รถเก๋งสีดำกลางเก่ากลางใหม่คันหนึ่งจอดอยู่ใกล้กับตอม่อใต้สะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาแห่งหนึ่งในเมืองหลวงของประเทศไทย แสงไฟส่องสว่างบนสะพานส่องลงมาถึงด้านล่างสลัวๆหากมีใครสังเกตก็จะเห็นว่ามีชายสามคนลงจากรถคันดังกล่าวพร้อมกับกำลังหามร่างใครสักคนลงมาด้วยอย่างทุลักทุเลเพราะคนที่โดนหามมีรูปร่างสูงใหญ่พอสมควร
“หนักฉิบหาย” ชายตัวเล็กกว่าเพื่อนบ่น พร้อมกับวางร่างไร้สติบนพื้นปูนกันพังริมแม่น้ำ
“เฮ้ย...มึงอย่าพึ่งแดกหมดสิวะ...อ้าวๆไอ้นี่ ของดีๆอย่างนี้นานทีจะได้กินนะโว้ย...” ชายคนที่ตัวโตกว่าตะคอกใส่เพื่อนที่เป็นคนขับรถและกำลังยกขวดสุราสายพันธุ์ต่างประเทศขึ้นกระเดือกลงคออย่างตะกละตะกราม และมันก็ถูกแย่งมาอยู่ในมือของอีกคน
“มัวแย่งกันแดกเหล้าอยู่นั่นแหละมาช่วยกันจับไอ้นี่โยนลงน้ำก่อนสิวะ” ชายตัวเล็กตะโกนเรียกเพื่อน
“มึงจะรีบไปไหนวะ ยังไงๆมันก็ตายแล้วก็แค่เอาซากมันมากำจัดเฉยๆ มานี่ๆกูมีของดีอีกอย่างให้พวกมึงด้วย” ชายคนขับรถควักมวนบุหรี่ยัดไส้ออกมาจุดแล้วส่งให้เพื่อน แล้วพวกมันก็นั่งอัดควันเข้าปอดอย่างสบายอารมณ์
“เออแล้วอีคุณหญิงอะไรนั่นมันจะจ่ายส่วนที่เหลือวันไหนวะ” ชายตัวเล็กถามเพื่อน
“มันบอกว่าขอให้มั่นใจก่อนว่าไอ้ฝรั่งนี่ไม่มีทางกลับมาได้อีกและลูกชายของมันได้ตำแหน่งที่มันต้องการซะก่อน มันจะสมนาคุณพวกเราอย่างงามทีเดียว”
“ให้มันจริงเถอะว้า...กลัวแต่มันจะเบี้ยวพวกเรานั่นแหละพวกคนรวยๆใช่ว่าจะเชื่อใจได้ทุกคน”
“ลองเบี้ยวดูสิ กูก็ไม่เอามันไว้เหมือนกัน ป่ะไปจัดการให้เรียบร้อยประเดี๋ยวพ่อมึงผ่านมาเห็นมันจะยุ่ง” แล้วชายทั้งสามคนก็พาลุกเดินไปยังร่างที่พวกมันหามไปทิ้งไว้ริมแม่น้ำ
“ตายโหง...ฉิบหายแล้วไหมหละ” ชายทั้งสามอุทานอย่างตกใจ
“ก็ไหนว่ามันตายแล้ว แล้วนี่มันหายไปไหน”
”มึงยิงมันตรงไหนวะ”
“ครั้งแรกกูยิงโดนไหล่มันพอถากๆ พอครั้งที่สองกูก็ยิงบริเวณหน้าอกก็เห็นมันแน่นิ่งกูก็คิดว่ามันตายนะสิ” ชายตัวเล็กพูดหน้าเจื่อนๆพลางนึกย้อนหลังว่าตอนเขาปล่อยกระสุนนัดที่สองไม่ปรากฏว่าเห็นเลือดออกจากร่างของชายผู้นั้นเหมือนนัดแรก
“ไอ้สัดเอ๊ย...แม่ง...กูไม่น่าไว้ใจมึงเลย มึงจำไว้เลยนะ ถ้าจะยิงคนให้ตายมันต้องยิงที่หัว ไป...ออกตามหา กูว่ามันยังไปไหนไม่ไกลหรอกเจ็บขนาดนั้น”