เพียงเธอกลางใจ
เพียงเธอกลางใจ
รักโรแมนติก
รวิชนา
เขา คนเดียวในใจเธอ อยู่กลางใจตลอดมา หากแต่สักครั้งเดียว พันแสง ไม่เคยมองเธอ พันแสง ชายหนุ่มผู้เพียบพร้อม รูปงาม ฉลาด ดั่งชื่อเขา แต่จริงหรือที่บุคคล คนหนึ่ง จะไม่เคยมีความผิดพลาด เธอเคยสงสัยตลอดมา "คุณจะรักผมได้อย่างไร คนที่รักกันจะรักกันเพียงภายนอกอย่างเดียวหรือ" เธอ เขาคือ ความสุข ได้ชื่นชม สุขใจเพียงไกลๆ ใจเธอก็สั่นไหว เพียงพอแล้วหรือที่แค่แอบมอง เขนกานต์ควรสารภาพหรือไม่ หากสมองของเธอกลับสั่งตรงข้าม สุขใจเพียงเท่านี้ก็เพียงพอแล้ว เธอกลัวเหลือเกินกับผลลัพธ์ของมัน "ฉันรักโดยไม่มีข้อแม้ ไม่หวังให้คุณรักตอบ เพียงเท่านั้นค่ะ"
  • 1 ตอน
  • 277
นิยายโดย
  • 1 เรื่อง
  • |
  • 0 คนติดตาม
บทนำ

ท่ามกลางฝุ่นตลบ ท้องฟ้าดูไม่เป็นใจเท่าใดนัก สายตาหญิงสาวพร่าเลือน เขนกานต์มองกวาดไปรอบๆ เธอเจอเพียงเพดานต่ำ ผนังที่เคยมีสีขาวกลับมองไม่ชัด โต๊ะล้มระเนระนาด เธอนอนอยู่ที่พื้นเย็นเฉียบ ขาขวาบิดงอผิดรูป ใจมีแต่ความหวาดกลัว เธอภาวนาว่าจะมีใครสักคนที่จะมาช่วยเหลือ

เธอปวดเหลือเกินโดยเฉพาะที่ขาขวานั่น เธอปวดจนแทบขยับไม่ได้ เธอไม่แน่ใจ เหตุการณ์ก่อนหน้านี้เกิดอะไรขึ้น เขตกานต์ค่อยๆทบทวน

เธอเข้ามารับประทานอาหารในร้านแห่งหนึ่งในตัวเมือง ฉับพลันเกินเสียงดังสนั่นผู้คนในร้านแตกตื่น เสียงตะโกนถึงระเบิดทำให้เธอตกใจ หญิงสาวรีบวิ่งออกจากร้านทางประตูอีกด้าน ระเบิดอยู่ทางไหนหญิงสาวไม่รู้ เธอเพียงแต่วิ่งให้พ้นจากร้านอาหารแห่งนั้นเป็นพอ

เพียงไม่กี่ก้าวพื้นกลับโงนเงน เธอวิ่งต่อไม่ได้และล้มลงกับพื้น โต๊ะตัวที่ใกล้ที่สุดล้มฟาดมาที่ศีรษะเธอไม่เบานัก เธอปวดมึนศีรษะ เลือดไหลลงมาที่หางตา เธอร้องขอความช่วยเหลือ หากแต่ความโกลาหลทำให้ไม่มีใครสนใจใคร ทุกคนวิ่งเอาชีวิตรอด พื้นที่เธอล้มอยู่เริ่มสั่นไหวอย่างรุนแรง ตอนนี้เธอค่อนข้างแน่ใจแล้ว ไม่ใช่ระเบิด แต่เป็นแผ่นดินไหว ในชีวิตของเธอไม่เคยเจอเหตุการณ์เช่นนี้ การเอาตัวรอดในสถานการณ์เช่นนี้ต้องทำอย่างไรเธอแทบไม่รู้ เขนกานต์ฝืนใจลุกขึ้น แต่เหมือนโชคชะตาจะแกล้งเธอ ตู้ที่ใช้สำหรับแช่เครื่องดื่มของร้านโงนเงน หญิงสาวรีบกระถดถอยหลัง หากแต่ขาขวาของเธอขยับไม่พ้น ตู้เย็นเครื่องใหญ่ล้มลงทับขาเธอ หญิงสาวกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด ร้องขอความช่วยเหลืออย่างสิ้นหวัง ไม่มีใครหันมามองเธอ

