เรื่องนี้เกิดจากการหยิบนิยาย ล่าหัวใจเจ้าทะเลทราย ที่ได้ตีพิมพ์เป็นรูปเล่มมาอ่านอีกครั้ง นัก(อยาก)เขียนนามปากกา เทียรดา จึงมีไฟในการแต่งนิยายคุโชนขึ้นมาทันที จินตนาการโลดแล่น ศรีสิรินทร์สาวน้อยจากประเทศไทยจึงมีชีวิต โลดแล่นออกจากจินตนาการ เมื่อเจ้าหญิงพระชายาได้ร่วมแข่งแรลลี่ทะเลทรายกับราชองครักษ์ฮารูน เจ้าหญิงกำมะลอไปเที่ยวชมเทศการชนอูฐสุดระทึก แล้วต้องตกกระไดพลอยโจนอยู่ท่ามการประลองการเลือกคู่ของชนเผ่าสตากิยา เมื่อเจ้าสาวหนีเป็นชนวนเหตุให้เธอต้องยอมเอ่อออห่อหมกเป็นเจ้าสาวจำเป็นของราชองครักษ์ฮารูนอย่างเสียไม่ได้ เกมรักพระชายากำมะลอต้องเปลี่ยนไป...
อารัมภบท
เอบีน่า อัสซาร์ มารี และ ศรีสิรินทร์ สุรบดินทร เป็นฝาแฝด แต่เอ๊ะ! ทำไมทั้งคู่ชื่อ-สกุลไม่เหมือนกัน
ฉันเองก็เคยสงสัยเหมือนคนอื่นๆ แต่คุณตาและคุณยายได้ไขข้อข้องใจ
เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อ 22 ปีก่อน
แม่วรรณีได้แต่งงานกับท่านพ่อคือ อาเซน อัสซาร์ มารี ชาวซาร์เบเมียและได้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขที่ประเทศซาร์เบเมีย
ซาร์เบเมียเป็นประเทศเล็กๆ พื้นที่ส่วนใหญ่มีสภาพเป็นทะเลทราย ประชาชนของประเทศนี้ประกอบด้วยชนกลุ่มน้อยหลายๆ ชนเผ่า บ้านเมืองร่มเย็นภายใต้การปกครองแบบธรรมราชาของพระเจ้าอัง วาดิมอร์ กษัตริย์องค์ปัจจุบัน
ตอนแม่วรรณีท้องได้ 7 เดือนได้เดินทางกลับมาเยี่ยมคุณตาคุณยายในประเทศไทย เรื่องไม่เป็นเรื่องก็เกิดขึ้น แม่เกิดอุบัติเหตุ หมอต้องทำคลอดแม่วรรณีก่อนกำหนด
ฉันเกือบไม่ได้มีชีวิตในโลกนี้ก็ว่าได้ เพราะวันที่แม่วรรณีคลอดนั้น ฉันได้หยุดหายใจไปชั่วขณะ คุณหมอต้องปั้มหัวใจ ส่งเข้าห้องไอซียูตั้งแต่วินาทีแรกที่ลืมตาดูโลก ส่วนน้องสาวฝาแฝด เอบีน่า มีสุขภาพแข็งแรงดี
ตู้อบของโรงพยาบาลเป็นบ้านหลังแรก
ฉันต้องอยู่นานนับ 6 เดือน ทำให้พ่ออาเซน อัสซาร์ มารี และ แม่วรรณี ต้องมอบฉันไว้ในความดูแลของคุณตาและคุณยาย
สุดท้าย ตัวฉัน ในวันนี้ กลายเป็นลูกสาวของคุณลุงวิรัช สุรบดินทร พี่ชายแท้ๆ ของแม่วรรณีนั่นเอง
เมื่ออาทิตย์ก่อน พ่อวิรัช คุณตา คุณยาย มาส่งฉัน ณ สนามบินสุวรรณภูมิ เพื่อเหินฟ้าสู่ซาร์เบเมีย
แต่การมาครั้งนี้...ไม่เหมือนทุกครั้ง...
