ง นางจะพบว่าทุกสิ่งทุกอย่างเป็นเพียงฝันร้ายเท่านั้น
.......................