บทนำ
ผ่านมายี่สิบสามปีแล้วที่มะลิษาข้ามภพมาในนวนิยายกลิ่นละไม แลมาอาศัยอยู่ในร่างของแม่ปิ่นมุก ยามนี้ตัวเธอในร่างใหม่มีอายุร่วมสามสิบสามปี ชีวิตที่ผ่านมานั้นเมื่อนึกย้อนกลับไปคราใดก็อดที่จักคิดมิได้ว่าเป็นเพียงภาพฝัน สายตาเรียวหันไปมองบุรุษข้างกายที่กำลังพูดคุยกับคนสนิททั้งสองด้วยใบหน้าเคร่งขรึม คนผู้นี้เดิมทีคือตัวร้ายในนวนิยายกลิ่นละไม แลคือผู้ที่จักสังหารแม่ปิ่นมุก หากแต่จะด้วยเหตุผลใดมิอาจล่วงรู้ยามนี้เขากลับกลายมาเป็นคู่ชีวิตของเธอเสียอย่างนั้น ริมฝีปากบางยิ้มกว้างขึ้นเมื่อนึกถึงวีรกรรมมากมายของพ่อตัวร้ายผู้นี้
“พ่อจอมทัพไปขี่ม้ากัน”
เสียงที่ดังมาจากลานกว้างด้านล่าง ดึงสายตาแม่ตัวร้ายอย่างเธอให้หันไปมองตามภาพเด็กชายสองพากันขี่ม้า ยิงธนู ฟันดาบ ตีมวย นั้นเห็นจนชินตา
คนหนึ่งคือ พ่อจอมทัพ บุตรชายคนโตของเธอเอง ที่ยามนี้อายุย่างเข้าสิบสี่ขวบปี ชื่นชอบเรื่องการตีรันฟันแทงเฉกเช่นบิดา แม้จะมีนิสัยที่เยือกเย็นกว่า แต่ความดุดันเอาแต่ใจนั้นราวกับถอดแบบกันมาทีเดียว
ส่วนอีกคนนั้นคือสหายคนสนิทของพ่อจอมทัพชื่อ พ่อตะวัน เป็นบุตรของพ่อชิดแลแม่สไบ ที่มะลิษานึกถึงบุปเพวาสนาของทั้งคู่คราใดก็อับอายเสียทุกครา ด้วยว่าสองคนนี้ได้เสียเป็นผัวเมียกันก็เพราะเธอกับคุณพี่ส่งเสียงดังในคืนเข้าหอ จนได้พ่อตะวันมาเป็นสหายพ่อจอมทัพ
ถัดไปไม่ไกลนักคือบุตรสาวฝาแฝดของเธอ ทั้งสองคนนั้นยามนี้อายุย่างสิบสามขวบปีแลพ้นวัยตัดจุกไปแล้ว
คนแรกคือ แม่จอมขวัญ มีนิสัยอ่อนหวานเรียบร้อยสมเป็นกุลสตรีด้วยได้รับการอบรมมาจากคุณดวงแขผู้เป็นยายอดีตนางข้าหลวงของเสด็จท่าน หากทว่าแม้ภายนอกอ่อนหวานเรียบร้อย แต่เนื้อในหาได้แตกต่างจากพี่น้องคนอื่น เรื่องตีมวยฟันแทงอาจไม่ช่ำชองเช่นพ่อจอมทัพผู้เป็นพี่ชาย เรื่องหยูกยาแลความแสบสันอาจไม่เท่าแม่ขวัญตาผู้เป็นน้องสาว แต่หากกล่าวถึงเรื่องปัญญาแล้วแม่จอมขวัญนับเป็นหนึ่งไม่มีใครเกิน
ส่วนอีกคน แม่ขวัญตา แม่ตัวแสบแห่งเมืองเหนือ คนที่ทำให้มะลิษาถอนหายใจทุกคราที่ได้ยินคนกล่าวถึง ด้วยเพราะวีรกรรมนั้นมากมายเกินกว่าจะนับหมด อาจเพราะตั้งแต่ยังเยาว์วัยบุตรสาวคนนี้ถูกแม่นายเพ็ญอุ้มไปมา แลเลี้ยงดูดุจเป็นบุตรสาวที่ตนเองเบ่งออกมาเอง นิสัยความดื้อรั้นซุกซนแลมิยอมคนจึงถูกปลูกฝังมาเช่นผู้เป็นยายทวด แม้ยามนี้แม่นายเพ็ญจักสิ้นบุญไปด้วยโรคชราแล้วก็ตามแต่นิสัยของแม่ขวัญตาก็ยากจักแก้ไขเสียแล้ว
“ถอนหายใจกระไรรึแม่ปิ่นมุก”
น้ำเสียงราบเรียบแต่แฝงไปด้วยความเอาใจใส่นี้ไม่ต้องหันไปมองมะลิษาก็รู้ดีว่าคือเสียงของผู้ใด ริมฝีปากบางยกยิ้มก่อนหันไปหยิบชามะลิรินส่งให้ผู้เป็นพ่อเรือน
“มิมีกระไรเจ้าค่ะ”
“เดือนหน้าแล้วใช่หรือไม่ที่แม่จอมขวัญจักต้องเข้าวังไปเป็นนางข้าหลวง”
ดวงตาเรียวของมะลิษาหม่นแสงลงเล็กน้อย เรื่องการส่งแม่จอมขวัญเข้าวังนั้นมองผิวเผินก็มิแปลกกระไร ด้วยค่านิยมของชาวนพบุรีย์นั้นบรรดาขุนนางแลคหบดีทั้งหลายมักส่งบุตรสาวไปอบรมกิริยาในรั้วในวัง แต่แท้จริงแล้วสำหรับแม่จอมขวัญนั้นมะลิษารู้ดีว่านี่คือการส่งไปเป็นตัวประกัน
“คุณพี่เจ้าขา...ข้า”
“พระองค์ท่านขุนหลวงหาได้เป็นคนไร้เหตุผล แลพี่ก็มิได้มีใจคิดคดทรยศดังนั้นเจ้าวางใจเถิด เอาเวลาไปห่วงแม่ขวัญตาเถิด ดูนั่นก็กระโจนลงคลองไปเสียแล้ว”
.......................................................................................................................
ไหนใครคุ้นๆเนื้อหาบทนี้บ้างเอ่ย???
ใครไม่คุ้นแนะนำแวะบ้านแม่ขวัญตาก่อนเลยจร้า(เรื่อง:ยอดขวัญชีวา)