‘นิรีนจะเชื่อไหม ถ้าพี่บอกว่าเราสองคนรักกันมาสองชาติแล้ว ชาตินี้เป็นชาติที่สาม’
‘คุณคะ ดูละครมากไปหรือเปล่า?’
หนุ่มทึ่มคนนี้ท่าทางเหมือนคุณตายุคโบราณทะลุมิติมา นอกจากการแต่งตัวเชยคำพูดคำจายังแปลกหู ถ้าเขาไม่บ้าก็อาจกินยาลืมเขย่าขวด เธอควรสงเคราะห์ด้วยการพาไปส่งโรงพยาบาลดีไหม ไม่แน่หมอจิตเวชอาจต้องการตัวเขา
‘พี่พูดเรื่องจริงมิได้มุสา มิใช่เพียงรักเท่านั้น แต่เราสองเป็นคู่กันมาตั้งแต่ชาติปางก่อนแล้วหนา เจ้าลองตรองดูให้ดีเถิด แม่ยอดยาใจ’
พูดพร้อมก้าวร่างสูงเข้ามาประชิด ใบหน้าเธออยู่ต่ำกว่าปลายคางเขาเพียงเล็กน้อย นิรีนดาสัมผัสได้ถึงลมหายใจเข้าออกที่เป็นจังหวะสม่ำเสมอราดรดบนหน้าผาก ความรู้สึกพรั่นพรึงก่อเกิดในใจ เดาไม่ออกว่าอีกฝ่ายต้องการอะไรจากเธอ
เขาคงไม่กล้าทำมิดีมิร้ายเธอเวลากลางวันแสก ๆ หรอกเพราะบ้านเมืองมีขื่อมีแป นิรีนดาคิดแบบใจดีสู้เสือ
‘คุณจะทำอะไร ถอยออกไปค่ะ’
‘ดาหลา เจ้าลืมสิ้นแล้วฤๅ’
ชายแปลกหน้าถือวิสาสะจับมือนิรีนดาไปแนบแก้มสาก เธอออกแรงสะบัดเท่าไรก็ไม่หลุด สายตามีเยื่อใยทอดมองมาราวกับเธอและเขาพลัดพรากกันมาร้อยปี
นัยน์ตาคมหม่นเศร้าแฝงความเจ็บปวดทำเอาเธอเกือบอินตาม จู่ ๆ ความแปลบปลาบก็วิ่งพล่านที่หัวใจดวงน้อยเมื่อเห็นหยดน้ำตาของชายหนุ่มคลอหน่วย ใบหน้าที่ยอมรับว่าหล่อเหลาค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นเศร้าสลด หากไม่นับรวมการกระทำและการแต่งตัวที่ผิดจากคนยุคนี้ก็นับว่าเขาเป็นผู้ชายที่ดูดีมากคนหนึ่ง
นิรีนดาเกือบหลงกล ถ้าไม่ใช่เพราะเธอมีประสบการณ์การแสดงมาก่อนเธอคงเผลอเห็นใจเขา
‘ปล่อยค่ะ คุณจำคนผิดแล้ว ฉันชื่อนิรีนดาไม่ใช่ดาหลา’
มือเล็กรีบชักกลับเมื่อเขายอมคลายออก มีผู้ชายแวะเวียนมาขายขนมจีบนับไม่ถ้วน แต่นิรีนดาไม่เคยเจอคนแบบเขามาก่อน หากเขาคิดจะจีบกันก็ควรวางตัวเป็นธรรมชาติมากกว่านี้ ไม่ใช่รุกเร็วจนเธอตั้งรับไม่ทัน
‘ดวงตาของเจ้าหวานดั่งน้ำผึ้งเช่นนี้ เป็นแม่ดาหลาของพี่ มิผิดเพี้ยนดอก’