บทนำ
“อ๊ะ!! ขะ คุณ คุณแพร อ๊าส์”
เพี๊ยะ!! เพี๊ยะ!!
“อ๊าาาาาาส์”
เสียงร้องจากความเจ็บปวดดังสอดประสานออกมาพร้อมกับเสียงหวดหรือฟาดอะไรบางอย่างดังลอดผ่านออกมาจากประตูสีดำนั้น
“จะดื้อกับฉันอีกไหม”
“อ๊ะ!! ไม่ ไม่แล้ว ไม่ดื้อแล้วค่ะ ฮึก” เสียงเล็กๆ พูดออกมาทั้งน้ำตา
“ดีมากเด็กน้อย”
หลังจากหญิงสาวร่างเปลือยเปล่าซึ่งกำลังถูกพันธนาการอยู่บนเตียงคิงไซส์นั้นได้ลั่นวาจาว่าจะเป็นเด็กดี ไม่ดื้ออีกแล้ว ทำให้หญิงสาวที่กำลังถือแส้หนังนั้นหยุดมือลงทันทีก่อนจะทิ้งมันลงบนพื้นและโน้มก้มลงไปจูบเบาๆ ตรงเนินเต้าอวบที่เต็มไปด้วยรอยแดงจากการโดยฟาด ริมฝีปากบางลากไล้ลิ้นอุ่นไปทั่วร่างเล็กนั้น เธอมองดูแขนเล็กที่ถูกพันธนาการไว้ด้วยโซ่และกุญแจมืออย่างมีความสุข
“อ๊ะ!! สะ เสียว”
คนคุมเกมเหมือนจะได้ใจค่อยๆ ลากลิ้นลงไปยังเนินเนื้อสามเหลี่ยมเกลี้ยงเกลาที่ในตอนนี้เปียกชุ่มไปด้วยน้ำกามสีใส ลิ้นอุ่นๆ แตะลงไปลิ้มชิมความหวานจากกลีบเนื้อสีกุหลาบนั้นทันที และค่อยๆ แทรกลิ้นเข้าไปในช่องทางแคบๆ นั้นทันที ไม่นานร่างเล็กที่กำลังบิดเร่าด้วยความเสียวซ่านที่ได้รับก็กระตุกเกร็งขึ้นทันที ใช่แล้วเด็กสาวถึงฝั่งฝันไปแล้ว หญิงสาวผู้คุมเกมเงยหน้าขึ้นมามองเด็กสาวที่กำลังนอนหมดแรงอยู่ เธอค่อยๆ ปลดกุญแจมือออกให้เด็กสาวได้เป็นอิสระ เธอมอบจูบอันเร่าร้อนดุเดือดให้เด็กสาวต่ออย่างไม่รอช้าที่จะเริ่มเกมสวาทนี้ต่อทันที นานนับสามชั่วโมงกว่าที่เกมสวาทนี้จะจบลง หญิงสาวผู้คุมเกมก็เดินออกมาจากห้องนั้นทันทีโดยปล่อยให้เด็กสาวตัวเล็กนอนหมดแรงอยู่อย่างเดียวดาย
“คุณแพรคะ รีบพักผ่อนนะคะ พรุ่งนี้คุณแพรมีประชุมตอนสิบโมงเช้า” เสียงหวานของวิหรือวิลาวัลย์ เลขาสาวคนสวยของเธอเอ่ยขึ้น
“วิ นี่รอฉันเพื่อจะบอกแค่นี้เหรอ”
“ค่ะ มันเป็นหน้าที่ของวินี่คะ” เลขาสาวยืนห่างออกมาประมาณสิบก้าว
“ขอบใจ ไปพักผ่อนเถอะ” ผู้เป็นเจ้านายเอ่ยบอกเธอเพียงสั้นๆ
‘แพร’ หรือ ‘แพรไพลิน’ ถอดเสื้อคลุมอาบน้ำออกก่อนจะลงไปแช่ตัวในน้ำอุ่นที่แม่บ้านของเธอเตรียมเอาไว้ให้ เธอปล่อยร่างกายเปลือยเปล่านั้นอย่างผ่อนคลายความเหนื่อยล้าจากเกมสวาทที่เพิ่งผ่านไป ดวงตาคู่สวยปิดลงช้าๆ
แกร๊ก!!
