โจร! คำจำกัดความนี้คงไม่เกินไปนัก
ใบหน้าคร้ามแดดจากการสมบุกสมบันทำงานกลางแจ้ง กำลังพลิกซีกหน้าซ้ายขวาสำรวจเงาตัวเองในกระจก มือใหญ่ยกขึ้นลูบสันคางเขียวครึ้มที่เริ่มมีหนวดเครารำไรเพราะไม่ได้ใส่ใจดูแลนัก คิ้วดำเป็นปื้นขมวดกันเป็นเงื่อนตาย ดวงตาคมกริบ ดุดัน ยิ่งเวลาอารมณ์เสียแบบนี้ ยิ่งดูน่าเกรงขามอย่าบอกใคร
ผิวเข้มภายใต้เสื้อยืดคอกลมสีดำ สวมกางเกงยีนสีซีดมีรอยขาดตรงหัวเข่ารุ่ยร่าย รองเท้าผ้าใบเปื่อยๆ สภาพเน่าสนิท ทั้งหมดคือเปลือกนอกที่จวนเจียนจะเฉียดไปทางโจรอยู่รอมร่อ ทว่า...
ชาลีกำลังจะเป็น ‘โจร’ เต็มคราบ
ดวงตาคมกล้ามองสบนัยน์ตาตนเองในกระจก คำถามเดิมเวียนซ้ำเข้ามาในหัว
‘จะทำแบบนี้จริงหรือ’
‘ลักพาตัวน้องสาวเพื่อนเนี่ยนะ’
คนที่ขอร้องให้ก่อการอุกอาจเยี่ยงนี้หาใช่ศัตรูคู่อาฆาตของผู้หญิงคนนั้นไม่ ที่แท้เขาก็คือพี่ชายที่ได้รับคำสั่งมาจากบิดามาอีกทอดหนึ่ง ถ้าไม่นับเหตุผลไร้สาระที่ว่า ‘อยากดัดนิสัยน้องสาว’ สิ่งที่ทำให้ชาลีตกปากรับคำก็มีเพียงข้อเดียว ‘รำคาญ’
แต่ไม่ใช่เพราะความรำคาญเจ้ากรรมนี้หรอกหรือ ทำให้เขาแทบกินไม่ได้ นอนไม่หลับอยู่เป็นอาทิตย์
ภูริตบอกว่าเขาเหมาะสม เพราะเป็นคนใจแข็ง ไม่ยอมโอนอ่อนผ่อนตามต่อความผิดใดแม้ว่าเรื่องนั้นจะเล็กเท่าเศษผง ถึงจะมุทะลุ ใจร้อน โผงผาง พูดจาขวานผ่าซาก แต่ก็มีความเป็นสุภาพบุรุษอยู่มาก ข้อสุดท้ายนั่นแหละที่สำคัญ ภูริตเชื่อมั่นเหลือเกินว่าเพื่อนรักคนนี้จะไม่มีวันข่มเหงรังแกน้องสาวตนไม่ว่าทางใด
บ้าบรม!
ชาลีคิดว่าตัวเองบ้าถึงขีดสุดก็เมื่อแลนโรเวอร์สีดำปลาบแล่นเข้าซองจอดรถในเขตพื้นที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิตามคำนัดหมายของตัวต้นคิด ชายหนุ่มไม่จำเป็นต้องทำอะไรมากนัก นอกจากรอคอยการปรากฏตัวของหญิงสาวซึ่งคนเจ้ากี้เจ้าการจะนำมา เมื่อใดที่เขาส่งสัญญาณด้วยการโถมเข้ากอดเธอ เมื่อนั้นให้เริ่มลงมือทันที
และเวลานี้ เหยื่อก็เดินทางมาถึงแล้ว...