หญิงสาวน้ำตานองหน้า ในใจเธอคิดถึงเพียงบุพการีทั้งสองให้ช่วยเธอด้วย ราวกับเสียงเธอไปไม่ถึง โต๊ะตัวที่สองฟาดมาที่หลังเธออีกครั้ง สติสัมปชัญญะสุดท้ายเลือนราง เสียงผู้คนยังคงแตกตื่น เขนกานต์สลบไป

ตอนนี้เสียงเงียบ ไซเรนข้างนอกดังเบาๆ สภาพร้านดูไม่ได้ ตู้เย็นเครื่องใหญ่ล้มอยู่ข้างตัว เขตกานต์ตะโกนสุดเสียง

"ช่วยด้วย ใครก็ได้ช่วยฉันที"

เงียบ ไม่มีเสียงตอบกลับ เขนกานต์พยายามล่วงกระเป๋ากางเกงขายาวเพื่อหาโทรศัพท์มือถือ เธอเบ้หน้าด้วยความเจ็บปวด การขยับเพียงนิดทำให้เธอเจ็บมากขึ้น เธอล้วงเจอแล้ว หน้าจอดับ อาจจะเป็นเพราะตอนล้มกระแทกเป็นแน่

เธอเปิดเครื่อง ใจชื้นขึ้นเมื่อเห็นจอสว่าง มันใช้ได้! รอไม่นานเครื่องพร้อมใช้ เขนกานต์รีบกดเบอร์โทรของบิดา พ่อเธอทราบแน่ ก่อนออกมาเธอบอกพ่อไว้แล้วว่าจะมารับประทานอาหารร้านนี้ ราวกับรออยู่แล้ว บิดาเธอกดรับสายทันที

"มะปราง ลูก มะปราง ตอบพ่อหน่อย"

"พ่อจ๋า ช่วยหนูด้วย หนูติดอยู่ในร้าน ออกไปไม่ได้ ขาหนูหัก"

"โถ ลูกพ่อ ตอนนี้เจ้าหน้าที่กำลังเข้าไป ลูกรอหน่อยนะ ตอนนี้ฟ้าเริ่มมืดแล้ว หาคนลำบากขึ้นทุกที ตอนลูกเป็นไงบ้าง ยังไหวไหมลูก"

หญิงสาวร้องไห้ เธอกลัวเหลือเกิน

"หนูกลัวค่ะพ่อ หนูกลัว"

"รอก่อนนะลูกนะ ลูกพ่อ"

"พ่อจ๋า หนูอยู่กลางร้านตรงตู้เย็นเครื่องใหญ่"

"พ่อจะบอกเจ้าหน้าที่นะ หนูเก็บโทรศัพท์ไว้ดีๆนะลูก"

บิดาของเธอวางโทรศัพท์ไปแล้ว เขตกานต์รอนานเหลือเกินในความคิดของเธอ ความกลัวเริ่มปกคลุมหัวใจ มือกำโทรศัพท์แน่น

และแล้วหัวใจเขนกานต์ก็โลดขึ้น แสงไฟจากไฟฉายสาดมา เธอได้ยินเสียงคนเดินมาบริเวณที่เธออยู่ หญิงสาวตะโกนขอความช่วยเหลือ

"ช่วยด้วยค่ะ มีคนติดอยู่ตรงนี้คนนึงค่ะ"

เสียงห้าวเสียงหนึ่งตะโกนตอบกลับ

"อย่าเพิ่งขยับนะครับ กำลังเข้าไปช่วย" เธอได้ยินเสียงผู้ชายสามถึงสี่คนพูดตอบกลับกัน ถึงผนังร้านด้านหนึ่งที่อาจถล่มซ้ำ

"ต้องเข้าไปคนเดียว แล้วก็มีคนเคลียร์พื้นที่รอตรงนี้ ถ้าเข้าเกินกว่านี้ ผมกลัวผนังด้านข้างถล่มลงมา"อีกเสียงตอบ

"ผมเข้าไปเองครับ ขนาดตัวผมน่าจะเหมาะสุด" เสียงที่ตะโกนตอบเธอครั้งแรกพูดขึ้น

"ถ้านายเข้าไป นายอาจบาดเจ็บได้นะ"