เสียงเปิดประตูห้องพร้อมกับเสียงเท้าที่แผ่วเบาเดินเข้ามาเงียบๆ ผู้มาใหม่ได้แต่ยืนมองร่างเปลือยเปล่าในอ่างนั้นนิ่งๆ เหมือนเป็นภาพชินตาแล้ว
“มีอะไรคะป้าแมว” เสียงหวานของแพรไพลินเอ่ยขึ้น
“แม่หนูคนนั้น จะให้พักที่นี่ไหมคะ” เสียงแหบของคนที่เพิ่งเข้ามาเอ่ยขึ้น ทำให้แพรไพลินลืมตาขึ้นมองไปยังนอกหน้าต่างแก้วนั้น
“ให้คนขับรถไปส่งเขาดีกว่าค่ะ แพรไม่อยากให้มีปัญหา”
“ค่ะคุณแพร” ป้าแมวรับคำก่อนจะเดินออกไปจากห้อง
แพรไพลินขึ้นมาจากอ่างน้ำ หยิบเสื้อคลุมอาบน้ำสีดำขึ้นมาสวมคลุมร่างกายที่สวยงามของตัวเอง ไวน์สีแดงเข้มส่งกลิ่นหอมหวานออกมาทันทีที่แพรไพลินเปิดขวดและรินใส่แก้ว เธอถือแก้วไวน์ออกมายืนรับลมที่ระเบียงในยามค่ำคืนที่ดึกสงัด ไม่นานก็เห็นร่างบางที่เพิ่งผ่านเกมสวาทเมื่อครู่เดินออกมาโดยมีป้าแมวคอยประคองขึ้นรถและออกจากบ้าน
‘แค่นี้เอง ถึงกับต้องประคอง’ แพรไพลินแสยะยิ้มออกมาเหมือนสะใจแต่ไม่ได้แยแสอะไรเลย สำหรับเธอแล้วผู้หญิงพวกนั้นก็คือเกมที่คนคุมเกมอย่างเธอซื้อมาเล่นแค่ชั่วครั้งชั่วคราวเท่านั้น อาจจะมีเกมบางชิ้นที่เล่นแล้วเผลอติดใจไปบ้างแต่สุดท้ายก็ถูกสลัดทิ้งอยู่ดี
ลมเย็นๆ ในหน้าฝนพัดเข้ามาปะทะผิวเนียนของแพรไพลิน เธอเดินเข้าไปในห้องนอนก่อนจะทิ้งตัวลงนอนบนเตียงหนานุ่มขนาดคิงไซส์นั่นทันที เมื่อศรีษะถึงหมอนเปลือกตาบางๆ ก็ปิดสนิทเข้าสู่ห้วงนิทราทันที
กรุ๊งกริ๊ง!!
เสียงกระดิ่งตรงประตูร้านที่สั่นเป็นสัญญาณเตือนว่ามีลูกค้าเข้ามาที่ร้านแห่งนี้
“Flower Café ยินดีต้อนรับค่ะ” เสียงของพนักงานที่ยืนอยู่ตรงเคาท์เตอร์เอ่ยทักทายลูกค้าเสมือนเป็นระบบอัตโนมัติ
“โรสล่ะ” เสียงแหลมของลูกค้าเอ่ยถามถึงเจ้าของคาเฟ่คนสวย
“พี่โรสอยู่ด้านในค่ะ เดี๋ยวหนูไปตามให้นะคะ”
“ไม่ต้องๆ เธอทำงานไปเถอะ ฉันไปหาโรสเอง” เจ้าของเสียงแหลมนั้นเดินตรงไปยังโซนด้านในสุดของร้านทันที ก่อนจะนั่งลงตรงหน้าร่างบางที่กำลังง่วนอยู่กับการจัดช่อดอกกุหลาบสีแดงสดอย่างทะนุถนอมและประณีต มือเล็กที่หยิบดอกกุหลาบทุกดอกอย่างระมัดระวังจนทำให้ผู้มาเยือนยืนมองภาพนั้นอย่างเพลิดเพลินจนเผลอยิ้มออกมา
“อีป้า จะมองอีกนานไหม มองจนลูกสาวฉันจะเหี่ยวหมดแล้วเนี่ย” เสียงแก่นแก้วเอ่ยทักขึ้นอย่างสนิทสนม
“อีปงอีป้าอะไร เดี๋ยวเถอะ” ท่าทางสะดีดสะดิ้งนั้นเรียกเสียงหัวเราะได้เป็นอย่างดี “พอดีจะมาสั่งดอกไม้”
