เอ็นริเก้ ริเควซ่า (อายุ 33 ปี)
ลูกชายคนเดียวแห่งตระกูลริเควซ่า ตระกูลผู้มั่งคั่งไปด้วยอำนาจ บารมี และเงินทอง เมื่อเอ่ยถึงตระกูลนี้ คงไม่มีใครในสเปนที่ไม่รู้จัก เพราะธุรกิจของตระกูลนี้เกือบครอบคลุมทั้งประเทศ แล้วยังเหลือเผื่อแผ่ออกไปยังต่างประเทศ เกือบทั่วโลก ก็จะไม่ให้เป็นเช่นนั้นได้อย่างไร ในเมื่อธุรกิจของตระกูลนี้มีตั้งแต่ในน้ำ บนบก กระทั่งบนท้องฟ้า การขนส่งทุกแขนง ตระกูลริเควซ่าถือเป็นเบอร์หนึ่ง ธุรกิจเกี่ยวกับด้านสินค้าอุปโภค บริโภคก็ใช่ย่อยผลิตเองจำหน่ายเองโดยมีการสร้างช่องทางการจำหน่ายเป็นของตนเอง ห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ กลาง เล็ก ริเควซ่าเป็นต้องมีชื่อเป็นผู้ถือหุ้นอยู่เกือบทั้งสิ้น
แต่ผู้สืบทอดโดยตรงอย่าง เอ็นริเก้ ริเควซ่า ผู้ที่ถูกเลี้ยงดูอย่างราชา หาได้ต้องการจะนั่งแท่นอยู่บนกองเงินกองทองของเขาไม่ สิ่งที่ต้องการคือการพิสูจน์ตัวเอง เพื่อให้คนอื่นเห็นว่าเขาสามารถสร้างฐานะของตนเองได้ โดยไม่ต้องพึ่งชื่อเสียงหรือฐานะของทางบ้าน จนเป็นที่ประจักษ์แก่ผู้อื่น เมื่อเขาสามารถนำพาบริษัทอัญมณีที่ร่วมสร้างกันมากับเพื่อนสนิทขึ้นมาเป็นอันดับหนึ่งของประเทศได้ในขณะเขายังหนุ่ม จนตอนนี้เขากลายเป็นชายหนุ่มเนื้อหอม ที่สาว ๆ หมายตาอยากคว้ามาเดินควงแขนเป็นอันดับต้น ๆ ของประเทศ
จรีภรณ์ ม่านสิริ (ชื่อเล่น จ๋าย, อายุ 24 ปี)
สาวไทยสู้ชีวิต อารมณ์ดี มองโลกในแง่ดี แต่โชคชะตาก็เหมือนจะอยู่คนละข้างกับเธอ จากครอบครัวที่มีความสุขอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตาพ่อ แม่ และลูก ๆ ก็ต้องมาเปลี่ยนไป เมื่อวันเกิดครบ17 ปีเต็มของเธอ กลายเป็นวันที่เธอสูญเสียพ่อกับแม่ของเธอไปตลอดกาลพร้อมกัน เนื่องจากอุบัติเหตุรถชน ทำให้เธอกับพี่สาวที่อายุห่างกันเพียงปีเดียวต้องมาอยู่ในอุปการะของคุณย่ามณเฑียร ม่านสิริ และฐานะก็ไม่ได้ดีเหมือนเดิม แต่คุณย่าก็สามารถส่งเสียให้เธอและพี่สาวเรียนจนจบปริญญาตรีด้านการออกแบบมาได้ โดยที่เธอและพี่สาวเองก็ไม่ได้อยู่เฉย ช่วยกันทำงานหาเงินในเวลาว่าง เพื่อลดภาระคุณย่าของเธอด้วย หลังจากเรียนจบพร้อมกันทั้งคู่ก็ได้ทำงานในบริษัทผู้ผลิตและส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับแห่งหนึ่ง