“เอาเถอะๆ พี่จะถือว่า เราไม่เคยมีอะไรกัน ให้ลิลลี่สบายใจ ดีไหมครับ?”
“ก็...ดีค่ะ”
เธอกะพริบตาปริบๆ ปาดน้ำตาป้อยๆ มองคนตรงหน้าที่กำลังมองเธออย่างเอ็นดู “พี่กันต์อย่ารื้อฟื้นอะไรอีกนะ ลิลลี่ผิดไปแล้ว ลิลลี่จะไม่ทำอีกแล้วอะ”
“ไปประชดใครเข้าหรือยังไง? เอาเถอะ...อย่าไปทำแบบนั้นอีกนะ ผู้ชายไม่ได้เหมือนพี่ทุกคน”
เขากระแอม เมื่อรื้อฟื้น ‘เรื่องนั้น’ เจ้าหล่อนหน้าแดงขึ้นมาอีก พลางรีบสั่นหน้าดิกๆ
“ไม่ทำแล้วล่ะค่ะ เข็ดแล้ว ไม่เอาแล้ว มาคิดๆ ดูว่าถ้าคืนนั้น...เอ่อ...ไม่เป็นพี่กันต์จะเป็นยังไง นี่ต้าอี้ก็บ่นเช้าบ่นเย็น ที่ลิลลี่ทำตัวบ้าบอไป”
“อืม...ถ้าลิลลี่สบายใจที่จะลืม เราก็มาลืมกัน โอเคไหม?”
เขาแกล้งว่า จริงๆ แล้วเธอควรจะเดือดร้อนสักนิดก็ดีนะ ข้อที่เสียพรมจรรย์ให้เขาไปแล้ว นี่ไหนจะทั้งหนีเขากลับไม่ทิ้งร่องรอยไว้สักนิด ทำให้เขาต้องเพ้อหา ลงทุนให้เชษฐ์ตามสืบหาหล่อนด้วยซ้ำ จะไปคิดได้ยังไงว่าจะมาเจอะเจอเธอที่นี่ ราวกับว่าพรหมลิขิตยัดเธอใส่มือเขาก็ไม่ปาน แต่เจ้าหล่อนทำเหมือนว่ามันเป็นเรื่องที่ไม่น่าจำ น่าอาย น่าลืมมากๆ
เอ่อ...นี่ไม่ประทับใจกันเลยหรือยังไง
อดเคืองนิดๆ ตามประสาหนุ่มที่ไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนทำแบบนี้ใส่มาก่อน เขามักจะโดนตื้ออยู่เนืองๆ ด้วยซ้ำ
แม่สาวจิ้น...ใจดำ...ได้เขาแล้วทำเหมือนไม่อยากได้...ใจร้ายจริงๆ เขาน่าลืมตรงไหนกันนะ
“ลืมจริงๆ นะคะพี่กันต์”
ดูเอาเถอะ ทำหูทำตาวิ้งๆ แบบนั้น เอ้า...อยากลืมก็ลืมไป เดี๋ยวเขาก็ทำให้เธอจำใหม่ให้ได้น่ะเอง
“ครับ เราจะลืมเรื่องคืนนั้นไป พี่สัญญาจะไม่รื้อฟื้นอีกเลย”
“ค่ะ ขอบคุณมาก ลิลลี่สบายใจ ไปนอนก่อนนะคะ” ว่าแล้วเจ้าหล่อนก็เดินแกมวิ่ง
ฟิ้ววววววววว
หนีเขาไปด้วยความไวแสง
เอ่อ...
แบบนี้ก็มีด้วย...
ดร.หนุ่มคิดแล้วก็อดนึกขำ แม่สาวเวอร์จิ้นใจร้าย ที่ไม่คิดจะประทับใจเขาสักนิด แบบนี้เขาควรจะเรียกร้องค่าเสียหายทางจิตใจกับหล่อนใช่ไหม
เขาเรียกค่าสึกหรอทางจิตใจของ ผู้ชายอกสามศอก อะไรๆ ไม่ธรรมดา คุ้มแน่นอน