“เอาไปให้เด็กคนไหนเหรอ เด็กใหม่ หรือเด็กเก่า” เสียงของโรสเอ่ยแซวขึ้น หากไม่สนิทกันมากคงไม่กล้าที่จะแซวขนาดนี้
“เอาไปให้คุณเนย เจ้านายของฉันจ๊ะ”
“แล้วอยากได้แบบไหนเหรอ” โรสเอ่ยถามขึ้นพลางหันไปจัดดอกไม้ต่อ
“อันนี้แหละคือของยาก คือนางไม่ได้บอกมาอะ นางคงคิดว่าฉันเป็นพระพุทธเจ้าที่จะไปตรัสรู้ใจนางได้อย่างนั้นแหละ” เจ้าของเสียงแหลมบ่นขึ้น
“แบบนี้ฉันก็จัดให้ป้าไม่ถูกหรอกนะ ดอกไม้แต่ละดอกมันจะต้องถูกจัดวางอย่างเหมาะสมถึงจะมีคุณค่า หากจัดส่งเดทไปแล้วไม่ถูกใจคนรับ ดอกไม้สวยๆ ก็จะดูไม่มีคุณค่าและต้องถูกปาลงถังขยะแน่นอน และที่แน่ๆ โรสไม่ยอมให้ลูกๆ ของโรสลงไปอยู่ในถังขยะเน่าๆ แน่นอน”
“แล้วจะทำอย่างไรดีล่ะ ฉันเองก็ไม่อยากถูกแหกอกทุกวันหรอกนะ” ดอลลี่หรือคนที่ถูกเรียกว่าป้าบ่นออกมาอย่างต่อเนื่อง จนโรสที่นั่งฟังอยู่ถึงกับส่ายหน้า ถึงแม้ว่าเธอจะไม่รู้จักเจ้านายของเพื่อนสนิทคนนี้ แต่จากการนั่งฟังเพื่อนเล่ามาก็พอจะรู้ว่าเป็นคนเจ้ายศเจ้าอย่างแค่ไหน
หญิงสาวเดินออกไปหน้าร้านพลางหยิบดอกลิลลี่สีโอรสออกมาสองสามดอก และนำมาจัดเข้าช่อแซมด้วยดอกคาร์เนชั่นสีขาวและดอกยิปโซสีฟ้าสลับกันไปมาจนได้ช่อดอกลิลลี่ที่ดูเรียบหรูแต่แฝงไปด้วยความแสบเล็กๆ จากลูกเล่นในการจัดแต่ง
“เสร็จแล้ว ป้าเอาไปให้เจ้านานของป้าได้เลยค่ะ” เสียงหวานๆ ของโรสเอ่ยขึ้น ดอลลี่รับช่อดอกไม้ไปจากมือเพื่อนสาว รอยยิ้มกว้างเผยออกมาก่อนจะโผเข้ากอดโรสด้วยความดีใจ
โรสยืนมองเพื่อนสนิทของเธอเดินออกไปพร้อมรอยยิ้มรวมถึงลูกค้าคนอื่นก็ทำให้เธอเผลอยิ้มออกมา รอยยิ้มของผู้คนที่ออกไปจากร้านนี้คือสิ่งเดียวที่เธอต้องการตั้งแต่วันแรกที่เธอตัดสินใจทำร้าน Flower Café นี้ขึ้นมา
‘โรส’ หรือ ‘รสรินทร์’ เจ้าของร้าน Flower Café แห่งนี้ เธอชื่นชอบและหลงใหลในการจัดดอกไม้จนไปเรียนอย่างจริงจังในศาสตร์ด้านนี้ ลูกค้าทุกคนที่เข้ามาที่นี่ไม่เพียงแต่จะได้ดื่มดำกับกลิ่นหอมของดอกไม้นานาชนิดตั้งแต่แรกเปิดประตูเข้ามา ทว่ายังรู้สึกผ่อนคลายจากกลิ่นเครื่องหอมที่เจ้าของร้านอย่างเธอคิดค้นสูตรขึ้นมาอย่างพิถีพิถันและไม่ซ้ำกันเลยในแต่ละวัน สำหรับรสรินทร์ดอกไม้ทุกดอกก็เปรียบเสมือนมนุษย์ที่ต้องถูกจัดวางให้ถูกที่และอยู่กับคนที่เหมาะสมเพื่อให้ดอกไม้ทุกดอกในร้านนี้มีคุณค่ามากที่สุด และนี่คือสิ่งที่รสรินทร์พร่ำสอนพนักงานทุกคนในร้านให้จำขึ้นใจ
เอี๊ยดดดดด!! โครมมม!!