ฉันมางานสำคัญระดับประเทศ
เอบีน่า ฝาแฝดของฉันกำลังจะเข้าพิธีแต่งงาน
อ้อ...ไม่ใช่สิ...ต้องเรียกอภิเษกสมรส
เพราะคู่หมั้นคู่หมายเป็นถึงพระราชโอรสในพระเจ้าอัง วาดิมอร์ กษัตริย์องค์ปัจจุบัน มีพระนามว่า เจ้าชายยีซาป จีเซมี วาดิมอร์
ว้าว...น้องสาวฉันกำลังจะเป็นเจ้าหญิง
ความจริงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจที่เอบีน่าได้รับเลือกเป็นพระคู่หมั้น เพราะท่านพ่ออาเซนเป็นถึงพระญาติสนิทของพระราชินีองค์ก่อน เรียกว่าท่านพ่ออาเซนเป็นราชินิกุลคนหนึ่งก็ว่าได้ แต่สำหรับฉันแล้ว ฉันไม่ได้สนใจเรื่องเชื้อสายนี้สักเท่าไร คงเพราะฉันไม่ได้เติบโตในซาร์เบเมีย
เสียงตามสายของท่านพ่ออาเซนและแม่วรรณีที่หมั่นโทรศัพท์ข้ามทวีป คือ ความอบอุ่นใจ เมื่อได้ยิน...พ่อรักลูก แม่รักลูก และลงท้ายด้วยการชักชวนให้ไปเป็น ศรีสิรินทร์ อัสซาร์ มารี ทุกครั้งไป
เฮ้ออออ...มันยากนะ ที่จะให้ฉันเลือก
ท่านพ่ออาเซนส่งครูชาวซาร์เบเมียมาสอนภาษาและขนบธรรมเนียมของประเทศซาร์เบเมียให้ตั้งแต่ฉันยังเด็ก เหมือนต้องการตอกย้ำว่า ฉันมีเลือดซาร์เบเมียอยู่ครึ่งหนึ่ง นั่นคงเพราะท่านพ่ออาเซนเห็นว่า ฉันคงหมดโอกาสได้เติบโตในซาร์เบเมียแน่แล้ว อีกอย่างพ่อวิรัช คุณตา คุณยายคงไม่ยอมแน่ๆ
แต่ไม่ว่าฉันจะเป็น ศรีสิรินทร์ สุรบดินทร
หรือเป็น ศรีสิรินทร์ อัสซาร์ มารี
ฉันก็ไม่สามารถเลือกใครได้ เพราะทุกคนล้วนเป็นบุคคลที่ฉันรักทั้งสิ้น ด้วยเหตุผลนี้ทำให้ฉันต้องบินไปบินมาระหว่างกรุงเทพฯกับซาร์เบเมียทุกปิดภาคเรียน
“คุณหนูสิรินทร์...คุณหนูเปิดประตูด้วยเจ้าค่ะ คุณหนู...” เสียงเคาะประตูพร้อมกับเสียงเรียกดังลั่นบ้าน ทำให้ศรีสิรินทร์ตื่นจากภวังค์
เมื่อเธอเดินไปเปิดประตู เมเดเด พี่เลี้ยงของเอบีน่าพุ่งเข้าห้องทันที เมเดเดเดินรอบห้องอย่างกระวนกระวาย นัยน์ตากวาดส่ายเหมือนมองหาอะไรสักอย่าง
“พี่เมเดเด หาอะไร”
“คุณหนูเอบีน่าค่ะ”
“เอบีน่า...ก็อยู่ห้องของเค้านะสิ”
“เมื่อคืนคุณหนูเอบีน่าบอกพี่ จะนอนกับคุณหนู
สิรินทร์ที่นี่”
“ใช่ เอบีน่าขอนอนด้วย แต่กลับห้องไปก่อนรุ่งเช้าแล้วนะ”
“จริงหรือคะ”
“จริงสิ สิรินทร์จะหลอกพี่ทำไม”
“โธ่ๆๆ แย่แล้วๆๆวันนี้ 9 โมง ตามหมายกำหนดการของสำนักพระราชวัง รถพระที่นั่งจะมารับตัวคุณหนูเอบีน่าไปเข้าพิธีอภิเษก ทำไงดีคะ พี่ยังหาคุณหนูไม่เจอเลย...“ น้ำเสียง สีหน้าของพี่เลี้ยงร้อนรน
“ในสวนล่ะ หาแล้วหรือยัง”
เมเดเดรีบออกจากห้องไปหาเอบีน่าในสวน
เอบีน่าหายไปหรือ?
ศรีสิรินทร์ขนลุก หวนนึกถึงเมื่อคืนนี้ เอบีน่าขอกอดเธอ สีหน้า และแววตาเศร้าสร้อย อีกทั้งขอให้เล่าเรื่องเมืองไทยให้ฟังจนผล็อยหลับไป แต่ไม่ทันได้คิดอะไรต่อ พลัน...
“ลูกสิรินทร์” แม่วรรณีเรียกชื่อเธอ น้ำตาเอ่อล้น
เอ๊ะ! ท่านแม่เป็นอะไร หรือมีอะไรเกิดกับเอบีน่า?
“ท่านแม่ ท่านพ่อ”
ศรีสิรินทร์ตกใจ เหตุใดท่านพ่ออาเซนและแม่วรรณีมาปรากฏตัวในห้องพร้อมกัน สีหน้าวิตกกังวลฉายให้เห็นเด่นชัด
“มีอะไรหรือเปล่าคะ” สิ้นเสียงศรีสิรินทร์ แม่วรรณีได้โผเข้ากอดและเริ่มร้องไห้
ศรีสิรินทร์เริ่มวิตก นี่มันสัญญาณไม่ดีแล้ว
หญิงสาวเผลอบีบมือของตัวเอง
“เอบีน่าไปแล้ว” น้ำเสียงแม่วรรณีปนสะอื้น
“เอบีน่าไปแล้ว สิรินทร์” ท่านพ่ออาเซนพูดย้ำ
“เป็นไปได้อย่างไร เมื่อคืนเอบีน่ายังคุยกับลูกอยู่ที่นี่” ศรีสิรินทร์พยายามแย้ง
“เอบีน่าปลอมตัวเป็นลูก”
“เอบีน่าปลอมเป็นสิรินทร์และให้คนรถไปส่งที่สนามบินแต่เช้ามืด เอบีน่าเดินทางไปเมืองไทยแล้ว”
ปลอมตัว???
เธอไม่ได้หูฝาด พ่อและแม่พูดชัดเจนและหมายความของคำพูดก็เป็นเช่นนั้น
เอบีน่าปลอมเป็นศรีสิรินทร์...
นี่เรื่องอะไรกัน วันนี้วันมงคลแท้ๆ แต่ต้องมาเจอเรื่องโกลาหลแต่เช้าตรู่...
ศรีสิรินทร์รีบเดินไปเปิดลิ้นชัก ทันใดหัวใจของเธอต้องกระตุกวาบ...พาสปอร์ต ตั๋วเครื่องบิน อันตรธานหายไปแล้ว...