เสียงครวญครางประสานกับเสียงอะไรสักอย่างกระทบฝาดังเป็นจังหวะกระชั้นถี่ทำให้นีราลืมตามองเพดานห้อง ถึงแม้จะยังโสดและยังคง...สด แต่ก็โตพอจะรู้ว่าเสียงที่ได้ยินคือเสียงชายหญิงกำลัง ‘เล่นรัก’
และชายหญิงที่ว่าก็คงจะเป็นคู่รักห้องข้างๆ นั่นแหละ ไม่ใช่ครั้งแรกที่นีราได้ยินเสียงยามทั้งคู่ปฏิบัติกามกิจ หล่อนได้ยินแทบทุกครั้งนับแต่ทั้งคู่ย้ายมาเช่าอพาร์ตเมนต์ห้องริมสุด คงเพราะคิดว่าเป็นห้องริมเลยไม่ได้ระวัง
นีรานอนนิ่ง พยายามข่มตา แต่เสียงที่ได้ยินกลับทำให้ใจสั่นพลิ้ว ความรู้สึกบางอย่างก่อตัวขึ้นอย่างช้าๆ หญิงสาวสะบัดผ้าห่มที่คลุมตัวไว้จนมันไปกองรวมกันตรงปลายเตียง หล่อนหวังให้ความเย็นจากเครื่องปรับอากาศช่วยทำให้ความร้อนที่ก่อตัวขึ้นในร่างกาย...ทุเลาเบาบาง
แต่มันกลับไม่ได้ผล!
เสียงครางจากห้องข้างๆ ดังกว่าเดิม เช่นเดียวกับจังหวะกระทบฝาที่ดังถี่รัว
นีราพริ้มตาหลับ ทว่ามือกลับคล้ายมีชีวิต หล่อนป่ายปะลูบไล้บนเนื้อตัวตนเองเหมือนนักสำรวจ กระทั่งเลื่อนมือมากอบกุมดอกบัวตูมหนั่นแน่นที่มียอดไตแข็งชูชันดันชุดนอน หล่อนคลึงเคล้นฟอนเฟ้นจนอารมณ์ยิ่งกระเจิดกระเจิง แล้วใช้ปลายนิ้วสะกิดยอดแข็งทั้งสองพลางห่อปากผ่อนลมหายใจออกเมื่อความรู้สึกซ่านเสียวแล่นพล่านไปทั้งร่าง
เสียงครางลอดออกจากปาก...สอดประสานกับเสียงครางจากห้องติดกัน
‘ไม่ไหวแล้ว’
นีราผละมือข้างหนึ่งจากบัวตูม ควานต่ำไปยังกลางลำตัวยังจุดที่หัวใจเรียกร้อง...จุดที่ความรู้สึกทั้งหมดหลั่งไหลไปรวมกัน หล่อนใส่ชุดนอนกระโปรงก็แค่เลิกมันขึ้นมาเท่านั้น ทางไปผืนป่าน้อยก็ปรากฏ ผืนป่าที่หล่อนรักและหวงแหนไม่เคยมีใครเชยชม หล่อนรู้ว่ากลางฝืนป่าที่อุดมด้วยหญ้ารกชัฏ คือ ดอกไม้สวรรค์ที่กักเก็บน้ำหวานอมฤต
นั่นไง...เจอแล้ว!
