บนทางเดินที่ร้างผู้คน หยาดพิรุณประคองแขนนางเง็กท้อเดินออกจากห้องทำงานของนายแพทย์สัญญา แพทย์ใหญ่ประจำโรงพยาบาลเอกชนที่ดีที่สุดในกรุงเทพฯ หญิงหม้ายชาวไทยเชื้อสายจีนผู้เข้มแข็งผ่านร้อนผ่านหนาว สู้มาทั้งชีวิตจากลูกจ้างธรรมดาถีบตัวเองขึ้นมาจนสุขสบายระดับมหาเศรษฐีในบั้นปลายชีวิต เจอมาแล้วสารพัดสิ่ง ไม่มีอะไรที่ตนจะผ่านมันไม่ได้ ทว่า...แม้จะเฝ้าบอกตัวเองอยู่แบบนั้น ในช่วงเวลานี้กลับกำลังแบกรับความกลัดกลุ้มและความทุกข์นานาประการ กับเหตุการณ์หลายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นติดๆ กัน จนอยากจะตายไปให้รู้แล้วรู้รอด
“อาม้า” หยาดพิรุณร้องเรียกมารดาอย่างเป็นห่วงขณะกุมมือนางเง็กท้อไว้แน่น เมื่อเห็นมารดากำมือแน่นจนแขนสั่นไปทั้งแขน
ลูกสาวคนโตที่ไม่ได้ออกเรือนและเป็นลูกเพียงคนเดียวที่พึ่งได้ในทุกยามที่ลำบาก หยาดพิรุณเป็นคนคอยช่วยเหลือนางเง็กท้อดูแลทุกอย่างในตระกูลโรจนพาณิช ทั้งคฤหาสน์ สมาชิกภายในบ้านทุกคน เหล่าบริวารในบริษัทและโรงงานผลิตและส่งออกผักกาดดองกระป๋องรายใหญ่ของประเทศ และร่วมหุ้นทำธุรกิจอีกหลายอย่าง
“โชคดีแค่ไหนแล้วที่ปูรณ์ไม่ตาย” เสียงของหยาดพิรุณสั่นเครือ
นั่นสินะ...หากปูรณ์หลานชายหัวแก้วหัวแหวนเกิดเป็นอะไรขึ้นมาอีกคน หัวใจของเธอจะเหลืออะไร ลำพังมือที่กำแน่นนี้ของหยาดพิรุณคงไม่พอรั้งชีวิตของเธอเอาไว้ได้
“นะ...ม้า” หยาดพิรุณสะอื้นเมื่อเห็นมารดาตาแดงก่ำ น้ำตาเอ่อคลอหน่วยขึ้นมาทันที มันฉายแววแห่งความห่วงหาอาทร และรักในตัว
ปูรณ์อย่างสุดหัวใจ
“ใช่ โชคดีแค่ไหนแล้วที่ปูรณ์ไม่ตาย” นางเง็กท้อเปรยเบาๆ ลมหายใจของเธอเดินได้สะดวกทั่วท้องขึ้น หลายต่อหลายคนขนานนามเธอว่า หญิงแกร่งแห่งโรจนพาณิช แต่เนื้อแท้ของหญิงผู้นี้ใช่จะแข็งแกร่งโดยไม่สะท้านสะเทือนใดๆ เพศหญิงเป็นเพศที่ต้องการได้รับการปกป้อง และโดยเฉพาะในวัย ๗๑ ปี อย่างนี้