˜ ใจของฉันมันเป็นของเธอ ไม่ว่านานเท่าไหร่ และมันจะเป็นของเธอตลอดไป ˜
เสียงเรียกเข้าดังขึ้นจากโทรศัพท์มือถือรุ่นใหม่ที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงผ้าเนื้อนิ่ม ทำให้หญิงสาวรูปร่างเพรียวบาง หน้าตาสะสวยที่กำลังยืนรับออเดอร์กับลูกค้าชายหญิงที่กำลังเลือกเมนูเค้กหน้าต่างๆ อยู่นั้น เอ่ยขออภัยเสียงสุภาพ ก่อนจะเรียกลูกน้องให้มารับออเดอร์แทน
บุษราหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูที่หน้าจอ หญิงสาวอมยิ้มนิดๆ เมื่อเห็นว่าใครโทรมา
“ค่ะแม่”
“ทำอะไรอยู่ลูก ว่างคุยกับแม่หรือเปล่าจ๊ะ” คุณบุษบาโทรหาลูกสาวด้วยความคิดถึง หลังจากที่หญิงสาวไม่ได้ติดต่อมานานหลายวันแล้ว
“กำลังยุ่งนิดหน่อยค่ะ แต่พอคุยได้ แม่มีเรื่องอะไรหรือเปล่าคะ” บุษราเดินออกมาทางหลังร้าน หามุมสงบที่ไม่ค่อยมีคนพลุกพล่าน เพื่อพูดคุยกับแม่ด้วยความคิดถึงเช่นเดียวกัน
“พรุ่งนี้วันปีใหม่แล้ว หนูจะกลับบ้านวันไหนลูก”
“ช่วงนี้ลูกค้าเยอะมากเลยค่ะแม่ ขอเป็นประมาณอาทิตย์หน้าได้ไหมค่ะ”
“ตั้งอาทิตย์หน้าเลยเหรอ แม่ว่าหนูกลับมาพรุ่งนี้ดีกว่านะ พี่ชายเราเขากลับมาจากต่างประเทศแล้ว บ่นคิดถึงหนูจนแม่หูชา พ่อเราก็อีกคน เขาอยากให้หนูย้ายกลับมาอยู่ด้วยกัน แม่ว่าหนูขายร้านนั้นดีกว่านะลูก...”
บุษราฟังรู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้างอย่างใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เมื่อได้ยินแม่เอ่ยถึง ‘เตชินท์’ หรือ ‘พี่เต’ พี่ชายเพียงคนเดียวของเธอ ที่อายุห่างกันถึง 7 ปี เธอจำได้ว่าเคยสนิทกับพี่มาก จนกระทั่งพี่ไปเรียนต่อต่างประเทศตอนเขาอายุ 18 ปี
‘รอพี่นะ’
พี่บอกเธออย่างนั้น แล้วหอมแก้มนวลของเธอหนักๆ ตอนที่เธอไปส่งเขาที่สนามบิน จำได้ว่าตอนนั้นเธอร้องไห้หนักมาก งอแงจะไปกับพี่ให้ได้ จนพี่ชายเกือบขึ้นเครื่องไม่ทัน
หลังจากนั้นพี่ก็มักจะกลับมาบ้านนานๆ ครั้ง ทุกครั้งที่กลับมาพี่จะมีของฝากเล็กๆ น้อยๆ ติดไม้ติดมือมาให้เธอเสมอ แต่อาจเป็นเพราะพวกเธอห่างกันไปนานหรือเปล่าก็ไม่แน่ใจ เพราะเขาแค่พูดคุยด้วย แต่ไม่ยอมกอดหอมเธอเหมือนเคย และเขามักจะมองเธอด้วยสายตาคมเข้มแฝงนัยแปลกๆ ที่เธอเองก็ไม่รู้ว่ามันหมายความว่าอย่างไร
ความห่างเหินของพี่น้องดูจะขยายกว้างขึ้น เมื่อพี่เรียนจบปริญญาตรีก็เริ่มทำงานที่ต่างประเทศ และเขาก็ไม่เคยกลับมาบ้านอีกเลย มีเพียงแค่นานๆ ครั้งจะโทรกลับบ้านสักที
แต่ในที่สุดพี่ก็กลับมาแล้ว!
“ยัยหนู ฟังแม่อยู่หรือเปล่าลูก ยายหนู...”