ปลายนิ้วเรียวเลาะลูบพงหญ้าลึกเข้าไป กระทั่งเจอดอกไม้แสนสวย แค่ปลายนิ้วผ่ากลางรอยแยกของกลีบดอกไม้ น้ำหวานก็หลั่งรินหยาดเยิ้ม หล่อนค่อยๆ นำนิ้วเรียวล่วงล้ำเข้าสู่ใจกลางดอกไม้ น้ำหวานมากมายเอ่อรินพร้อมความรู้สึกวาบลึกที่ก่อให้เกิดความสุขสันต์ นิ้วของหล่อนขยับเขยื้อนเคลื่อนไหวตามแรงอารมณ์ที่ค่อยๆ ทะยานสูง
ขณะเดียวกันลมหายใจก็พรูจากปากพร้อมเสียงครางรัญจวน ทุกจังหวะล้วนสอดประสานกับเสียงครวญครางของคู่รักข้างห้อง
ณ เวลานั้น...นีราไม่สนใจอะไรอีกแล้ว หล่อนไม่ได้ยินแม้กระทั่งเสียงครวญครางที่เป็นจุดเริ่มต้นแห่งอารมณ์กระสัน หรือเสียงจังหวะกระทบฝาห้อง หล่อนได้ยินแต่เสียงความต้องการของตัวเอง
ใกล้แล้ว! นีราแอ่นกายเข้าหามือตนเองพลางเคลื่อนนิ้วถี่รัว ปลายขาเกร็งจิกที่นอน
แต่แล้วสวรรค์ที่เห็นอยู่รำไรก็ล่มไม่เป็นท่า...เมื่อเสียงเพลงเรียกเข้าของโทรศัพท์มือถือดังขึ้น มือที่คลึงหน้าอกอยู่หยุดชะงักทันที ขณะที่มืออีกข้างที่คลุกเคล้าดอกไม้สวรรค์ยังคงอาลัยอาวรณ์อยู่อีกเป็นครู่ก่อนจะผละจาก นิ้วเรียวชุ่มโชกไปหมด
นีราเอื้อมไปยังหัวเตียงที่มีโต๊ะเล็กตั้ง คว้าโทรศัพท์ขึ้นมาดู เห็นเป็นเบอร์เพื่อนสนิทจึงกดรับ ตั้งใจจะต่อว่าที่โทรศัพท์มากลางดึก...แถมยังขัดจังหวะสำคัญเสียอีก
“นี่แกจะโทรมาทำไมเวลานี้ มันกี่โมงกี่ยามแล้วรู้บ้างไหม?”
“นี...พี่ยักษ์ประสบอุบัติเหตุ” เพื่อนของหล่อนสวนมาด้วยน้ำเสียงตื่นตกใจ
ชื่อนั้นปลุกนีราให้ตื่นเต็มตา ความหงุดหงิดขัดอารมณ์หายวับ หล่อนลุกพรวดขึ้นมาแต่หัวใจหล่นหายไปไหเสียแล้วไม่รู้
“พี่ยักษ์...แล้ว...พี่ยักษ์เป็นยังไงบ้าง แกรู้ไหม?” นีราถามเสียงสั่น พี่ยักษ์...คือ ชื่อของชายหนุ่มที่หล่อนแอบรัก
“ไม่รู้ ฉันรู้มาแค่นี้เลยรีบโทรมาบอก”
เพื่อนสนิทวางสายไปแล้ว ทิ้งนีราให้ตาค้างอยู่กับข่าวร้าย คืนนี้คงยากจะข่มตาหลับเสียแล้ว ทั้งยังทรมานจากความรู้สึกเป็นห่วง ห่วง...แต่ทำอะไรไม่ได้
เพราะแม้นีราจะแอบรักพี่ยักษ์ แต่เธอกับเขาก็ไม่ได้สนิทสนมกันเท่าไร ทำงานกันคนละแผนกด้วยซ้ำ
นีราเป็นผู้ช่วยเลขานุการผู้จัดการฝ่าย ขณะที่พี่ยักษ์เป็นหัวหน้าวิศวกร
หล่อนได้แต่ขอพร...ขอให้พี่ยักษ์ปลอดภัย นีราคงทนไม่ได้ถ้าเขาเป็นอะไรไป หล่อนยังไม่ได้บอกให้เขารู้เลยว่าคิดอย่างไร
หญิงสาวนั่งจมกับความห่วงใยที่ท่วมท้นหัวใจ อัดอั้นตันใจเหลือเกินที่ทำได้แค่รอ ทั้งที่ใจมันร้อนรุ่มเหมือนมีไฟผลาญ นีรานั่งอยู่ตรงนั้นนานเท่าไรไม่รู้ หากเมื่อรู้สึกตัวอีกทีหล่อนก็ลุกเข้าห้องน้ำ เพื่อล้างหน้าตาเนื้อตัว
เมื่อประตูห้องน้ำปิด จึงปรากฏร่างเงาสูงใหญ่ตรงปลายเตียง ร่างนั้นมีลักษณะเหมือนกลุ่มหมอกควันหนาทึบมารวมตัวกัน
ร่างที่ไร้ตัวตนนั้นมองตามนีราไปจนลับตา