"ผมเป็นหมอนะครับ ผมรู้วิธีปฐมพยาบาลเบื้องต้น คนที่ติดอยู่น่าจะบาดเจ็บด้วย ผมเข้าไปเองครับ"

"ได้ ระวังตัวด้วยนะ"

"ครับพี่"

เสียงฝีเท้าหนึ่งย่ำตรงมาที่เธอ ช้าแต่มั่นคง เขาตะโกนอีกครั้ง

"อย่าเพิ่งขยับนะครับ อยู่นิ่งๆก่อน ผมกำลังเข้าไปช่วย"

"ได้ค่ะ ฉันติดอยู่ตรงนี้ค่ะ ขาขวาปวดมาก น่าจะหักค่ะ" เขตกานต์ตอบเขา

"ผมกำลังเข้าไปครับ"

ในที่สุดเขาก็ถึงตัวเธอ ร่างสูงเพรียวนั่งยองลง สำรวจเธออย่างรวดเร็ว ตาคมจ้องเธออีกครั้ง ใช้ไฟฉายตรวจม่านตา หยิบผ้าก็อซออกมา มือแกร่งกดเลือดบนขาเธอไว้

เขาตะโกนบอกทีมช่วยเหลือด้านนอก

"มีคนติดอยู่คนเดียวครับ รู้สึกตัวดี น่าจะแค่ขาหัก เดี๋ยวผมจะด้ามขาแล้วพาออกไป"

"รับทราบ" อีกฝากตอบกลับมา

"ผมจะใช้ไม้ด้ามขาคุณ มันจะปวดมาก คุณทนไหวนะ"

"จะพยายามค่ะ"

ชายหนุ่มดึงขาเก้าอี้ที่หักแล้ว รองรับขาขวาเธอ ดันขาเธอให้ยืดตรง เขนกานต์ปวดมากจนร้องออกมา

"อดทนหน่อยนะคุณ"

"ฉันทนไหวค่ะ ขอบคุณมากที่มาช่วย"

ชายหนุ่มไม่ตอบกลับ เขนกานต์เห็นใบหน้าเขาไม่ชัดพอ หลังจากขาเข้ารูปแล้ว เขาใช้ผ้าพันขาเธอให้ยึดไว้กับไม้

"คุณบาดเจ็บบริเวณอื่นบ้างมั้ย"

"โต๊ะกระแทกศีรษะกับหลังฉันค่ะ"

"ปวดมากมั้ย คุณชาแขนขาหรือเปล่า"

"ไม่ค่ะ ตอนนี้ปวดขามากกว่า"

"ดี คุณขี่หลังผมไหวไหม"

"ไหวค่ะ แต่คุณจะแบกฉันไหวหรือคะ"

"ไม่ไหวก็ต้องไหว มันเป็นทางเดียวนี่ ที่จะรอด หรือคุณอยากติดอยู่ในนี้"

เขนกานต์ไม่ตอบ คิดค้อนเขาในใจ ผู้ชายอะไรปากร้ายเหลือเกิน เธอเพียงถามด้วยความเป็นห่วง

"เอาหล่ะ ค่อยๆยันตัว ลุกขึ้นมา" ชายหนุ่มหันหลัง ดึงแขนหญิงสาวขึ้นมาพาดไหล่ เมื่อจัดท่าได้เรียบร้อย เขาลุกขึ้นอย่างทะมัดทะแมง พาเธอลอดข้ามผนังที่ถล่ม

แผ่นหลังกว้างทำให้เธอรู้สึกอุ่นใจ การได้สัมผัสบุคคลอื่นที่มีเลือดเนื้อทำให้หญิงสาวรู้สึกดี ประสบการณ์ครั้งนี้ทำให้เธอกลัวเหลือเกิน

มองไปข้างหน้าเธอเห็นชายร่างใหญ่อีกสองคนยืนอยู่แล้ว

"แสง เป็นไงบ้าง" เสียงบุคคลหนึ่งถามขึ้น

"โอเคครับพี่ คนที่ติดอยู่ขาหักอย่างเดียว ส่วนผมไม่บาดเจ็บอะไร

"ดี รีบออกไปข้างนอกเถอะ ตึกอาจถล่มเพิ่ม"