“ขาแม่ แม่พูดว่าอะไรนะคะ” หญิงสาวหลุดจากภวังค์ความคิดถึงเรื่องราวในอดีต กลับมาจดจ่อกับบทสนทนาอีกครั้ง
“แม่อยากให้หนูขายร้านนั้น แล้วกลับมาช่วยงานพี่เขา กลับมาอยู่บ้านเราเถอะนะลูกนะ”
“โธ่! แม่ขา หนูเพิ่งเปิดร้านนี้ได้ปีกว่าเองนะคะ แม่ก็รู้ ทุนก็ยังไม่ได้คืน แม่จะให้หนูขายมันทิ้งไปได้ยังไงกันล่ะคะ”
บุษราโอดเสียงอ่อน เธออุตส่าห์ไปเรียนเสริม เพื่อมาเปิดร้านนี้โดยเฉพาะ แล้วแม่จะให้เธอทิ้งความฝันที่จะมีร้านเบเกอรี่เป็นของตัวเองไปง่ายๆ แบบนี้นะเหรอ
“แต่พ่อกับแม่แก่แล้วนะลูก อยู่กันแค่สองคนมันก็เหงา อีกอย่างตั้งแต่พี่เรากลับมาเขาก็ยุ่งตลอด ไม่มีเวลาอยู่กับพ่อกับแม่เลยด้วย และช่วงนี้สุขภาพของพ่อก็ไม่ค่อยจะดี แม่อยากให้หนูกลับมาช่วยดูแลพ่อเขาหน่อยนะลูกนะ”
บุษบาตัดพ้อลูกสาว เธอมีลูกชายกับลูกสาวแค่สองคน แต่ไม่เคยมีใครอยู่ติดบ้านสักคน คนหนึ่งอยู่ไกลถึงต่างประเทศ กว่าจะหาข้ออ้างเรื่องอาการเจ็บป่วยของพ่อ เพื่อให้เขากลับมาสานต่อธุรกิจของครอบครัวได้ ก็เล่นเอาเหงื่อตก แล้วยังจะมีลูกสาวที่เป็นตายยังไงก็ต้องมาเปิดร้านเบเกอรี่ที่กรุงเทพฯ นี้ให้ได้อีก บอกให้มาเปิดร้านแถวบ้านก็ไม่ยอม มันน่าเหนื่อยใจจริงๆ
“ขอเวลาหนูอีกสักหน่อยแล้วกันนะคะแม่ หนูขอจัดการเรื่องต่างๆ ภายในร้านก่อน ถ้าพร้อมขายเมื่อไหร่หนูจะบอกแม่แล้วกันค่ะ”
บุษราคิดอยู่ครู่หนึ่งก็ตัดสินใจได้ หญิงสาวทอดถอนหายใจเสียงเบา เหม่อมองร้านที่สร้างมาจากน้ำพักน้ำแรงของตัวเองอย่างแสนเสียดาย แต่เธอก็เป็นห่วงอาการป่วยของพ่อเหมือนกัน คงต้องกลับไปดูแลท่านจริงๆ จังๆ ซะที
“จริงๆ นะลูก” บุษบาถามลูกสาวเสียงสั่นด้วยความตื่นเต้น ดีใจที่ในที่สุดครอบครัวของเธอก็จะได้กลับมาอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันเสียที
“ค่ะ” หญิงสาวรับคำเสียงหนักแน่น
“ดีๆ ดีมากเลยจ้ะ ตกลงว่าหนูจะกลับมาฉลองปีใหม่วันไหน แม่จะได้ให้พี่เขาไปรับ”
“วันจันทร์หน้าก็แล้วกันค่ะ ไม่ต้องให้พี่ลำบากขับรถมานะคะ เดี๋ยวหนูขึ้นเครื่องไปเอง”
“จ้ะๆ ได้จ้ะ เดินทางปลอดภัยนะลูก”
“ค่ะแม่ บายค่ะ รักแม่นะ”
หญิงสาวส่งจูบให้ทางโทรศัพท์ ก่อนจะกดวางสาย เดินกลับเข้าไปในร้าน ยังไม่ทันจะถึงเคาน์เตอร์แคชเชียร์ น้องมินตราพนักงานเสิร์ฟหน้าใส ก็เดินเข้ามาหาเสียก่อน
“คุณบุษคะ มีออเดอร์ใหม่จากโรมแรมปัญจธาราค่ะ” มินตราส่งใบรายการสั่งซื้อเค้กหน้าต่างๆ จำนวนหลายรายการให้
บุษรารับมาดูแล้วก็ได้แต่ถอนใจ ตั้งแต่ที่เตชินีได้เป็นแฟนกับเจ้าของโรงแรมดังกล่าวก็ไม่ได้มีออเดอร์จำนวนมากแบบนี้มานานหลายเดือนแล้ว เธอนึกว่าจะไม่มีออเดอร์มาแล้วเสียอีก
“เขาให้ส่งของวันไหนจ๊ะ”
“วันมะรืนค่ะ”
“มิ้นท์ไปบอกทุกคนนะว่าพรุ่งนี้ใครว่างก็มาตอนเช้าเลย เดี๋ยวพี่จ่ายค่าแรงพิเศษให้เป็นสามเท่าเลย จะได้เอาไปฉลองปีใหม่กันด้วย นี่กุญแจสำรองเอาไว้เปิดร้าน พรุ่งนี้พี่จะมาสายหน่อย ฝากด้วยนะจ้ะ”
บุษรายื่นพวงกุญแจให้ แล้วเดินไปที่เคาน์เตอร์เคลียร์ค่าใช้จ่าย และสรุปยอดขายของทั้งปี
หญิงสาววุ่นอยู่กับงานเอกสาร บ้างก็ลุกขึ้นไปช่วยน้องๆ ในช่วงที่มีลูกค้าแน่นร้านบ้าง จนลืมเวลา