ทุกอย่างน่าจะไปได้ดี หากพี่สาวของเธอไม่ท้องโดยไม่ยอมบอกว่าใครคือพ่อของลูกเสียก่อน เพราะความสงสารหลานสาว ทำให้ผู้เป็นย่าเครียดแล้วพาลให้โรคความดันแสดงอาการจนต้องพาไปหาหมออยู่หลายครั้ง จนกระทั่งถึงวันที่หนึ่งชีวิตลืมตาขึ้นมาดูโลก แต่อีกหนึ่งชีวิตกลับลาจาก เธอได้เสียพี่สาวไปจากอาการตกเลือด หมอช่วยชีวิตเด็กน้อยไว้ได้เพียงคนเดียว เป็นเหตุทำให้โรคความดันของคุณย่าเธอกำเริบหนักจนต้องเข้าห้องไอซียู แล้วเธอจะทำอย่างไรต่อไปกับหนึ่งชีวิตในห้องไอซียู หนึ่งชีวิตในห้องเด็กอ่อน และอีกหนึ่งร่างที่ไร้ลมหายใจ
@@@@@@@@@@@@@@@
"จรีภรณ์ ขึ้นรถ" เสียงดังอย่างผู้มีอำนาจสั่งหญิงสาวตัวเล็กให้ขึ้นรถคันสวย ที่เขาอุตส่าห์ให้คนรถเอามาเปลี่ยน แล้วให้คนขับรถขับคันเดิมกลับไปพร้อมกับคนขับรถคู่ใจของเขาด้วย เพราะหวังจะขับรถคู่ใจพาคนตัวเล็กไปกินข้าวด้วยกัน
"ไม่ คุณไม่ใช่จ้าวชีวิตของฉันนะ นี่หมดเวลาทำงานแล้ว คุณไม่มีสิทธิ์มาออกคำสั่งกับฉัน" จรีภรณ์แหวใส่เขาทันที ก่อนจะเดินไปข้ามถนนเพื่อไปขึ้นรถโดยสารตามปกติของเธอ
"แล้วเธอจะได้รู้ ว่าคนอย่างฉันบ้าได้มากกว่าที่เธอคิด" เอ็นริเก้ตะโกนใส่หญิงสาวที่เดินหนีเขาอย่างไม่คิดที่จะเหลียวหลังมาสนใจคนหล่ออย่างเขา
เอี๊ยดดดดดด..... เสียงรถเบรคจนล้อลาก ไม่ใช่ฝีมือใครที่ไหน เป็นเอ็นริเก้เองที่ขับรถลัมโบกินีคู่ใจมาจอดแนบชิดกับขาสวย ที่ตอนนี้ออกอาการสั่นนิด ๆ จะเพราะตกใจกลัว หรือเพราะโกรธ หรือทั้งสองอย่าง เธอก็ยังตอบไม่ได้ เพราะตอนนี้เหมือนช็อคอยู่ชั่วขณะ ไม่ใช่แค่เธอแต่คนรอบข้างด้วยที่หันมาตามเสียงเบรครถที่ดังสนั่นนั้น ตามมาด้วยเสียงกรี๊ดของสาวแท้สาวเทียมที่อยู่บริเวณนั้นเมื่อชายหนุ่มเปิดประตูรถลงมา
"จะขึ้นรถได้หรือยัง หรือว่าต้องให้อุ้มขึ้นมาด้วย" เอ็นริเก้ตะโกนใส่หญิงสาวอย่างผู้ชนะ
@@@@@@@@@@@@
นิยายเรื่องนี้เขียนขึ้นจากจิตนาการส่วนตัว ถ้าชอบก็ขอกำลังใจกดไลค์ให้กันบ้างนะคะ และจะยินดีเป็นอย่างยิ่งถ้าหากจะมีคำติ คำเสนอแนะสำหรับนักเขียนใหม่อย่างไรท์คนนี้บ้างก็จะเป็นพระคุณนะจ๊ะ :)
ภาพที่ใช้ก็เพื่อสร้างจินตนาการและเพิ่มความสนุกให้รีดนะคะ ต้องขอบคุณภาพสวย ๆ จากเว็บไซค์ต่าง ๆ ที่มาปรากฏบนกูเกิ้ลด้วยค่ะ :)