ผู้หญิงตัวเล็ก สูงพ้นหัวไหล่ภูริตไปหน่อยเดียวกำลังยิ้มหน้าระรื่นเคียงคู่มากับพี่ชาย ท่าทางกระหนุงกระหนิงปานคนรักกันเกือบทำให้ชาลีหลงลืมความสัมพันธ์ที่แท้จริงของทั้งสองคน จะว่าไปแล้ว เขาก็เพิ่งรู้ว่าภูริตมีน้องสาว ทั้งที่ก่อนหน้านั้นเข้าใจมาตลอดว่าชายหนุ่มเป็นทายาทคนเดียวของตระกูลนักธุรกิจส่งออกเฟอร์นิเจอร์รายใหญ่ของประเทศ เพราะเจ้าเพื่อนตัวดีไม่เคยเอ่ยถึง รวมถึงตัวชาลีเองก็ไม่ใคร่จะใส่ใจซักไซ้ชีวประวัติอะไรให้มากความ
‘ลูกสาวป้าน่ะ โตอยู่เมืองนอก เป็นลูกคนเดียวเลยเอาแต่ใจ ป้าแกกำราบไม่ไหวเลยขอให้พ่อช่วย’
ภูริตว่าแค่นั้น ชาลีก็ไม่สนใจอะไรอีก
สัมผัสสั่นๆ ตรงต้นขาเรียกให้มือใหญ่รีบล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกง เวลานี้มีคนเดียวที่โทร.หาเขา เจ้าของโทรศัพท์เครื่องจิ๋วกดรับสายทันที กรอกเสียงไปสองสามคำก็กดวาง เดินลงมาจากรถโดยไม่ลืมอำพรางใบหน้าด้วยแว่นสีดำอันใหญ่ ยกมือส่งสัญญาณให้เพื่อน แล้วพยักหน้าตอบรับกันอีกครั้ง
ไม่นานนักภูริตก็รั้งร่างบางเข้าหา พูดอะไรสักอย่างที่ทำให้น้องสาวยิ้มกว้าง กว้างพอที่คนลอบสังเกตการณ์ยังมองออกว่าเธอกำลังมีความสุข ทันใดนั้น ชายหนุ่มก็ดึงเธอเข้าไปกอด
ไม่สิ...เป็นน้องสาวต่างหากที่โน้มตัวเข้าไปกอดพี่ชายเสียแน่น
ชาลีรู้ได้ทันทีว่านี่คือการส่งสัญญาณ ร่างสูงตรงปรี่เข้าไปโดยไม่รีรอ หมดเวลาลังเล ในเมื่อเขาบึ่งรถมาถึงนี่ แถมรับปากเป็นมั่นเหมะแม้จะแค่พูดส่งๆ ก็เถอะ แต่สัจจะลูกผู้ชาย...คำไหนคำนั้น
ผู้สมรู้ร่วมคิดตวัดร่างบางมาทางคนลงมืออย่างเอื้ออำนวย ทันทีที่ถึงตัว ชายหนุ่มก็ออกแรงกระชาก แค่นิดเดียวเธอก็ปลิวมาติดแผงอก ใช้ผ้าเช็ดหน้าโปะยาสลบฤทธิ์แรงที่ตระเตรียมเอาไว้ปิดปลายจมูกฉับพลันทันที หญิงสาวหันมาพลันเบิกตาโต ผู้ได้รับบทโจรก็ตื่นตะลึงไม่แพ้กัน
“สา...มี...” เท่านั้นสติเธอก็ดับวูบ
ร่างบางถูกอุ้มมาวางไว้ที่เบาะด้านหลังแลนด์โรเวอร์คันใหญ่ หลังจากที่เธอหลับไปเพราะฤทธิ์ยา ชาลีคาดว่าคงอีกนานกว่าที่เจ้าตัวจะฟื้นขึ้นมาแล้วพบว่าตนเองตกเป็น ‘เหยื่อ’ ไปเสียแล้ว
ภูริตรุนหลังเพื่อนรักแรงๆ ยัดร่างสูงใหญ่เข้านั่งหลังพวงมาลัย เหวี่ยงกระเป๋าเดินทางใบโตลายเสือสีชมพูไว้ท้ายเบาะ ก่อนจะบริการปิดประตูให้เสร็จสรรพ ชาลีงุนงงกับท่าทางลุกลี้ลุกลนจนต้องลดกระจกลงเพื่อรับฟังคำอธิบายในสิ่งสุดท้ายที่ได้ยิน
“ไอ้ภู เมื่อกี้น้องสาวเอ็ง...” เรียกเขาว่า ‘สามี’ ยังไม่ทันต่อให้จบเจ้าเพื่อนแสบก็ชิงขัดขึ้นก่อน
“ฝากดูแลน้องดาด้วยนะ ไม่ต้องติดต่อมา จนกว่าข้าจะติดต่อไป โอเคตามนี้ ข้ารีบไปก่อนนะเว้ย”
“เฮ้ย! ไอ้ภู”
แผ่นหลังภูริตกึ่งเดินกึ่งวิ่งไกลออกไปโดยไม่ฟังคำทักท้วงสักคำเดียว เขาเพียงแต่ชูมือขึ้นกวัดแกว่งกลางอากาศโบกหยอยๆ อำลาทั้งที่ไม่ยอมหันกลับมามองกันด้วยซ้ำ