"ครับ" เขาตอบ

"ส่งคนเจ็บมานี่ พี่แบกเอง"

"ไม่เป็นไรครับผมไหว รีบออกไปเถอะครับ"

ทั้งทีมรีบเดินออกจากตึกอย่างรวดเร็ว ตาของเขนกานต์ค่อยๆปรับเข้ากับแสงภายนอก ภาพรถแอมบูแลนซ์ รถตำรวจและทหาร เต็มพื้นที่ถนน ที่เคยมีการจราจรหนาแน่น หญิงสาวกวาดตามองหาบุพการีทั้งสองทันที ตรงนั้นไง ข้างนอกเขตกั้นสีเหลือง บิดากับมารดากำลังรอเธออยู่

"พ่อจ๋า แม่จ๋า" เขตกานต์เรียกบุพการีสุดเสียง น้ำตาเธอไหลด้วยความยินดี

"มะปราง มะปรางหรือลูก" บิดาและมารดาวิ่งมาหาเธอ

"เดี๋ยวผมจะพาคนเจ็บไปที่รถแอมบูแลนซ์ก่อนนะครับ"

"ขอบคุณมากครับ" บิดาเธอตอบ

ชายหนุ่มวางเธอลงในเปลบนรถ จัดท่าให้เธอ รีบบอกอาการเบื้องต้นของเธอแก่แพทย์และพยาบาลที่รอรับอยู่

"เอ๊ะ เดี๋ยวก่อนพ่อหนุ่ม เธอใช้พันแสงหรือเปล่า พันแสงลูกของนายอรรถ ใช่ไหม" บิดาเธอร้องทักขึ้นมา ชายหนุ่มหันมองหน้าบุคคลที่ทักเต็มตา

"ใช่ครับ ผมพันแสงลูกพ่ออรรถ ขอโทษทีครับผมจำไม่ได้ คุณลุงรู้จักพ่อผมหรือ" พันแสงตอบ

"แน่นอนว่าเธอต้องจำไม่ได้ ฉันย้ายลงไปอยู่ใต้เสียนาน เพิ่งกลับมาบ้านก็ไม่นานนี้ เธอหน้าเหมือนพ่อมากนะ พ่อเธอเคยส่งรูปของเธอให้ฉันดู"

เขนกานต์หันมองหน้าชายหนุ่มอีกครั้ง คราวนี้ชัดเจนมากขึ้นเมื่อมีแสงสว่าง พันแสงเป็นคนสูงโปร่ง ท่าทางแข็งแรง อายุน่าจะไม่เกินยี่สิบห้า ใบหน้าเรียว คางแข็งแรง โหนกแก้มสูงเล็กน้อย ตาเรียวคมดุทำให้เธอไม่กล้าสบตา จมูกโด่ง ปากบางเป็นรูปกระจับจนผู้หญิงยังต้องอิจฉา

ใจเธอเต้นแรง เขาเป็นชายรูปงาม แต่ยิ่งกว่ารูปลักษณ์ คือจิตใจของเขา

"ลุงชื่อตุลย์ เพื่อนของพ่อเธอ" บิดาของเธอตอบ

"สวัสดีครับคุณลุง" ชายหนุ่มไหว้อย่างนอบน้อม

"ขอบใจมากที่ช่วยลูกลุงไว้" ตุลย์บอกเขาด้วยความซาบซึ้ง

"ไม่เป็นไรครับ มันเป็นหน้าที่ของผม ผมขอตัวไปช่วยคนที่ติดข้างในคนอื่นก่อนนะครับ"

"เชิญเถอะ ขอบใจอีกครั้งนะ"

พันแสงก้มลงไหว้บิดาเธออีกครั้งและวิ่งเข้าไปในตัวตึกที่ถล่ม

นั่นเป็นครั้งแรกที่เขตกานต์ได้เจอพันแสงเมื่อสามปีที่แล้ว

ตกหลุมรัก คำที่เขนกานต์ไม่คิดว่าจะเกิดกับตัวเอง เธอไม่เคยเชื่อว่าการได้เจอใครเพียงครั้งเดียวจะทำให้รักกันได้ แต่สำหรับเขาคนดี ทำให้เธอรักได้อย่างง่ายดาย


เกี่ยวกับนักเขียน
1 เรื่อง 0 คนติดตาม