เสียงเบรกของรถลากยาวไปกับท้องถนนหน้าร้านจนดังสนั่นไปทั่วบริเวณ รสรินทร์และพนักงานต่างรีบวิ่งออกมาดูเหตุการณ์ก็พบว่าประตูรั้วฝั่งแปลงกุหลาบถูกรถเก๋งสีดำคันหรูพุ่งชนจนได้รับความเสียหายอย่างมาก
“พี่โรส แปลงกุหลาบ” เสียงพนักงานร้องทักขึ้นด้วยความตกใจ
“ใช่เวลามาห่วงกุหลาบไหม รีบโทรเรียกรถพยาบาลสิ ชีวิตคนสำคัญกว่านะ” รสรินทร์หันไปสั่งลูกน้องที่กำลังยืนตกใจ ก่อนที่เจ้าตัวจะวิ่งไปดูที่รถคันนั้นทันที
แม้ในใจเธอจะรู้สึกเจ็บปวดที่แปลงกุหลาบที่รักมากโดนชนเสียหาย แต่เมื่อมองเหตุการณ์โดยรอบและสังเกตเห็นรถมอเตอร์ไซค์อีกคันล้มคว่ำอยู่ เธอก็พอจะเดาสถานการณ์ออกทั้งหมด
หญิงสาวที่เป็นคนขับดูท่าทางจะเจ็บหนักกว่าหญิงสาวที่นั่งอยู่ในตำแหน่งเบาะหลัง
“คุณคะ คุณ” รสรินทร์พยายามเอ่ยเรียกอยู่นานจนกระทั่งรถพยาบาลมาถึง เธอเลยปล่อยให้เจ้าหน้าที่จัดการไป นอกจากนี้เธอยังให้ความร่วมมือกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจอย่างเต็มที่ไม่ว่าจะเป็นการเล่าเหตุการณ์ตามที่เห็นและมอบวีดีโอจากกล้องวงจรปิดของที่ร้านไว้เป็นหลักฐาน
“หวังว่าคุณทั้งสองคนจะปลอดภัยนะคะ” รสรินทร์ยืนมองรถพยาบาลที่ขับออกไปอย่างเร็ว เธอเดินคอตกกลับไปหาแปลงกุหลาบลูกรักก่อนจะยกกระถางเหล่านั้นแยกออกมา ถึงแม้ว่าแปลงกุหลาบนี้จะเป็นเพียงแปลงเล็กๆ ที่เธอทำไว้เพื่อตกแต่งร้าน ไม่ใช่แปลงกุหลาบที่เธอเอาไว้ขาย รสรินทร์ก็นึกเสียดายอยู่ดี เธอก็บดอกกุหลาบพวกนั้นช้าๆ แยกส่วนที่เสียหายออกไปก่อนจะบอกพนักงานให้ไปเอาป้ายในห้องเก็บของออกมา นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่แปลงกุหลาบแปลงนี้ถูกชน เธอเขียนข้อความลงบนแผ่นป้ายนั้นก่อนจะปักเอาไว้ในบริเวณที่โดนชน จากนั้นก็เอาหินสีขาวดำมาโรยปิดหน้าดินบริเวณนั้นไป เธอไม่อยากเอากุหลาบของเธอลงไปอีกแล้ว
“พี่โรสจะไม่ยอมให้ใครมาชนหนูอีกแล้วนะคะ” รสรินทร์หันไปพูดกับแปลงกุหลาบของเธอก่อนจะเดินถือต้นกุหลาบที่ถูกชนกลับเข้าไปในร้าน
“ท่ามกลางพื้นที่อันโหดร้าย ยังมีดอกไม้ที่สวยงาม”